คลังเก็บ

รีวิว : OPPO R15 Pro สมาร์ทโฟนดีไซน์กระจกหรูไล่เฉดสี พร้อมสเปกสุดแรง และกล้องหลังคู่ AI Beauty 2.0

หลังจากปีที่ผ่านมา OPPO ประเทศไทยได้นำ  OPPO R9S เข้ามาจำหน่ายในบ้านเราไป หลังจากนั้นห่างหายไปโดยเน้นทำตลาดที่ตระกูล F Series และ A Series เป็นหลัก

ล่าสุดได้นำสมาร์ทโฟนตระกูลดังกล่าวกลับมาอีกครั้งกับ OPPO R15 Pro สมาร์ทโฟนระดับกลางบนในตระกูล R Series ที่มาพร้อมดีไซน์สุดหรู และสเปกสุดแรง

OPPO R15 Pro

อุปกรณ์ในกล่อง

กล่องแพ็คเกจจิ้งของ OPPO F15 Pro เป็นกล่องกระดาษแข็งสีขาวที่ออกแบบดึงลิ้นชักออกมา โดยมีโลโก้และชื่อรุ่นสลักเป็นสีทองดูพรีเมียม ส่วนด้านหลังเป็นรายละเอียดของเครื่องรุ่นนี้

เมื่อเปิดกล่องออกมาจะพบกับตัวเครื่อง และอุปกรณ์ต่างๆ ได้แก่ อแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่, สายดาต้าลิงคฺ์ microUSB 2.0 , ชุดหูฟังแบบ in-ear ขนาดมาตรฐาน 3.5 มม., เคสซิลิโคนแบบใส, อุปกรณ์ถอด SIM Card, ใบรับประกัน และคู่มือการใช้งาน

รูปลักษณ์ดีไซน์

OPPO R15 Pro มาพร้อมกับดีไซน์โค้งมนเรียบหรูดูพรีเมียม พร้อมพิ้นผิวกระจกไล่เฉดสีที่ออกแบบร่วมกับดีไซน์เนอร์ระดับโลกที่คร่ำหวอดในวงการออกแบบอุตสาหกรรมอย่าง Karim Rashid ด้วยการไล่เฉดด้วยสีเรียบๆ  ให้ดูมีมิติโดยมี 2 เฉดสีคือ สีแดง Ruby Red และสีม่วง Cosmic Purple ด้วยขนาด 156.5 x 75.2 x 8 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 180 กรัม

ด้านหน้าเครื่อง เริ่มจากด้านบนตรงกลางเป็น Notch หรือรอยบาก ซึ่งเป็นตำแหน่งของกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล, ช่องลำโพงสนทนา และเซ็นเซอร์ต่างๆ ทั้งปิดหน้าจอ และปรับความสว่างอัตโนมัติ

ถัดลงมาเป็นหน้าจอแสดงผล Super Full Screen แบบ OLED ความละเอียด FHD+ 2280 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.28 นิ้ว ในอัตราส่วน 19:9 และมีสัดส่วนตัวเครื่องกับหน้าจอที่ 89%

ครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5 พร้อมกระจกขอบโค้งแบบ 3D และที่ด้านล่างไม่มีปุ่มใดๆ โดยปุ่มควบคุมการใช้งานต่างๆ จะอยู่บนหน้าจอ และแสดงให้เห็นเมื่อใช้งาน

ด้านหลังเครื่องอย่างที่บอกไว้คือเป็นกระจกมันวาวไล่เฉดสีจากสีเข้มลงมาเป็นสีอ่อน และไม่เกิดรอยนิ้วมือได้ง่าย โดยมุมซ้ายด้านบนมีเลนส์กล้องคู่ในแนวนอนความละเอียด 20+16 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช LED ถัดลงมาตรงกลางมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และโลโก้ OPPO

ด้านซ้ายข้างเครื่องมีปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง

ด้านขวาข้างเครื่องมีช่องใส่ซิมการ์ดแบบไฮบริด โดยช่องแรกรองรับซิมการ์ดแบบ Nano SIM ส่วนอีกช่องรองรับซิมการ์ดแบบ Nano SIM และ microSD Card ซึ่งต้องเลือกง่จะใส่อะไร ถัดลงมามีปุ่ม Power สำหรับเปิดและปิดเครื่อง

ด้านบนเครื่องมีช่องไมโครโฟนตัดเสียง

ด้านล่างเครื่อง ด้านซ้ายมีช่องลำโพงเสียง ตรงกลางมีช่องเสียบชาร์จไฟและสายดาต้าลิงค์แบบ microUSB 2.0 ส่วนด้านขวามีช่องไมโครโฟน และช่องเสียบชุดหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม.

