คลังเก็บ

รีวิว : OPPO Find X ที่สุดของสมาร์ทโฟนเรือธงดีไซน์สุดล้ำนวัตกรรมซ่อนกล้อง 3D

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2014 หรือเมื่อ 4 ปีก่อน OPPO ได้เปิดตัว OPPO Find 7 สมาร์ทโฟนเรือธงในตระกูล Find Series หลังจากนั้นก็ทิ้งช่วงหายไปเน้นสมาร์ทโฟนระดับกลางกับกลางบนแทน

ล่าสุดปีนี้กลับมาแล้วกับ OPPO Find X สมาร์ทโฟนเรือธงที่มาพร้อมนวัตกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะการดีไซน์ที่ปฏิวัติวงการสมาร์ทโฟนอีกครั้งด้วยหน้าจอแสดงผลสุดขอบอย่างสมบูรณ์แบบไร้รอยต่อ ด้วยเทคโนโลยีซ่อนกล้องและเซ็นเซอร์ Stealth 3D Cameras

OPPO Find X

อุปกรณ์ในกล่อง

กล่องแพ็คเกจจิ้งของ OPPO Find X เป็นกล่องกระดาษแข็งสีน้ำเงินที่ออกแบบดึงลิ้นชักออกมา โดยมีโลโก้และชื่อรุ่นสลักเป็นสีทองดูพรีเมียม ส่วนด้านหลังเป็นรายละเอียดของเครื่องรุ่นนี้

เมื่อเปิดกล่องออกมาจะพบกับตัวเครื่อง และอุปกรณ์ต่างๆ ได้แก่ อแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่, สายดาต้าลิงคฺ์ USB Type C, ชุดหูฟังแบบ in-ear ขนาดมาตรฐาน 3.5 มม., อแดปเตอร์แปลง Type-C เป็นช่องหูฟังขนาด 3.5 มม., อุปกรณ์ถอด SIM Card, ใบรับประกัน และคู่มือการใช้งาน

รูปลักษณ์ดีไซน์

OPPO Find X มาพร้อมกับดีไซน์โค้งมนสวยหรูสุดล้ำ ด้วยดีไซน์จอแสดงผลขอบโค้งมนที่เรียกว่า Panoramic รุ่นแรกของโลก

หน้าจอแสดงผล OLED ความละเอียด FHD+ 2340 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.4 นิ้ว ในอัตราส่วน 19:5:9 และมีสัดส่วนตัวเครื่องกับหน้าจอที่ 93.8% ส่วนเครื่องมีขนาด 156.7 x 74.2 x  9.6 มม. และน้ำหนัก 186 กรัม

พร้อมนวัตกรรมซ่อนกล้องแบบ 3 มิติ (Stealth 3D Cameras) ซึ่งจะเลื่อนขึ้นและลงโดยอัตโนมัติ เพียงผู้ใช้กดแอพพลิเคชั่นถ่ายรูปด้วยเวลาไม่เกิน 0.6 วินาที โดยมีความแข็งแรงทนทานสูง และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า 5 ปี จากทดสอบแล้วสามารถเลื่อนขึ้นลงได้ไม่ต่ำกว่ำ 300,000 ครั้ง

ด้านหลังเครื่องใช้วัสดุครอบด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5  ขอบโค้งแบบ 3D พร้อมโทนสีแบบไล่เฉด ดูแวววาวเหมือนอัญมณีโดยเฉพาะเมื่อมองในมุมที่แตกต่าง โดยด้านบนดีไซน์โค้งเว้า ถัดลงมามีโลโก้ OPPO แล้วตรงกลางด้านล่างสลักชื่อรุ่น Find X อย่างโดดเด่นพร้อมข้อความ Designed by OPPO

ด้านซ้ายข้างเครื่องมีปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง

ด้านขวาข้างเครื่องมีปุ่ม Power สำหรับเปิดและปิดเครื่อง

ด้านบนเครื่องมีช่องไมโครโฟนตัดเสียง

ด้านล่างเครื่องมีช่องลำโพงเสียง, ช่องไมโครโฟน, พอร์ต  USB Type-C และช่องใส่ SIM Card โดยรองรับ 2 SIM แบบ nanoSIM

