เปิดตัว และวางจำหน่ายในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ OnePlus 7T สมาร์ทโฟนเรือธงในตระกูล OnePlus 7T Series ที่ถึงจะเป็นน้องเล็ก แต่ก็มาพร้อมสเปกจัดเต็มไม่แพ้รุ่นใหญ่อย่าง OnePlus 7T Pro
ไม่ว่าจะเป็นจอแสดงผลแบบ Fluid Display ที่มีอัตรารีเฟรชเรท 90Hz, ชิปเซ็ท Snapdragon 855+ สุดแรง และรองรับระบบชาร์จเร็ว Warp Charge 30T ในราคาสุดคุ้ม เรียกว่าเอาใจสายเกมเมอร์เลยก็ว่าได้
นอกจากสเปกดังกล่าวแล้ว OnePlus 7T ยังอัดแน่นด้วยคุณสมบัติการใช้งานอย่างครบครันอีกด้วย เชื่อว่าหลายคนที่กำลังตัดสินใจอยู่คงอยากรู้แล้วว่าจะมีฟีเจอร์เด่นๆ อะไรบ้าง เพื่อไม่ให้เสียเวลาเราไปดูรีวิวกันเลยดีกว่า
สเปกเบื้องต้น OnePus 7T
ขนาด | 160.9 x 74.4 x 8.1 มิลลิเมตร |
น้ำหนัก | 190 กรัม |
หน้าจอ | Fluid Display ความละเอียด FHD+ 2400 x 1080 พิกเซล (402 ppi) ขนาด 6.55 นิ้ว รองรับ HDR10+, อัตรารีเฟรชเรท 90Hz, ครอบทับด้วยกระจกกันรอย 3D Corning Gorilla Glass ในสัดส่วน 20:9 และมีอัตราส่วนจอต่อเครื่องที่ 86.5% |
หน่วยประมวลผล | Octa Core ความเร็ว 2.96GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 855+, หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 640 |
RAM | 8GB |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 128GB |
microSD Card | – |
กล้องถ่ายภาพ | กล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบด้วยกล้องตัวหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX 586 รูรับแสง f/1.6, กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 และกล้องตัวที่ 3 เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ถ่ายภาพมุมกว้างได้ 117 องศา และรองรับการซูมภาพแบบ Optical Zoom 2 เท่า
กล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX471 และรูรับแสง f/2.0 |
ระบบปฏิบัติการ | Android 10 ครอบทับด้วย OxygenOS |
เชื่อมต่อ | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, DLNA, Hotspot, Bluetooth 5.0,Dual GPS (L1+L5 Dual Band), NFC, USB Type-C, USB On-The-Go |
รองรับระบบ | 4G LTE Cat.18 และ 4×4 MIMO และ 3G ( 4G และ 3G ทุกเครือข่ายในไทย) |
แบตเตอรี่ | 3800mAh พร้อมรองรับระบบชาร์จเร็ว Warp Charge 30T (5V/6A) |
ราคา | 17,990 บาท |
PACKAGING & ACCESSORIES
กล่องแพคเกจจิ้งของ OnePlus 7T เป็นกล่องทรงยาวสีแดงสดซึ่งเป็นสีเอกลักษณ์ของ OnePlus ด้านหน้ากล่องมีข้อความตัวอักษรภาษาอังกฤษสีดำที่บรรยายสรรพคุณของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้
ส่วนด้านหลังมีรายละเอียดรหัสรุ่นพร้อมชื่อสี, หน่วยความจำ RAM+ROM, เครือข่ายที่รองรับ รวมถึงรายละเอียดต่างๆ
อุปกรณ์ภายในกล่องประกอบไปด้วย
- ตัวเครื่อง OnePlus 7T
- อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว Warp Charge 30T
- สายดาต้าลิงค์แบบ USB Type-C
- เข็มจิ้มสำหรับเปิดถาดซิมการ์ด
- เคสซิลิโคนแบบใส TPU
- คู่มือการใช้งานฉบับย่อ / ใบรับประกันสินค้า พร้อมจดหมายต้อนรับ และสติกเกอร์โลโก้ OnePlus
รูปลักษณ์ดีไซน์