สเปก OPPO R15 Pro

ขนาด 156.5 × 75.2 × 8 มิลลิเมตร
น้ำหนัก 180 กรัม
หน้าจอ OLED 16 ล้านสี ความละเอียด FHD+ 1080 x 2280 พิกเซล ขนาด 6.28 นิ้ว ในอัตราส่วน 19:9
หน่วยประมวลผล Octa Core ความเร็ว 2.2GHz, ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 660 AIE, หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 512
RAM 6GB
หน่วยความจำภายในเครื่อง 128GB
microSD Card สูงสุด 256GB
กล้องถ่ายภาพ กล้องหลังคู่ ความละเอียด 20+16 ล้าน รูรับแสง f/1.7  พร้อมไฟแฟลช LED และระบบ PDAF ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 และ AI Beauty 2.0
ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ครอบทับด้วย Color OS 5.0
เชื่อมต่อ รองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, WiFi Direct, hotspot, Bluetooth 5.0, microUSB 2.0
รองรับระบบ 4G LTE Band 1/2/3/4/5/7/8/12/17/34/38/40/41 และ 3G 850/900/1900/2100 MHz ( 4G และ 3G ทุกเครือข่ายในไทย)
แบตเตอรี่ 3,400 mAh รองรับ เทคโนโลยีชาร์จไว VOOC Flash Charge
ราคา 19,990 บาท

คุณสมบัติการใช้งาน

OPPO R15 Pro รันบนระบบปฎิบัติการ ColorOS 5.0 บนพื้นฐานระบบปฎิบัติการ Android 8.1 Oreo พร้อมสีสันสวยงามในแบบฉบับสมาร์ทโฟน OPPO ใช้งานง่าย และปรับแต่งได้ตามใจชอบไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนธีม, การเปลี่ยนภาพพื้นหลัง, การนำวิดเจ็ตที่ต้องการใช้งานมาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน และการเปลี่ยนเอฟเฟกต์ปลดล็อกหน้า

โดยในส่วนของหน้าจอหลักนั้น มีหน้าจอเริ่มต้นให้ใช้ทั้งหมด 2 หน้าหลักด้วยกัน โดยด้านซ้ายเป็นหน้า Smart Assistant หรือผู้ช่วยอัจฉริยะสำหรับใข้งานฟังก์ชั่นที่ใช้บ่อยโดยการแตะครั้งเดียว และดูข้อมูลสำคัญอย่างรวดเร็วในขั้นตอนเดียว

นอกจากนี้ถ้าแตะที่ด้านบนแล้วลากลงมาจะเป็นหน้าจอแจ้งเตือน Notifications และถ้าเลือนจากใต้หน้าจอขึ้นมาจะเป็นหน้าสำหรับเปิดปิดการเชื่อมต่อต่างๆ ทั้งอินเทอร์เน็ต, WiFi รวมทั้งปรับความสว่าง มีฟังก์ชันถนอมสายตา (Eye protection) เป็นต้น และตั้งค่าใช้งานต่างๆ

สามารถดาวน์โหลด Theme และภาพวอลเปอร์สวยๆ ในร้านขายธีม มาเปลี่ยนบนหน้าจอได้

รองรับการใช้งาน 2 ซิม พร้อมรองรับเครือข่าย 4G LTE with VoLTE และรองรับ Full Net Com 3.0 ใช้ 4G/3G ทั้ง 2 ซิม

ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังเครื่อง รองรับการตั้งค่าได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ โดยก่อนใช้งานจะต้องทำการลงทะเบียนลายนิ้วมือพร้องตั้งรหัสแบบ PIN หรือแบบอื่นๆ ก่อน

รองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า เพียงลงทะเบียนด้วยใบหน้า ซึ่งจะใช้ได้เพียงหน้าเดียวเท่านั้น จากนั้นเมื่อหน้าจอติดมองไปยังบนหน้าจอก็สามารถปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ใบหน้าเพื่อเข้าสู้แอปที่ป้องกันไว้ หรือในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยได้

