คุณสมบัติการใช้งาน
OPPO A53 มาพร้อมระบบปฎิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย ColorOS 7.2 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ที่ได้รับการปรับปรุงด้านประสิทธิภาพการใช้งาน และดีไซน์ที่ถูกยกเครื่องใหม่ให้มีความสะอาดตามากยิ่งขึ้น
ในส่วนของหน้าจอหลักโฮมสกรีนนั้น ถ้าปัดจากด้านซ้ายเข้ามาจะเป็นหน้า Google Discover ซึ่งเป็นหน้าสำหรับรวบรวมข่าวสารที่กำลังได้รับความนิยมบนโลกออนไลน์ พร้อมรายงานสภาพอากาศในปัจจุบัน โดยผู้ใช้สามารถค้นหาสิ่งที่ต้องการบนโลกอินเทอร์เน็ตได้จากแถบ Search บริเวณด้านบนได้อีกด้วย และถ้าปัดจากขอบจอด้านขวาเข้ามาจะเป็นแถบ Smart Bar ที่แสดงเครื่องการจับภาพหน้าจอ และทางลัดเข้าสู่แอปพลิเคชั่นที่ใชงานบ่อยๆ
รวมทั้งสามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนธีม, การเปลี่ยนภาพพื้นหลัง, การนำวิดเจ็ตที่ต้องการใช้งานมาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน และการเปลี่ยนเอฟเฟกต์ปลดล็อกหน้าจอได้โดยกดค้างที่ตรงกลางของหน้าจอ
ถ้าไม่ชอบธีมและภาพพื้นหลังของเครื่อง สามารถดาวน์โหลดได้ที่แอป Theme Store
รองรับการใช้งาน 2 ซิม พร้อมรองรับเครือข่าย 4G LTE with VoLTE และรองรับการใช้ 4G/3G ทั้ง 2 ซิม
รองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า Face Unlock เพียงลงทะเบียนด้วยใบหน้า ซึ่งจะใช้ได้เพียงหน้าเดียวเท่านั้น จากนั้นเพียงแค่มองไปที่หน้าจอก็สามารถปลดล็อกได้แล้ว นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ใบหน้าเพื่อเข้าสู่แอปที่ป้องกันไว้ หรือในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยได้
รองรับการปลดล็อคหน้าจอ ล็อคแอป และเก็บข้อมูลส่วนตัวด้วยการสแกนลายนิ้วมือ โดยติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังเครื่อง
มาพร้อมแอป Phone Manager เครื่องมือสำหรับจัดการประสิทธิภาพภายในตัวเครื่องโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการเคลียร์ไฟล์แคช (Cache File), จัดการความเป็นส่วนตัว หรือการสแกนไวรัส ซึ่งจะช่วยให้ตัวเครื่องมีความปลอดภัย และใช้งานได้รวดเร็วอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ ยังมีแอป OPPO LAB สำหรับทดลองใช้ฟีเจอร์ใหม่ที่กำลังถูกทดสอบได้ก่อนใคร ซึ่งในตอนนี้ก็มีการเปิดให้ทดสอบ LAB Ringtone ซึ่งเป็นเสียงริงโทนในรูปแบบต่างๆ ที่ผู้ใช้สามารถปรับแต่งแนวเสียงได้ด้วยตนเอง, วงล้อช่วยตัดสินใจ ที่ช่วยตัดสินใจให้ และโหมดโฟกัสที่ช่วยให้คุณไม่ต้องเสียสมาธิจากโทรศัพท์ และทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น
รวมถึง OPPO Relax แอปพลิเคชันใหม่ล่าสุดที่นำเสนอเพลงที่ช่วยให้ผู้ใช้ได้ผ่อนคลาย เหมาะสำหรับเปิดระหว่างเข้านอน, อ่านหนังสือ หรือต้องการทำสมาธิ เป็นอย่างดี
รองรับการใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ Dark Mode สำหรับปรับสีของหน้า UI ให้อยู่ในโทนสีดำ เพื่อช่วยให้ใช้งานได้อย่างสบายตามากยิ่งขึ้น พร้อมกับโหมดถนอมสายตา ที่ช่วยลดแสงสีฟ้าจากหน้าจอ และป้องกันอาการล้าสายตา
ด้วยหน้าจอที่มีอัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 90Hz ทำให้แสดงภาพเคลื่อนไหวได้ลื่นไหลมากขึ้น ทั้งตอนเล่นเกม ดูวิดีโอ รวมทั้งแอนิเมชั่นของอินเทอร์เฟซ
OPPO A53 ยังมาพร้อมลำโพงคู่สเตอริโอ โดยทำงานร่วมกันระหว่างลำโพงหลักด้านท้ายเครื่อง และลำโพงสนทนาด้านบน ให้เสียงสเตอริโอที่สมบูรณ์แบบพร้อมทุกการรับชมวิดีโอและเล่นเกมสุดมัน พร้อมระบบ Dirac 2.0 เทคโนโลยีปรับเสียงดิจิทัลอันล้ำสมัย ให้คุณแต่งเอฟเฟกต์เสียงสำหรับแอปได้โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ เกม เพลง และโหมดอัจฉริยะ
ด้านการถ่ายภาพ
กล้องหลัง AI 3 กล้องหลัง
OPPO A53 มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว พร้อมไฟแฟลชคู่ Dual LED ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2, กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 และกล้องตัวที่ 3 เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
สามารถเลือกถ่ายได้ทั้งโหมดปกติ, โหมด Protrait พร้อมเอฟเฟค Bokeh, โหมดวิดีโอ, โหมด Macro, โหมด Panorama, โหมดถ่ายภาพ Pro, โหมด Time-Lapse และโหมดสติ๊กเกอร์
โดยภาพนิ่งถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4160 x 3120 พิกเซล ส่วนวิดีโอบันทึกได้ที่ความละเอียดสูงสุด 1080P 30FPS
และด้านบนมีแถบเมนูเปิดปิดไฟแฟลชอัตโนมัติ, เปิดปิดโหมด HDR, เปิดปิดโหมด Dazzle Color Mode มีการติดตั้งอัลกออริทึมในระดับพิกเซลซึ่งสามารถสร้างสีสันในภาพให้สดใสและเป็นธรรมชาติมากขึ้น, เลือกฟิลเตอร์ และตั้งค่าการใช้งานกล้องต่างๆ
ทดสอบภาพจากกล้องหลัง OPPO A53
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดปกติ
ภาพแรกถ่ายด้วยโหมดรูปถ่ายปกติ ภาพที่สองถ่ายด้วยโหมดรูปถ่ายปกติ พร้อมตั้งค่าเลือก AI Beauty 60% และภาพที่สามถ่ายด้วยโหมดรูปถ่ายปกติ พร้อมตั้งค่าเลือก AI Beauty 100%
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดปกติ + ฟิลเตอร์ต่างๆ
ภาพถ่ายด้วยโหมดรูปถ่ายปกติ พร้อมตั้งค่าเลือก AI Beauty 60% และเลือกฟิลเตอร์ที่มีให้เลือกถึง 15 แบบ
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Portrait
ภาพแรกถ่ายด้วยโหมดรูปคน (Portrait) และเปิดโบเก้ 60% ภาพที่สองถ่ายด้วยโหมดรูปคน พร้อมตั้งค่าเลือก AI Beauty 60% และเปิดโบเก้ 60% และภาพที่สามถ่ายด้วยโหมดรูปคน พร้อมตั้งค่าเลือก AI Beauty 100% และเปิดโบเก้ 60%
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Portrait + ฟิลเตอร์ต่างๆ
ภาพถ่ายด้วยโหมดรูปคน ตั้งค่าเปิดโบเก้ 60% พร้อมตั้งค่าเลือก AI Beauty 60% และเลือกฟิลเตอร์ที่มีให้เลือกถึง 7 แบบ
