น่าจะเหมาะกับช่วงนี้พอดีที่นักเรียนนักศึกษากลับมาเปิดเทอมอีกครั้ง ซึ่งหากพ่อแม่ผู้ปกครองกำลังมองหาอุปกรณ์สื่อสารในงบประหยัดสำหรับน้องๆ และพ่วงความสามารถที่ดีสำหรับการเล่นเกมลื่นในระดับเริ่มต้น เพราะรุ่นนี้คือ nubia Neo 2 5G ที่พวกเราได้มารีวิวให้ติดตามกันครับ แถมยังรองรับ 5G มอบความเร็วการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว และมีราคาที่สบายกระเป๋าด้วยครับ
เกริ่นเรื่องราคามาขนาดนี้ บอกก่อนเลยว่ารุ่นนี้มีงบประมาณเพียง 7 ใบเทามีทอนเท่านั้นครับ แต่สเปคที่ได้ถือว่าจัดมาให้คุ้มค่าคุ้มราคาแน่นอน นำโดยชิปเซ็ตเกมมิ่งสายประหยัด Unisoc T820 ความเร็วสูงสุด 2.7GHz หน้าจอใหญ่ลื่นไหล 120Hz ความละเอียด Full HD+ คมๆ
มีปุ่มพิเศษบริเวณไหล่ตัวเครื่อง คล้ายปุ่ม L+R บนคอนโทรลเลอร์ กล้องถ่ายภาพคู่ และแบตจัดเต็ม 6000mAh ชาร์จไวที่ 33W ให้เยอะๆ คุ้มๆ แบบนี้ รีวิวจริงจะมีข้อดีหรือข้อสังเกตอย่างไรบ้างนั้น ไปติดตามได้ในรีวิวเลยครับ
แกะกล่อง nubia Neo 2 5G
- สมาร์ทโฟน nubia Neo 2 5G
- หัวชาร์จเร็ว 33W
- สายดาต้า USB-C
- เคสใส
- เข็มถอดซิม
- คู่มือและใบรับประกัน
ในส่วนอุปกรณ์ในกล่องถือว่าให้ครบจัดเต็มไม่ขาดไม่เกินครับ ได้มาทั้งหัวชาร์จเร็ว สายชาร์จเร็ว และเคสใสแบบนี้ จัดว่าคุ้มแล้วครับ สำหรับยุคที่หลายค่ายผลักภาระให้ผู้บริโภค ลดต้นทุน ไม่แถมหัวชาร์จให้ในกล่อง ทำให้ต้องไปซื้อเอง เปลืองไปอีก
ใส่เคสที่แถมมาแล้วก็จะหล่อๆ ประมาณนี้เลยครับ
โดยตัวเคสจะปกป้องเฉพาะมุมทั้ง 4 และด้านหลังครับ ส่วนด้านข้างก็จะเปิดโล่งแบบนี้เลย ถือว่าโชว์บอดี้เครื่อง แต่ถ้าใครอยากปกป้องมากกว่านี้ คงต้องซื้อเคสเพิ่มเอง
สเปค nubia Neo 2 5G
- หน้าจอขนาด 6.72 นิ้ว IPS LCD 120Hz ความละเอียด Full HD+ (392ppi)
- CPU Unisoc T820 (6nm) แบบ Octa-Core 2.7GHz (Cortex-A76 2.7GHz X1, Cortex-A76 2.3GHz X3, Cortex-A55 2.1GHz X4)
- GPU Mali-G57
- RAM 8GB + Virtual RAM 12GB รวมเป็น 20GB
- หน่วยความจำภายใน 256GB (UFS 3.1)
- ไม่รองรับ MicroSD Card
- กล้องถ่ายภาพ
- กล้องหลัก 50MP F1.8 PDAF
- กล้อง Depth 2MP f2.4 Fixed Focus
- กล้องหน้า 16MP
- ลำโพงคู่ Stereo
- ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม.