ตัวเครื่อง OnePlus 7T มีรูปลักษณ์ดีไซน์ที่สวยหรูดูพรีเมี่ยมด้านหน้าใช้กระจกหน้าจอแบบ 3D Corning Gorilla Glass 6 ส่วนฝาหลังใช้วัสดุแบบกระจกด้านที่ OnePlus เรียกว่า Matte-Frosted Glass ซึ่งทนรอยขีดข่วนได้ค่อนข้างดี และขอบเครื่องเป็นโลหะเคลือบสีน้ำเงินเมทัลลิก
หน้าจอแสดงผลเป็นจอไร้ขอบทรงหยดน้ำแบบ Fluid AMOLED Display ความละเอียด FHD+ 2400 x 1080 พิกเซล (402 ppi) ขนาด 6.55 นิ้ว รองรับ HDR 10+ และมีอัตรารีเฟรชเรทที่ 90Hz ช่วยให้การสัมผัส รวมถึงประสบการณ์ใช้งานจะดูลื่นไหลมากกว่าหน้าจอสมาร์ทโฟนทั่วไปที่มีค่า Refresh Rate ประมาณ 60 Hz โดยในรอยบากมีเลนส์กล้องเซลฟี่ และเหนือหน้าจอมีช่องลำโพงสนทนา และเซ็นเซอร์ต่างซ่อนอยู่ด้านใน
พลิกมาด้านหลังเครื่อง ติดตั้งกล้อง 3 ตัว Triple Camera ความละเอียด 48MP+12MP+16MP วางเรียงกันในแนวนอนภายในแถบวงกลมสีดำ โดยมีไฟแฟลชคู่ Dual LED อยู่ถัดลงมา และมีโลโก้ OnePlus มีเงินอยู่ตรงกลาง
ด้านซ้ายข้างเครื่องมีปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง และมีแถบสีดำซึ่งเป็นตัวรับสัญญาณเครือข่ายมือถือ
ด้านขวาข้างเครื่องมีปุ่มเลื่อนปรับสถานะของเครื่องเป็นโหมดเงียบ, สั่น และเปิดเป็นเสียงเรียกเข้า กับปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดเครื่อง
ด้านบนมีช่องไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวน
ด้านท้ายเครื่องมีช่องสำหรับใส่ SIM Card แบบ nanoSIM Card 2 ช่อง, ช่องไมโครโฟน, พอร์ต USB Type-C และช่องลำโพงเสียง
คุณสมบัติการใช้งาน
OnePlus 7T รันบนระบบปฎิบัติการ Android 10 เวอร์ชั่นล่าสุด ครอบทับด้วย OxygenOS 10 อินเทอร์เฟสที่ีมาพร้อมดีไซน์โฉมใหม่ โดยมีจุดเด่นในเรื่องของความลื่นไหล มีความสเถียรขึ้น และยังมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่า Ambient Display, การจัดการความเป็นส่วนตัวที่ดีขึ้น, การแจ้งเตือนแบบใหม่, Game Space แบบใหม่ รวมถึงการแชร์ Wi-Fi ที่ง่ายขึ้น และอื่นๆ อีกมากมาย
ในส่วนของหน้าจอหลักนั้น มีหน้าจอเริ่มต้นให้ใช้ทั้งหมด 2 หน้าหลักด้วยกัน โดยด้านซ้ายเป็นหน้า Smart Assistant หรือผู้ช่วยอัจฉริยะสำหรับใข้งานฟังก์ชั่นด่วนที่ใช้บ่อยโดยการแตะครั้งเดียว และดูข้อมูลสำคัญอย่างรวดเร็วในขั้นตอนเดียว ส่วนด้านขวาจะเป็นหน้าจอหลัก
นอกจากนี้ถ้าแตะที่ด้านบนแล้วลากลงมาจะเป็นหน้าจอสำหรับเปิดปิดการเชื่อมต่อต่างๆ ทั้งอินเทอร์เน็ต, WiFi รวมทั้งปรับความสว่าง มีฟังก์ชันถนอมสายตา (Eye protection) เป็นต้น และตั้งค่าใช้งานต่างๆ และแจ้งเตือน Notifications
รวมทั้งสามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนธีม, การเปลี่ยนภาพพื้นหลัง, การนำวิดเจ็ตที่ต้องการใช้งานมาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน และการเปลี่ยนเอฟเฟกต์ปลดล็อกหน้าจอได้
รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับเครือข่าย 4G LTE with VoLTE ร่วมกับเครือข่าย AIS ส่วนเครือข่ายอื่นๆ นั้นตอนนี้ยังใช้งานไม่ได้ คงต้องรอให้ทาง OnePlus อัปเดตก่อน และรองรับ Full Net Com 4.0 ใช้ 4G/3G ทั้ง 2 ซิม
ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังบนหน้าจอแบบ In-display fingerprint sensor โดยรองรับการบันทึกลายนิ้วมือได้ทั้งหมด 5 ลายนิ้วมือ พร้อมรองรับการบันทึกใบหน้าได้ 1 บุคคล และในส่วนของระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอนั้น ผู้ใช้สามารถเลือกปรับเอฟเฟ็กต์ขณะวางนิ้วเพื่อปลดล็อกได้ด้วยตนเอง
รองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า เพียงลงทะเบียนด้วยใบหน้า ซึ่งจะใช้ได้เพียงหน้าเดียวเท่านั้น สามารถใช้งานด้วยการปัดหน้าจอขึ้น เพื่อเรียกการทำงานของกล้องหน้าให้ขึ้นมาปลดล็อค แล้วมองไปที่กล้องหน้าจอก็จะปลดล็อค อาจใช้เวลามากกว่าการสแกนด้วยนิ้วเล็กน้อย
สามารถปรับรูปแบบการแสดงสีสันหน้าจอได้ 3 โหมดคือ Vivid สีสันสดใส, Natural สีสันแบบธรรมชาติ และ Advanced ที่สามารถปรับขั้นสูงได้ 3 รูปแบบคือ AMOLED Wide Gamut, sRGB และ Display P3 รวมทั้งยังสามารถปรับอุณหภูมิสีได้ด้วยตนเองไม่ว่าจะเป็นโทนเย็น หรือโทนอุ่น
จุดเด่นของ OnePlus 7T คือจอแสดงผลที่สามารถปรับค่ารีเฟรชเรทได้ 2 ระดับคือ 60Hz และ 90Hz โดยค่าพื้นฐานระบบจะเปิดใช้งานโหมด 90Hz เพื่อช่วยให้ประสบการณ์ใช้งานไหลลื่นมากยิ่งขึ้น และจะทำการปรับค่า Refresh Rate ให้เหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานของแอปพลิเคชันแบบอัตโนมัติเพื่อช่วยประหยัดพลังงาน
ด้วยระบบปฏิบัติการ Android 10 ทำให้ OnePlus 7T สามารถตั้งค่าเลือกให้มีปุุ่มควบคุม Navigation Key หรือแบบ Navigation Gesture ใช้นิ้วปัดบนหน้าจอแทนปุ่มควบคุม ซึ่งถ้าเลือกแบบหลังนี้ จะทำให้หน้าจอมีพื้นที่เพิ่มขึ้น เหลือแถบด้านล่างแค่เส้นบางๆ เพียงเส้นเดียวเท่านั้น แต่ก็สามารถซ่อนแถบนี้ได้ โดยเข้าไปตั้งค่าได้ที่เมนูการตั้งค่า > ปุ่ม & ท่าทาง > แถบนำทาง & รูปแบบ
มาพร้อมระบบเสียง Dolby Atmos และสามารถปรับเอฟเฟกต์เสียงได้ 3 แบบคือ Dynamic สำหรับปรับเสียงให้เหมาะกับคอนเทนต์ที่กำลังเล่นอยู่แบบอัตโนมัติ, Movie ปรับรูปแบบเสียงให้เหมาะกับการชมภาพยนตร์ ผ่านการปรับเสียงพูดให้ชัดเจนขึ้น และเล่นเสียงแบบรอบทิศทางเสมือนจริง และ Music ปรับเสียงให้เหมาะแก่การฟังเพลงทุกรูปแบบ
ประสิทธิภาพ
OnePlus 7T ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.96GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 855+ บนสถาปัตยกรรม 7nm, หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 640, RAM 8GB และหน่วยความจำภายในเครื่องขนาด 128GB แบบ UFS 3.0 2-Lane ที่จะทำให้การสั่งการเร็ว และลื่นไหลมากยิ่งขึ้น
สำหรับการเล่นเกมนั้น มาพร้อม Game Space ที่เข้ามารวบรวมเกมทุกเกมเข้าด้วยกัน เพื่อให้เรียกใช้งานได้อย่างง่ายดาย รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพให้เข้ากันกับตัวเครื่องมากขึ้นด้วย
รวมทั้งมี Fnatic Mode ช่วยในการปิดการแจ้งเตือนต่างๆ ในขณะเล่นเกม รวมทั้งรีดประสิทธิภาพของ CPU และ GPU ให้อยู่ในระดับสูงสุด พร้อมจัดสรรทรัพยากร RAM ให้เหมาะสมต่อการเล่นเกม รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เพื่อช่วยลดอาการ Lag ที่อาจเกิดขึ้นขณะเล่นเกมออนไลน์ได้
โดยเกมที่นำมาทดสอบมี 3 เกมด้วยกันคือ ROV, Aphalt 9 และ Call Of Duty ซึ่งแต่ละเกมค่อนข้างใช้ทรัพยากรเครื่องพอสมควร และมีกราฟิกที่หนัก เริ่มกันที่เกมแรก ROV ตั้งค่าเลือกเฟรมเรตสูงสุด ปรากฎว่าสามารถเล่นได้อย่างไหลลื่น ไม่มีอาการหน่วง หรือกระตุกให้เห็น และเฟรมเรตนิ่งมากๆ อยู่ที่ 59-60 FPS
