ประสิทธิภาพ
OPPO A53 ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 1.8GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 460 SoC, หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 610, RAM 4GB แบบ LPDDR4x และหน่วยความจำภายในเครื่องขนาด 64GB แบบ UFS 2.1 เพิ่มได้ด้วย microSD Card สูงสุด 256GB ซึ่งช่วยทำให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถใช้งานสมาร์ตโฟนได้อย่างลื่นไหลได้ทุกวันโดยไม่ต้องกังวลว่าพื้นที่เก็บข้อมูลจะเต็ม
นอกจากนี้ยังเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกที่เพิ่มประสิทธิภาพหน่วยความจำ RAM ให้จัดสรรระบบหลักได้ตรงจุดลดความหน่วงในการใช้งานด้วยหน่วยความจำและประสิทธิภาพในการป้องกันการหน่วงของสมาร์ตโฟนมีระบบการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานโดยปรับขยายพื้นที่จัดเก็บแคชบน RAM ได้อัตโนมัติ ทำให้ระบบทำงานได้อย่างราบรื่นและเร่งเวลาในการเปิดแอปได้ไวกว่าที่เคย นอกจากนี้ยังเพิ่มความเร็วของซอฟต์แวร์ให้มากขึ้นแม้จะใช้งานเป็นเวลานานต่อเนื่องก็ไม่สะดุด
เท่าที่ได้ลองทดสอบโดยใช้งานปกติทั่วไปปรากฏว่า ใช้งานได้อย่างไหลลื่นไม่มีสะดุด และตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี ส่วนการเล่นเกมได้ลองกับเกม ROV และ PUBG Mobile ที่มีภาพกราฟิกสูงแบบสามมิติ ด้วยชิปเซ็ท Snapdragon 460 ทำให้ประมวลภาพที่เร็วขึ้นลดโอกาสภาพเสียหายต่อเฟรมได้มากกว่า และจอรีเฟรชเรท 90Hz ทำให้เล่นได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด
นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ Game Space ที่ผู้ใช้สามารถบล็อกการแจ้งเตือน Pop Up ต่างๆ ขณะที่กำลังเล่นเกม และล็อกระดับความสว่างของหน้าจอได้
โดยใน Game Space ยังมี Graphics Acceleration สำหรับรีดประสิทธิภาพการประมวลผลของ GPU เพื่อให้การเล่นเกมเป็นไปอย่างลื่นไหลที่สุด รวมไปถึง Network Protection สำหรับจำกัดการใช้งานอินเทอร์เน็ตของแอปพลิเคชันที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง เพื่อช่วยลดอาการแลคขณะเล่นเกมออนไลน์ที่จำเป็นต้องมีการรับ-ส่งข้อมูลอยู่ตลอดเวลา
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ OPPO A53 ผ่านแอป Antutu
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ OPPO A53 ผ่านแอป GeekBench
แบตเตอรี่
OPPO A53 ใช้แบตเตอรี่ขนาดความจุ 5,000 mAh รองรับการชาร์จไว 18W (9V2A) ทำให้ใช้งานได้ยาวนานและชาร์จไวกว่าที่เคย รวมทั้งมีโหมดประหยัดพลังงานที่ช่วยยืดอายุการใช้งาน พร้อมระบบการป้องกันการใช้พลังงานอัจฉริยะ เท่าที่ลองทดสอบใช้งานทั่วไป เล่นเกม ดูหนัง และฟังเพลง ก็สามารถใช้งานได้เกือบ 1 วันเต็มๆ
บทสรุป
OPPO A53 ถือสมาร์ตโฟนระดับเริ่มต้นรุ่นล่าสุดในตระกูล A Series ที่มาพร้อมสโลแกน “เร็วยิ่งขึ้น สนุกยิ่งกว่า” แรงด้วยขุมพลังชิปเซ็ท Snapdragon 460 ที่มีประสิทธิภาพ บวกกับหน้าจอแบบ Neo Display ที่มีดีไซน์แบบ Punch Hole แสดงผลได้อย่างเต็มตามากขึ้น รวมทั้งมีอัตรารีเฟรชเรท 90Hz ทำให้เล่นเกมหรือชมคอนเทนต์ต่างๆ ได้อย่างลื่นไหล และตัวเครื่องยังมีดีไซน์ที่สวยสะดุดตา ด้วยฝาหลังโค้งแบบ 3D ที่มีความระยิบระยับราวกับแสงสะท้อนบนผิวน้ำ
ด้านการถ่ายภาพมาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 13+2+2 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี AI ถ่ายสวยทั้งภาพวิว ภาพมุมใกล้ และภาพพอร์ตเทรด ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่มีฟีเจอร์ AI Beauty 2.0 ถ่ายสวยเป็นธรรมชาติไม่ต้องใช้แอปช่วย รวมถึงสนุกกับการดูหนังฟังเพลงด้วยลำโพงสเตอริโอคู่ และระบบเสียง Dirac 2.0 ที่ให้พลังเสียงที่ดังกระหึ่ม และสมจริง และยังหายห่วงเรื่องแบตเตอรี่ เพราะให้มาเยอะถึง 5,000mAh แถมยังชาร์จไวอีกด้วย
สำหรับใครที่กำลังมองหาโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ที่มีสเปคครบทั้งเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล และถ่ายรูปได้สวย ในราคาประหยัด บอกได้เลยว่าสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ใช่เลย ทั้งนี้ OPPO A53 มี 2 สีให้เลือก คือ สีน้ำเงิน Fantasy Blue และ สีดำ Electric Black ราคา 5,499 บาท พร้อมวางจำหน่ายวันที่ 19 กันยายน 2563 เป็นต้นไป สามารถซื้อได้ที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/oppothai