- รองรับ NFC
- มีสแกนนิ้วด้านข้าง
- แบตเตอรี่ 6000mAh
- ชาร์จเร็ว 33W
- รองรับ 5G
- ราคาเปิดตัว 6,999 บาท
- ตัวเลือกสี สีเทา Storm Gray (ในรีวิว), สีเงิน Frost Silver, และ สีเหลือง Sunfire Yellow
ดีไซน์การออกแบบ
nubia Neo 2 5G มาพร้อมดีไซน์การออกแบบที่สวยทันสมัยครับ ดูแล้วเอาใจคนรุ่นใหม่แน่นอน เพราะมีดีไซน์ทรงเหลี่ยมตามสมัยนิยม มีกล้องหน้าแบบเจาะรู punch-hole บริเวณกลางหน้าจอ มีขอบเครื่องที่บางทั้ง 4 ด้าน โดยด้านล่างจะหนากว่าเล็กน้อย
กรอบเครื่องมีความแบนราบ และขอบจะโค้งมนเล็กน้อย ไม่คมครับ ปุ่มควบคุมจะแบ่งออกเป็น 2 ด้านของเครื่อง โดยด้านขวาจะมีปุ่ม Power ซึ่งปุ่มนี้จะใช้สำหรับการสแกนลายนิ้วมือด้วย
ที่ด้านขวายังมีปุ่มพิเศษซ้ายขวา ซึ่งเป็นปุ่ม Dual Sholder Triggers ที่สามารถตั้งค่าให้เป็นปุ่มลัดได้ครับ จะเหมาะมากสำหรับเล่นเกมสไตล์ FPS หรือเกมแนวยิงๆ กัน เพราะจะเหมาะสำหรับการตั้งเป็นปุ่มยิงปืน และเมื่อสัมผัส จะมีการสั้นตอบสนองด้วย ได้ฟิลลิ่งที่ดีทีเดียวครับ หรือจะ Map ปุ่มสำหรับเกมอื่นๆ ก็ได้ เช่น เกมแข่งรถ โดยให้ปุ่มด้านขวาเป็นปุ่มคันเร่ง และปุ่มด้านซ้ายเป็นเบรค อันนี้ก็ได้เช่นกันสำหรับเกมที่รองรับการตั้งค่า Map ปุ่ม
ในขณะที่ด้านซ้ายจะเป็นปุ่มควบคุมเสียง และช่องใส่ซิมการ์ด ซึ่งรุ่นนี้ก็จะรองรับสองซิมครับ โดยจะใช้ซิมการ์ดแบบนาโนซิม และไม่มีช่องใส่ MicroSD Card แต่ความจำเครื่องให้มาใหญ่ถึง 256GB จริงๆ สำหรับบางคน (อย่างเช่นผู้รีวิว) แค่นี้ก็เยอะมากแล้วครับ อันนี้แล้วแต่การใช้งานของแต่ละบุคคลนะครับ
ด้านบนมีเพียงไมค์ตัวที่สอง
และด้านล่างจะมีพอร์ต USB-C ไมค์หลัก และลำโพงนอกครับ ซึ่งตามที่บอกไปว่ารุ่นนี้มีลำโพงคู่ Stereo โดยจะใช้ช่องลำโพงด้านบนเป็นลำโพงคู่ร่วมด้วยกับลำโพงด้านล่าง เพื่อให้มิติเสียงซ้ายขวานั่นเอง
ที่ดูจะโดดเด่นเป็นพิเศษก็จะเป็นบริเวณฝาด้านหลังที่มีเกาะกล้องแบบ 8 เหลี่ยม 2 เกาะ โดยด้านบนจะสำหรับวางกล้องหลัก และด้านล่างสำหรับกล้องเสริมและไฟแฟลช LED นอกจากนี้ในส่วนของดีไซน์ด้านหลังยังดูคล้ายตาเหยี่ยมที่เล่นเส้นสายสีดำเทาตัดสีเหลือง ดูโฉบเฉี่ยว สวยงามเอาเรื่อง
โดยสรุปด้านดีไซน์การออกแบบของ nubia Neo 2 5G ทำมาได้ค่อนข้างแจ่มทีเดียวครับ มีขนาดตัวเครื่องที่กำลังพอเหมาะ และน้ำหนักที่ไม่เบาไม่หนักจนเกินไป มีตัวเครื่องที่แน่นหนา วัสดุงานประกอบดูแพง ไม่ดูเป็นรุ่นราคาประหยัดเลยครับ ดูแล้วน่าจะถูกใจวัยรุ่นแน่นอน
ประสิทธิภาพการใช้งาน