มีฟังก์ชั่น Hold off Distractions สำหรับคนที่ชอบเล่นเกม และดูหนังอย่างต่อเนื่องไม่ต้องกังวัลเมื่อมีสายเรียกเข้า เพราะฟังก์ชั่นนี้จะแสดงแถบแจ้งเตือนเล็กๆ ที่ด้านบน โดยไม่ตัดเข้าหน้าโทรศัพท์ หากต้องการรับสายจะเป็นการสนทนาผ่านลำโพงทันที ซึ่งผู้ใช้ก็ยังสามารถเล่นเกมต่อได้ และสนทนาไปพร้อมๆ กัน

มีฟังก์ชัน Split-Screen สำหรับแบ่งหน้าจอ เพื่อให้ใช้งานได้พร้อมกัน 2 แอปพลิเคชัน รวมทั้งรองรับแอปโคลน ผู้ใช้สามารถโคลนนิ่งแอปพลิเคชันไลน์ หรือ WhatsApp นั้นหมายว่าความว่าผู้ใช้สามารถล็อกอินเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน Line ได้ พร้อมๆ กัน ถึง 2 บัญชี

คุณสมบัติอื่นๆ ก็มีมาให้อย่างครบถ้วน

ด้านการถ่ายภาพ

OPPO R15 Pro มาพร้อมกล้องหลังคู่ Dual Camera เซ็นเซอร์ Sony IMX519 และไฟแฟลชคู่ Dual Tone LED โดยกล้องหลักความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และรูรับแสง f/1.7 กล้องรองความละเอียด 20 ล้านพิกเซล และรูรับแสง f/1.7

พร้อมระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF รวมถึงมีโหมด Portait, โหมดถ่ายภาพโปร, พาโนราม่า, หน้าสวย, โหมดย่นเวลา, โหมดโลโมชั่น และโหมดสติ๊กเกอร์

นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีผู้ช่วยอัจฉริยะ AI-enhanced camera ที่ทำให้การถ่ายรูปต่างๆ ให้สวยสมจริงกลายเป็นเรื่องง่าย ด้วยฟีเจอร์มากมาย เช่น

3D Portrait Lighting ช่วยปรับแต่งแสงบนภาพถ่ายต่างๆ แบบ 3D อย่างชาญฉลาด, AI Portrait Mode ปรับแต่งแสงและความคมชัดบนภาพถ่ายบุคคลให้รูปดูสวยงาม สะท้อนตัวตนอย่างโดดเด่น

AI Scene Recognition ระบุ 120 ความแตกต่างของภาพและวัตถุได้อย่างแม่นยำ เพื่อช่วยปรับแต่งภาพให้สวยงามอย่างเหมาะสม , AI Beauty 2.0 technology ช่วยปรับแต่งใบหน้าให้ดูดีเป็นธรรมชาติ พร้อมโพสต์ลงโซเชียลมีเดียได้ทันทีในทุกๆ สถานการณ์

ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0 พร้อมเทคโนโลยี AI Beauty 2.0 ที่ช่วยวิเคราะห์ลักษณะใบหน้าของผู้ใช้งานกว่า 296 จุด พร้อมนำไปปรับแต่งให้มีความสวยงาม

รวมทั้งยังมาพร้อมกับฟีเจอร์การถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอ, โหมด HDR และลูกเล่นอย่าง AR Sticker ช่วยเพิ่มความสนุกสนานพร้อมการปรับแต่งใบหน้าด้วยสติ๊กเกอร์สุดน่ารัก

ตัวอย่างภาพจากกล้อง

ประสิทธิภาพ

OPPO R15 Pro ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.2GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 660 AIE , หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 512, RAM 6GB และหน่วยความจำภายในเครื่องขนาด 128GB เพิ่มได้ด้วย microSD Card สูงสุด 256GB

ทดสอบประสิทธิภาพโดยใช้งานปกติทั่วไปปรากฏว่า สามารถใช้งานได้ไหลลื่นไม่มีสะดุด และตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี ส่วนการเล่นเกมได้ลองกับเกม Asphalt 8 และ RoV ที่มีภาพกราฟิกสูงแบบสามมิติ สามารถเล่นได้อย่างไหลลื่น ไม่มีอาการหน่วง หรือกระตุกให้เห็น และเล่นนานๆ เครื่องก็ไม่มีอาการร้อนอีกด้วย โดยรวมแล้วถือว่าสอบผ่าน

