คลังเก็บ

รีวิว : OPPO Reno4 ถ่ายรูปสวยชัดในสไตล์ที่เป็นคุณ ครบจบในเครื่องเดียว

คุณสมบัติการใช้งาน

OPPO Reno4 รันบนระบบปฎิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย ColorOS 7.2 ที่มีการปรับดีไซน์หน้าตา UI ใหม่ให้ดูเรียบขึ้น สีสันของหน้าจอและไอคอนต่างๆ จะดูสบายตากว่าเดิม แถมยังสามารถปรับแต่งขนาดของไอคอนได้ตามใจชอบด้วย 

นอกจากนี้ยังมาพร้อมวอลเปเปอร์ใหม่ทางด้านศิลปะกว่า 30 ภาพ ซึ่งเป็นการออกบแบบของนักออกแบบส่วนหนึ่งใน “Artrist Wallpaper Project” โดยเป็นการร่วมมือกับศิลปินที่มีความสามารถกว่า 15 คนทั่วโลก เช่น TOM Hegen และ Ian Fisher โดยผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดวอลล์เปเปอร์เหล่านี้ได้ฟรีจากร้านธีมของ OPPO

รวมถึงยังมี Gravity Wallpaper ที่สามารถหมุนตามทิศทาง แรงโน้มถ่วงของสมาร์ตโฟนของผู้ใช้ ซึ่งจะสร้างเอฟเฟกต์แบบไดนามิก โดยวอลเปเปอร์นี้ ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ OPPO Reno4 เพื่อโชว์บุคลิกภาพของผู้ใช้ และแสดงถึงความ สร้างสรรค์ด้วยเทรนด์ใหม่ๆในแบบของคุณ

ColorOS 7.2 ยังมอบฟังกชั่น์ที่ใช้งานได้ง่ายขึ้น และช่วยเพิ่มประสบการณ์การใช้งาน OPPO Reno4 ให้สะดวกยิ่งขึ้น โดยเมื่อเปิดใช้งาน “Icon Pull-down Gesture” ไอคอนแอปพลิเคชันใน OPPO Reno4 จะเลื่อนลงไปที่ข้างล่างของหน้าจอ ซึ่งไม่ไกลจากนิ้วโป้ง เพื่อให้ใช้งานได้อย่างง่ายด้วยมือเดียวบนหน้าจอขนาดใหญ่ ไอคอน Pull-down Gesture ยังสามารถเปิดใช้งานได้โดยเลื่อนขึ้นบนขอบซ้ายหรือขวาของ home screen

รวมถึงมี Always-on Dark Mode ฟีเจอร์ที่สามารถใช้โหมดกลางคืนได้ตลอดทั้งวัน เพื่อให้ใช้งานได้สบายตาขึ้น และไม่ทำให้ตาล้าจากการใช้งานในที่แสงน้อย โดย Always-on Dark Mode ใน ColorOS 7.2 ยังสามารถใช้งานกับแอปอื่นๆ ได้ด้วย นอกจากนี้การเปิดโหมดดังกล่าวยังช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้ถึง 38% เลยทีเดียว

ถ้าแตะที่ด้านบนแล้วลากลงมาจะเป็นหน้าจอแจ้งเตือน Notifications และถ้าเลื่อนจากใต้หน้าจอขึ้นมาจะเป็นหน้าสำหรับเปิดปิดการเชื่อมต่อต่างๆ ทั้งอินเทอร์เน็ต, WiFi รวมทั้งปรับความสว่าง มีฟังก์ชันถนอมสายตา (Eye protection) เป็นต้น และตั้งค่าใช้งานต่างๆ โดยสามารถเลือกเปลี่ยนไอคอนเพิ่มเติมได้

รองรับการใช้งาน 2 ซิม พร้อมรองรับเครือข่าย 4G LTE with VoLTE และรองรับ Full Net Com 4.0 ใช้ 4G/3G ทั้ง 2 ซิม รวมถึงรองรับ Dual VoLTE ที่สามารถเปิด VoLTE ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม ทำให้การโทรผ่านสัญญาณที่มีความเร็วสูงบนคลื่น 4G  มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้งานด้านการโทรควบคู่ไปกับการใช้งาน Data ได้อย่างราบลื่นอีกด้วย

ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังบนหน้าจอแบบออปติคอล Hidden Fingerprint Unlock 3.0 สามารถสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคได้ไวกว่าเดิม 11.3% โดยตัวเซ็นเซอร์จะอยู่ที่ใต้หน้าจอด้านล่าง รองรับการตั้งค่าได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ โดยก่อนใช้งานจะต้องทำการลงทะเบียนลายนิ้วมือพร้องตั้งรหัสแบบ PIN หรือแบบอื่นๆ ก่อน

รองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า เพียงลงทะเบียนด้วยใบหน้า ซึ่งจะใช้ได้เพียงหน้าเดียวเท่านั้น สามารถใช้งานด้วยการปัดหน้าจอขึ้น เพื่อเรียกการทำงานของกล้องหน้าให้ขึ้นมาปลดล็อค แล้วมองไปที่กล้องหน้าจอก็จะปลดล็อค อาจใช้เวลามากกว่าการสแกนด้วยนิ้วเล็กน้อย

รองรับเทคโนโลยี OPPO Screen Image Engine (OSIE) ที่มาช่วยปรับปรุงคุณภาพของภาพและเอฟเฟกต์ภาพให้มีความสดใสมากยิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่มความอิ่มตัวของสีความคมชัดของภาพและลด noise ในแอพจากภายนอก เช่น Instagram, TikTok, Vmate, Vigo และ Likee

รองรับระบบเสียง Dolby Atmos โดยสามารถปรับการเล่นเสียงได้ทั้งหมด 4 รูปแบบได้แก่ Smart สำหรับปรับแต่งเสียงเอฟเฟกต์ให้เหมาะสมกับคอนเทนต์ที่กำลังเล่นอยู่แบบอัตโนมัติ, Movie สำหรับปรับเอฟเฟกต์เสียงแบบรอบทิศทาง และขยายเสียงเบสให้มีความกระหึ่มมากยิ่งขึ้น, Gaming สำหรับปรับเสียงเอฟเฟกต์โดยเน้นเสียงเบสเป็นหลัก และ Music สำหรับปรับเอฟเฟกต์เสียงให้เหมาะสมแก่การฟังเพลง ไม่หนักไปทางใดทางหนึ่ง

Lab Ringtone
Decision Spinner

นอกจากนี้ OPPO Reno4 ยังมาพร้อม OPPO LAB แอปพลิเคชั่นใหม่ที่เปิดตัวครั้งในบน Color OS 7.2 สำหรับทดลองใช้ฟีเจอร์ใหม่ที่กำลังถูกทดสอบก่อนใคร ซึ่งตอนนี้มีให้เลือก 2 ฟังก์ชั่นใหม่คือ

  • Lab Ringtone ฟีเจอร์สำหรับปรับแต่งเสียงเรียกเข้าซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งเสียงเรียกข้าที่ไม่ซ้ำใคร หรือเสียงแจ้งเตือน เพื่อแสดงถึงตัวตนของผู้ใช้ ซึ่งในตอนนี้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งเสียงเรียกเข้าส่วนบุคคลได้ทั้งหมด 10 แบบ
  • Decision Spinner เป็นฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้ปรับแต่งรูเล็ตแห่งการตัดสินใจของตัวเอง เพื่อให้แอปพลิเคชั่นตัดสินใจแบบสุ่มให้สำหรับผู้ที่ตัดสินใจไม่ถูก เช่น คุณสามารถกำหนดรูเล็ตของตัวเลือกอาหาร เพื่อตัดสินใจว่า วันนี้จะกินอะไร

OPPO Relax แอปพลิเคชันใหม่ล่าสุดที่นำเสนอเพลงที่ช่วยให้ผู้ใช้ได้ผ่อนคลาย เหมาะสำหรับเปิดระหว่างเข้านอน, อ่านหนังสือ หรือต้องการทำสมาธิ เป็นอย่างดี

รวมถึงรองรับ Netflix HD Streaming และการสตรีมแบบ 1080P ซึ่งผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินกับความบันเทิงใน Netflix ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ที่ชื่นชอบ หรือซีรีส์เรื่องโปรดในรูปแบบ HD

อ่านต่อหน้า 3