เลนส์มาโคร 2 ล้านพิกเซลซูมภาพคมชัด จับภาพได้ใน 4 ซม. เก็บได้ทุกช็อต ไม่พลาดทุกรายละเอียด
Dazzle Color Mode โหมดสีที่ใช้ AI รองรับเทคโนโลยีการจดจาฉากหลังขั้นสูง สร้างสีใหม่ที่สดใสในระดับพิกเซล
ตัดต่อวิดีโอง่ายๆ ด้วยแอป Soloop
และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายวิดีโอในระยะเวลาส้ันๆ OPPO A53 ยังมาพร้อมกับ Soloop แอพพลิเคชันที่จะช่วยให้คุณตัดต่อวิดีโอได้อย่างมืออาชีพ และได้วิดีโอที่มีคุณภาพในขั้นตอนที่ง่าย และสะดวกสบาย
ทดสอบภาพจากกล้องหลัง OPPO A53
กล้องหน้า AI 16 ล้านพิกเซล
ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 สามารถเลือกถ่ายได้ทั้งโหมดปกติ, โหมด Portrait, โหมดวิดีโอ, โหมด Panorama, โหมด Time-Lapse และโหมดสติ๊กเกอร์ พร้อมแสดงไอคอนเมนูทั้งการเปิดปิดไฟแฟลช, ฟังก์ชัน HDR และฟีลเตอร์ ที่ด้านบนสำหรับใช้งานได้ทันที
รวมทั้งรองรับเทคโนโลยี AI Beauty2.0 ปรับแต่งที่สีผิวอัตโนมัติอย่างเป็นธรรมชาติไม่ว่าจะแสงสลัวหรือแสงจ้า และเก็บได้ทุกสีสัน ด้วยอัลกอริทึมอันชาญฉลาดที่สามารถจดจำและเพิ่มเฉดสีเติมเต็มชีวิตชีวาให้กับริมฝีปากของคุณ นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งความสวยในสไตล์ที่เป็นคุณ เพิ่มเอฟเฟกต์ให้กับภาพเซลฟี่ รวมถึงปรับหน้าเรียว ดวงตากลมโต พร้อมสีผิวที่สว่างและเรียบเนียนยิ่งขึ้น
โดยภาพนิ่งถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด 1944 x 2592 พิกเซล ส่วนวิดีโอบันทึกได้ที่ความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายวิดีโอในระยะเวลาส้ันๆ OPPO A53 ยังมาพร้อมกับ Soloop แอปพลิเคชันที่จะช่วยให้คุณตัดต่อวิดีโอได้อย่างมืออาชีพ และได้วิดีโอที่มีคุณภาพในขั้นตอนที่ง่าย และสะดวกสบาย
ทดสอบภาพจากกล้องหน้า OPPO A53
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดปกติ
ภาพแรกถ่ายด้วยโหมดรูปถ่ายปกติ ภาพที่สองถ่ายด้วยโหมดรูปถ่ายปกติ พร้อมตั้งค่าเลือก AI Beauty 60% และภาพที่สามถ่ายด้วยโหมดรูปถ่ายปกติ พร้อมตั้งค่าเลือก AI Beauty 100%
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดปกติ + ฟิลเตอร์ต่างๆ
ภาพถ่ายด้วยโหมดรูปถ่ายปกติ พร้อมตั้งค่าเลือก AI Beauty 60% และเลือกฟิลเตอร์ที่มีให้เลือกถึง 15 แบบ
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Portrait
ภาพแรกถ่ายด้วยโหมดรูปคน (Portrait) และเปิดโบเก้ 60% ภาพที่สองถ่ายด้วยโหมดรูปคน พร้อมตั้งค่าเลือก AI Beauty 60% และเปิดโบเก้ 60% และภาพที่สามถ่ายด้วยโหมดรูปคน พร้อมตั้งค่าเลือก AI Beauty 100% และเปิดโบเก้ 60%
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Portrait + ฟิลเตอร์ต่างๆ
ภาพถ่ายด้วยโหมดรูปคน ตั้งค่าเปิดโบเก้ 60% พร้อมตั้งค่าเลือก AI Beauty 60% และเลือกฟิลเตอร์ที่มีให้เลือกถึง 5 แบบ