ต่อด้วยเกม Asphalt 9 ถือเป็นเกมที่มีกราฟิกสูง และใช้สเปกในการเล่นค่อนข้างเยอะพอสมควร โดยตั้งค่าเลือกคุณภาพภาพเน้นความไหลลื่น ปรากฎว่าสามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล แถมยังมีระบบสั่นคล้าย Dual Shock ของ PlayStation ด้วย และด้วยอัตราส่วนของหน้าจอ 20:9 ของ OnePlus 7T ทำให้การแสดงผลมีมุมมองที่กว้างขึ้นโดยเฉพาะฉากต่างๆ ในเกม
ปิดท้ายด้วยเกม Call Of Duty เกมที่มีทั้งสเปกและกราฟิกสูงอีกเกม โดยตั้งค่าเลือกคุณภาพกราฟิกในระดับ Very High และเฟรมเรตระดับ MAX ปรากฎว่าสามารถเลินได้อย่างลื่นไหลมากๆ และไม่มีการสะดุดของเกมให้เห็น โดยรวมแล้วถือว่าสอบผ่านได้เกรด A ทั้ง 3 เกมเลย
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ OnePlus 7T ผ่านแอป Antutu
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ OnePlus 7T ผ่านแอป GeekBench
แบตเตอรี่
OnePlus 7T ใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ความจุ 3,800 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จไวแบบ Warp Charge 30T ที่ชาร์จได้เร็วขึ้นกว่า Warp Charge 30 ถึง 23% สามารถชาร์จจาก 0 – 70% ได้ในเวลาเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น
หลังจากที่ได้ทำการทดสอบโดยใช้งานต่อเนื่องใน 1 วันปรากฏว่าสามารถใช้งานได้ประมาณ 10-12 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้งานอินเทอร์เน็ตในเครือข่าย 4G แบตก็อาจหมดเร็วขึ้น โดยรวมแล้วสามารถใช้งาน 1 วันได้อย่างสบายๆ และถ้าแบตเหลือน้อยลง ก็สามารถชาร์จโดยใช้เวลาไม่นาน และใช้งานได้อย่างต่อเนื่องทันที
ด้านการถ่ายภาพ
OnePlus 7T มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว Triple Camera พร้อมไฟแฟลชคู่ Dual LED ประกอบด้วย
- กล้องหลัก ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586 รูรับแสง f/1.6 ขนาดพิกเซล 1.6 ไมครอน และระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ถ่ายมุมกว้างได้ 117 องศา พร้อมระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF และ CAF
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล เทียบเท่าระยะเลนส์ 78 มม. รูรับแสง f / 2.2 และขนาดพิกเซลใหญ่ถึง 1 µm พิกเซล พร้อมเทคโนโลยีซูม 2x Optical Zoom ที่ซูมภาพไม่ทำให้เสียรายละเอียดไป
สามารถเลือกถ่ายได้ทั้งโหมดปกติ, โหมด Portrait, โหมดวิดีโอ, โหมดทิวทัศน์กลางคืน, โหมดถ่ายภาพ Pro, โหมด Time-Lapse, โหมด Panorama และโหมด Slow-motion
รวมทั้งสามารถตั้งเวลาถ่ายภาพได้สูงสุด 10 วินาที, ตั้งอัตราส่วนของภาพถ่าย, ตั้งค่าเปิดปิดไฟแฟลช และเปิดปิดโหมดถ่ายภาพแบบซุปเปอร์มาโคร
ด้านการถ่ายวิดีโอ รองรับการบันทึกที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K 60FPS และเพิ่มประสิทธิภาพของระบบกันสั่นให้ดีมากยิ่งขึ้นโดยมี Hybrid Image Stabilization (HIS)
สามารถถ่ายภาพมุมกว้าง และซูมได้แบบออปติคอลได้ 2 เท่า
โหมดปกติ
โหมดมุมกว้าง
ซูมแบบออปติคอล 2 เท่า
โหมดซุปเปอร์มาโคร ที่สามารถถ่ายภาพระยะใกล้ชัดถึง 2.5 ซม.