นอกจากนี้ยังมีโหมด Game Acceleration ที่ยกระดับการประมวลผลของ CPU ให้เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทำให้การเล่นเกมมีความลื่นไหล ไม่เกิดอาการกระตุกให้หงุดหงิด โดยเฉพาะเกมดังอย่าง RoV สามารถปรับกราฟิกสูงสุด และเล่นแบบลื่นๆ บนเฟรมเรต 60fps ได้เลย

ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ OPPO R15 Pro ผ่านแอป Antutu

ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ OPPO R15 Pro ผ่านแอป GeekBench

แบตเตอรี่

แบตเตอรี่ที่ใช้กับเครื่องรุ่นนี้มีขนาดใหญ่ถึง 3,400 mAh โดยมาพร้อมระบบชาร์จไว VOOC Flash Charge ที่ชาร์จเร็วขึ้นกว่าปกติถึง 4 เท่า ชาร์จเพียง 5 นาทีก็คุยสายได้นานถึง 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว

และมาพร้อมโหมด Power Saving ที่ช่วยประหยัดแบตเตอรี่เมื่อเปิดใช้งานโหมดนี้ หลังจากที่ได้ทำการทดสอบโดยใช้งานต่อเนื่องใน 1 วันปรากฏว่าสามารถใช้งานได้ประมาณ 8-10 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้งานอินเทอร์เน็ตในเครือข่าย 4G แบตก็อาจหมดเร็วขึ้น โดยรวมแล้วสามารถใช้งานได้ใน 1 วันสบายๆ

บทสรุป

OPPO R15 Pro นอกจากจะมีดีไซน์กระจกโค้งแบบ 3 มิติไล่เฉดสีที่สวยหรูแล้ว ยังมาพร้อมหน้าจอแบบ Super Full Screen ขนาดใหญ่ในอัตราส่วน 19:9 แสดงผลได้เต็มตาเต็มอารมณ์ โดยเฉพาะเวลาที่ดูหนังหรือเล่มเกม รวมไปถึงใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 660 AIE ที่ทำงานควบคู่เทคโนโลยี AI ประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว

รวมทั้งโดดเด่นในเรื่องของการถ่ายภาพโดยเฉพาะกล้องหลังคู่ที่สามารถถ่ายภาพบุคคลหรือ Portrait ได้ดีด้วยฟีเจอร์ AI Portrait Mode นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ 3D Portrait Lighting ที่ช่วยปรับโทนสีของภาพได้อย่างหลากหลายส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ก็มีฟีเจอร์ AI Beauty 2.0 ที่ปรับโทนสีของตัวแบบได้อย่างเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ

ปิดท้ายด้วยพีเจอร์ที่เอกลักษณ์ของสมาร์ทโฟน OPPO นั่นก็คือ เทคโนโลยีชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge ชาร์จเร็วกว่าที่ชาร์จทั่วไปถึง 4 เท่า 

ทั้งนี้ตัวเครื่อง OPPO  R15 Pro ที่นำเข้ามาจำหน่ายในบ้านเรามีให้เลือก 2 สีคือ สีม่วง (Cosmic Purple) และสีแดง (Ruby Red) วางจำหน่ายแล้วในราคา 19,990 บาท ที่ศูนย์ OPPO Brand Shop และร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศ โดยจะได้รับ Special gift box เป็นสายชาร์จ VOOC + หัวชาร์จเร็วบนรถยนต์รวมมูลค่ามากกว่า 1,599 บาทเป็นของขวัญสุดพิเศษอีกด้วย

และเอกสิทธิ์สุดพิเศษสำหรับเฉพาะผู้เป็นเจ้าของ OPPO R15 Pro เท่านั้น OPPO ยังได้มอบบริการหลังการขายที่ยังไม่เคยมีในประเทศไทยกับ OPPO Premium Service หากพบว่าเครื่องมีปัญหาใดๆ จากการผลิต ไม่ต้องซ่อม สามารถนำเครื่องไปเปลี่ยนได้ทันทีที่ศูนย์บริการ OPPO Service ทั่วประเทศ 

คลิกช้อปสมาร์ทโฟน OPPO ที่นี่ >>>