สเปก OPPO Find X

ขนาด 156.7 x 74.2 x 9.6 มิลลิเมตร
น้ำหนัก 186 กรัม
หน้าจอ OLED 16 ล้านสี ความละเอียด FHD+ 1080 x 2340 พิกเซล ขนาด 6.4 นิ้ว ในอัตราส่วน 19:5:9
หน่วยประมวลผล Octa Core ความเร็ว 2.8GHz, ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 845 AIE, หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 630
RAM 8GB
หน่วยความจำภายในเครื่อง 256GB
microSD Card
กล้องถ่ายภาพ กล้องหลังคู่ ความละเอียด 16+20 ล้าน รูรับแสง f/2.0  พร้อมไฟแฟลช LED และเทคโนโลยี AI Scene Recognition 2.0 ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 และ AI Beauty 2.0
ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ครอบทับด้วย Color OS 5.1
เชื่อมต่อ รองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, WiFi Direct, hotspot, Bluetooth 5.0, microUSB 2.0
รองรับระบบ 4G LTE Band 1/2/3/4/5/7/8/12/17/34/38/40/41 และ 3G 850/900/1900/2100 MHz ( 4G และ 3G ทุกเครือข่ายในไทย)
แบตเตอรี่ 3,730 mAh รองรับ เทคโนโลยีชาร์จไว VOOC Flash Charge 5V/4A
ราคา 29,990 บาท

 

คุณสมบัติการใช้งาน

OPPO Find X มาพร้อมหน้าจอหลักโฮมสกรีนที่มีสีสันสวยงาม ไอคอนขนาดใหญ่ ใช้งานง่าย และเลือกปรับแต่งได้ตามใจชอบไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนธีม, การเปลี่ยนภาพพื้นหลัง และการเปลี่ยนนิตยสารหน้าจอล็อก Lockscreen Magazine ซึงจะเปลี่ยนหน้าจอทุกๆ ครั้งที่เราเปิดเครื่อง

รันบนระบบปฎิบัติการ ColorOS 5.1 บนพื้นฐานระบบปฎิบัติการ Android 8.1 ที่รองรับการใช้งานบนจอแสดงผลขอบโค้ง Panoramic ได้อย่างเต็มตา

รองรับการใช้งาน 2 หน้าจอพร้อมกัน สามารถทำได้โดยการลากนิ้ว 3 นิ้วขึ้นด้านบนในแอปใดแอปหนึ่ง หรือกดที่เมนู แล้วเลือกหน้าที่ต้องการใช้ 2 หน้าจอแล้วสไลด์ลง จากนั้นจะเห็นสัญญลักษณ์หน้าจอ เมื่อเลือกใช้งานก็จะแบ่งออกเป็น 2 หน้าจอ

รองรับการใช้งาน 2 ซิม พร้อมรองรับเครือข่าย 4G LTE with VoLTE และรองรับ Full Net Com 3.0 ใช้ 4G/3G ทั้ง 2 ซิม

รองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า เพียงลงทะเบียนด้วยใบหน้า ซึ่งจะใช้ได้เพียงหน้าเดียวเท่านั้น จากนั้นเมื่อหน้าจอติดมองไปยังบนหน้าจอก็สามารถปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ใบหน้าเพื่อเข้าสู้แอปที่ป้องกันไว้ หรือในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยได้

รองรับแอปโคลน ผู้ใช้สามารถโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน Facebook หรือ Line นั้นหมายว่าความว่าผู้ใช้สามารถล็อกอินเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน Line ได้ พร้อมๆ กัน ถึง 2 บัญชี

มาพร้อมกับผู้ช่วยส่วนตัว Smart Assistant โดยเปิดใช้งานได้ง่ายๆ เพียงสไลด์ไปทางซ้ายมือจากหน้า Homepage ตัวผู้ช่วยนี้จะวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้ได้ และแนะนำฟีเจอร์ต่างๆ ให้ผู้ใช้

รวมถึงเบอร์โทรของคนโปรด และข้อมูลเกี่ยวกับการออกกำลังกายในชีวิตประจำวันทันทีเหมือนรู้ใจ โดยผู้ใช้สามารถปรับแต่งได้

สามารถแชร์ข้อมูลบน Cloud ได้ด้วย OPPO Cloud ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลผู้ติดต่อ บุ๊คมาร์คของเว็บไซต์ พาสเวิร์ด Wi-Fi ไฟล์ฃ้อมูลต่างๆ รูปภาพความละเอียด High-definition และอื่นๆ ทำให้สามารถเก็บข้อมูลได้อย่างปลอดภัย และง่ายต่อการเปลี่ยนเครื่องมาใช้มือถือใหม่

คุณสมบัติอื่นๆ ก็มีมาให้อย่างครบถ้วน

ด้านการถ่ายภาพ

OPPO Find  X ติดตั้งกล้องหลังคู่ Dual Camera และไฟแฟลช LED โดยกล้องหลักความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX519 และรูรับแสง f/2.0 กล้องรองความละเอียด 20 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX376k และรูรับแสง f/2.0 และมีระบบกันสั่น OIS (Optical Image Stabilization) ถ่ายได้ทั้งที่สว่างและที่แสงน้อย