โหมด Portrait หรือโหมดถ่ายภาพบุคคลหน้าชัดหลังเบลอ ซึ่งสามารถถ่ายได้ 2 ระยะทั้งมุมแคบเพื่อเน้นตัวแบบ และมุมกว้างเพื่อเก็บบรรยากาศที่อยู่ด้านหลังตัวแบบ
โหมด Nightscape แบบปกติ
โหมด Nightscape แบบมุมกว้าง Ultra Wide Angel
โหมดถ่ายภาพกลางคืนหรือ Nightscape มีการอัปเกรดให้สามารถใช้งานเลนส์มุมกว้าง Ultra Wide Angle จากเดิมที่ถ่ายได้เฉพาะโหมดปกติ
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 สามารถเลือกถ่ายได้ทั้งโหมดปกติ, โหมด Portrait และโหมดวิดีโอ โดยวิิดีโอรองรับที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD
ภาพเซลฟี่ในโหมดปกติ
เซลฟี่ในโหมด Portrait
ตัวอย่างภาพจากกล้อง
บทสรุป
OnePlus 7T ถือเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงในตระกูล OnePlus 7T Series ที่แม้สเปกจะเป็นรอง OnePlus 7T Pro รุ่นท๊อป แต่ก็เป็นรุ่นอัปเกรดของ OnePlus 7 ทั้งตัวเครื่องในดีไซน์โฉมใหม่สวยหรูดูพรีเมี่ยมขึ้น หน้าจอแสดงผลแบบ Fluid Display ขนาด 6.55 นิ้ว ที่มีิอัตรารีเฟรชเรทที่ 90Hz ที่ให้ภาพที่เนียนสมูททั้งการใช้งานทั่วไปและการเล่นเกมจนแทบไม่อยากวางโทรศัพท์เลย
นอกจากนี้ยังมาพร้อมขุมพลังชิปเซ็ท Snapdragon 855+ ใหม่ล่าสุด ที่เร็ว แรง และมีประสิทธิภาพมากที่สุด ณ ขณะนี้ จับคู่กับ RAM แบบ LPDDR4x ขนาด 8GB, หน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.0 2-Lane ขนาด 128GB รวมทั้งใช้ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย Oxygen OS 10 เวอร์ชั่นล่าสุด ช่วยให้การใช้งานต่างๆ รวมถึงการเล่นเกมมีความไหลลื่น และไม่มีสะดุด
ในส่วนของการถ่ายภาพก็จัดเต็มด้วยกล้องหลัง 3 ตัวดีไซน์ทรงกลมใหม่ครอบคลุมทุกช่วง ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล, กล้องเลนส์มุมกว้าง Ultra Wide Angle และกล้องซูมเลนส์ Telephoto ถ่ายภาพได้สวยทั้งกลางวัน และกลางคืน รวมทั้งมีระบบเสียงแบบรอบทิศทาง Dolby Atmos ที่ให้เสียงสมจริงมีมิติ ทำให้เล่นเกมหรือดูหนังฟังเพลงได้อรรถรสมากขึ้น
ปิดท้ายด้วยแบตเตอรี่ที่มีความจุถึง 3,800mAh รองรับการชาร์จเร็วแบบ Warp Charge 30T เรียกได้ว่าสามารถใช้งานได้ยาวนาน และใช้เวลาในการชาร์จไม่นานอีกด้วย
ทั้งนี้ OnePlus 7T มี 2 สีดีไซน์ให้เลือกคือ Glacier Blue และ Frosted Silver ราคา 17,990 บาท พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ผ่านทาง AIS, JD Central และ Lazada ได้ที่เว็บไซต์ http://oneplus7tseries.onlineoneplus.com/