รวมทั้งมาพร้อมเซนเซอร์ HDR 2.0 ที่ช่วยไล่เฉดสี 3 ระดับได้ภายใน 1 พิกเซล โดยเทคโนโลยี HDR 2.0 จะทำให้สีภาพถ่ายออกมาสวยสมจริงมากขึ้น และระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF

รวมถึงมีโหมด Portait, โหมดถ่ายภาพโปร, พาโนราม่า, หน้าสวย, โหมดย่นเวลา, โหมดโลโมชั่น และโหมดสติ๊กเกอร์

นอกจากนี้ยังรองรับเทคโนโลยี AI ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น

  • 3D AI Beauty เป็นได้มากกว่า AI Beauty ธรรมดา สามารถวิเคราะห์โครงหน้าเป็นโมเดล 3D แล้วนำมาคำนวนปรับแต่งโครงหน้า ไม่ว่าจะเป็น รูปหน้า จมูก ดวงตา คาง และโหนกแก้ม ให้ออกมาสมส่วน สวยงามแบบเป็นธรรมชาติที่สุด
  • 3D Omoji เพิ่มลูกเล่นด้วยตัวการ์ตูนที่แสดงท่าทาง อารมณ์ ของเราแบบเรียลไทม์ แล้วนำมาลงโซเชียล หรือแชทกับเพื่อนๆ ได้
  • AI Portrait Mode หัวใจหลักของกล้องคู่ที่ช่วยให้การถ่ายรูป Portrait ออกมาสมบูรณ์แบบ โดยจะใช้ AI เข้ามาช่วยจัดแสง ความชัดลึกชัดตื่น ปรับแต่งแสงให้สวยงามด้วยโหมดไฟหลายแบบ เช่น Natural Light , Film Light , Mono-Tone Light , Bi-color Light เป็นต้น
  • AI Scene Recognition 2.0 กล้องคู่ AI อัจฉริยะสามารถแบ่งแยกรูปภาพที่เราถ่ายได้ 21 ประเภท และปรับแต่งภาพให้เหมาะสมรวมกันได้กว่า 800 ซีน เช่น หากถ่ายรูปอาหาร สีก็จะปรับให้สดใส สวยงามดูน่ารับประทานมากขึ้น

ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 25 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX576 รูรับแสงกว้าง f/2.0 พร้อมเทคโนโลยี AI Beauty 2.0 ที่ช่วยวิเคราะห์ลักษณะใบหน้าของผู้ใช้งานกว่า 296 จุด จึงสามารถช่วยปรับแต่งใบหน้าได้หลากรูปแบบโดยอิงจากเพศ อายุ และผิวพรรณ

รวมทั้งยังมาพร้อมกับฟีเจอร์การถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอ, โหมด HDR และลูกเล่นอย่าง AR Sticker ช่วยเพิ่มความสนุกสนานพร้อมการปรับแต่งใบหน้าด้วยสติ๊กเกอร์สุดน่ารัก

ตัวอย่างภาพจากกล้อง

[Best_Wordpress_Gallery id=”37″ gal_title=”OPPO Find X”]

ประสิทธิภาพ

OPPO Find X ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.8GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 845 AIE, หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 630, RAM  8GB และหน่วยความจำภายในเครื่องขนาด 256GB

ทดสอบประสิทธิภาพโดยใช้งานปกติทั่วไปปรากฏว่า สามารถใช้งานได้ไหลลื่นไม่มีสะดุด และตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี

ส่วนการเล่นเกมได้ลองกับเกม Asphalt 9 และ RoV ที่มีภาพกราฟิกสูงแบบสามมิติ สามารถเล่นได้อย่างไหลลื่น ไม่มีอาการหน่วง หรือกระตุกให้เห็น แถมเล่นนานๆ เครื่องก็ไม่มีอาการร้อนอีกด้วย โดยรวมแล้วถือว่าสอบผ่าน

นอกจากนี้ยังมีโหมด Game Space ที่ช่วยปรับแต่งให้เกมที่เล่นมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งยังตั้งค่าเลือกจำกัดเครือข่ายของแอพฯ พื้นหลังเพื่อให้เกมเสถียรมากที่สุด และสามารถตั้งค่าการรับสายโทรศัพท์ในขณะเล่นเกมได้ เพื่อให้เล่นเกมได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด

ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ OPPO Find X ผ่านแอป Antutu

ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ OPPO Find X ผ่านแอป GeekBench

แบตเตอรี่

แบตเตอรี่ที่ใช้กับเครื่องรุ่นนี้มีขนาด 3,730 mAh โดยมาพร้อมระบบชาร์จไว VOOC Flash Charge ที่ชาร์จเร็วขึ้นกว่าปกติถึง 4 เท่า ชาร์จเพียง 5 นาทีก็คุยสายได้นานถึง 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว แถมเครื่องไม่ร้อนระหว่างชาร์จอีกด้วย และมีมาตรการเพื่อความปลอดภัยถึง 5 ขั้นตอน ทำให้มั่นใจว่านอกจากจะชาร์จไวแล้ว ยังปลอดภัยอีกด้วย

และมาพร้อมโหมด Power Saving ที่ช่วยประหยัดแบตเตอรี่เมื่อเปิดใช้งานโหมดนี้ หลังจากที่ได้ทำการทดสอบโดยใช้งานต่อเนื่องใน 1 วันปรากฏว่าสามารถใช้งานได้ประมาณ 10-12 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้งานอินเทอร์เน็ตในเครือข่าย 4G แบตก็อาจหมดเร็วขึ้น โดยรวมแล้วสามารถใช้งานได้ใน 1 วันอย่างสบายๆ

บทสรุป

OPPO Find X ถือเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดของ OPPO และเป็นการกลับมาอีกครั้งของสมาร์ทโฟนในตระกูล Find Series หลังจากที่ OPPO Find 7 เปิดตัวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

โดยมาพร้อมดีไซน์ที่สะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น ด้วยดีไซน์หน้าจอ Panoramic แบบเต็มๆ ไร้ขอบ ไร้รอยบากมากวนใจ ครอบทับด้วยกระจกขอบโค้งแบบ 3 มิติและโทนสีแบบไล่เฉด

นอกจากนี้ยังมาพร้อมนวัตกรรมซ่อนกล้อง 3 มิติ (Stealth 3D Cameras) โดยจะเลื่อนขึ้นลงอัตโนมัติเมื่อเปิดใช้งานกล้อง ซึ่งทำให้ดีมากๆ ส่วนคุณภาพของกล้องหน้าและกล้องหลังก็ทำได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน

ในส่วนสเปกอื่นๆ เรียกว่าจัดเต็มจริง ทั้งชิปเซ็ทสุดแรงที่ทำงานควบคู่กับเทคโนโลยี AI, RAM และหน่วยความจำภายในที่ให้มาเยอะมาก ปิดท้ายด้วยพีเจอร์ที่เอกลักษณ์ของสมาร์ทโฟน OPPO นั่นก็คือ เทคโนโลยีชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge ที่ชาร์จได้เร็วกว่าการชาร์จทั่วไปถึง 4 เท่า 

สำหรับใครที่รอสมาร์ทโฟนเรือธงจาก OPPO อยู่ พูดได้เลยว่า OPPO Find X คือสมาร์ทโฟนแห่งอนาคตที่มีดีไซน์สวยหรูไม่เหมือนใคร ครบเครื่องเรื่องฟีเจอร์ใช้งาน และเร็ว แรงกว่าที่เคยสัมผัสมา

ทั้งนี้ ตัวเครื่อง OPPO Find X มี 2 สีให้เลือกคือ สีแดง Bordeaux Red และสีน้ำเงิน Glacier Blue ราคา 29,990 บาท

สำหรับใครที่สนใจอยากจับจองเป็นเจ้าของ สามารถจองได้ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม – 4 สิงหาคม 2561 ที่ OPPO Brand Shop และร้านค้าที่ร่วมรายการ

พร้อมรับสิทธิพิเศษก่อนใคร กับของสมนาคุณจัดเต็มด้วยหูฟัง Marshall Major Bluetooth (มูลค่า 5,130 บาท), VIP Card ประกันหน้าจอแตกไม่จำกัดครั้งนานถึง 1 ปี (มูลค่า 19,990 บาท), Tripod ชุดขาตั้งกล้อง (มูลค่า 1,700 บาท) และที่ชาร์จไวสำหรับรถยนต์ (มูลค่า 1,500 บาท) รวมมูลค่ากว่า 28,000 บาท

และจะเริ่มวางจำหน่ายจริงตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม 2561 เป็นต้นไป โดยจะได้ของแถมคือ Tripod ชุดขาตั้งกล้อง (มูลค่า 1,700 บาท) และที่ชาร์จไวสำหรับรถยนต์ (มูลค่า 1,500 บาท)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/oppothai/