nubia Neo 2 5G มาพร้อมสเปคที่เร็วแรงระดับเริ่มต้นครับ โดยมาพร้อมชิปเซ็ต Unisoc T820 ที่พัฒนาโดยสถาปัตยกรรม 6nm ซึ่งอาจจะไม่ใหม่มาก แต่ก็มีคอร์พลังสูง Cortex-A76 ที่ความเร็ว 2.7GHz จำนวน 1 คอร์ ตามมาด้วยคอร์รองตัวแรงเช่นกัน Cortex-A76 2.3GHz อีก 3 คอร์ และสุดท้ายเป็นคอร์สำหรับงานทั่วไป Cortex-A55 ความเร็ว 2.1GHz อีก 4 คอร์ พร้อม GPU Mali-G57 สำหรับเสริมการประมวลผลด้านกราฟฟิก
จุดเด่นด้านระบบกระมวลผลยกให้ด้าน RAM ครับ ซึ่งจะมี RAM หลักแล้ว 8GB ซึ่งก็ถือว่าเยอะพอตัวแล้ว แต่ยังมี Virtual RAM หรือ RAM เสมือนเพิ่มอีก 12GB รวมแล้วเป็น 20GB จะเยอะไปไหน ดังนั้นด้านงาน multi-tasking จัดว่าหายห่วงครับ สามารถเล่นแอปพร้อมกันได้มากมายหลากหลาย รันงานได้อย่างไวครับ
ในขณะที่ด้านความจำภายในก็ถือว่าใหม่มาเยอะจุใจครับ โดยให้มาที่ 256GB เยอะเกินเบอร์หลายแบรนด์ในราคาเดียวกัน และยังเป็นความจำแบบ UFS-3.1 ที่รวดเร็ว การโอนถ่ายข้อมูล เปิดรูป เปิดวีดีโอไวแน่นอน แต่น่าเสียดายที่จะไม่รองรับ microSD Card ซึ่งใครไม่เก็บไฟล์อะไรเยอะ หรือใช้ที่เก็บข้อมูลบน Cloud ก็สบายไปครับ ถือว่าเพียงพอในระดับนึง
สำหรับการเล่นเกม เห็นราคาเบาๆ แบบนี้ก็สามารถเล่นได้ลื่นใช้ได้ครับ จากที่เราทดสอบเกมอย่าง RoV สามารถเปิด FPS ระดับสูง 60FPS ได้แบบลื่นๆ เลยครับ ไม่มีเฟรมเรทตกให้เห็นแต่อย่างใด
ส่วนเกมสไตล์เกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง หรือ First-Person Shooter ชื่อดังอย่าง PUBG Mobile อันนี้ยิ่งมันส์ครับ เพราะเราสามารถตั้งค่าปุ่ม Triggers เพื่อช่วยในเกมได้ ยกตัวอย่างเช่นอย่างที่ผู้รีวิวใช้ คือจะใช้ปุ่ม Trigger ด้านขวาสำหรับปุ่มยิง และ Trigger ด้านซ้ายสำหรับการซูม จะช่วยให้เราสามารถควบคุมเกมได้เปรียบคู่แข่งอย่างชัดเจน เพราะจากที่เราใช้แค่ 2 นิ้วในการเล่น แต่ตอนนี้เราสามารถใช้ได้ถึง 4 นิ้่วพร้อมกัน ถ้าชอบเกมแนวนี้ จัดว่าเล่นสนุกขึ้นจริงๆ ครับ
ในส่วนของหน้าจอก็ถือว่าให้มาดีครับ แม้ว่าจะยังเป็น IPS LCD ยังไม่ใช่ AMOLED ที่สีสันสดใสกว่า แต่หน้าจอที่ได้ถือว่าเพียงพอ และเหมาะสมกับราคานี้แล้วครับ โดยจะเป็นจอขนาด 6.72 นิ้ว ความละเอียด 2400×1080 พิกเซล สัดส่วนหน้าจอ 20:9 และมีสัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องที่ 92% Screen-to-body ratio
จุดเด่นจริงๆ น่าจะเป็นจอที่ค่อนข้างลื่นไหลแบบ Ultra-Smooth Display ที่ความถี่ 120Hz ช่วยให้การแสดงผลเกม หรือดูหนังฟังเพลง ดูซีรีย์ทำได้อย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุด สบายตาดีทีเดียวครับ นอกจากนี้หน้าจอยังมีระบบ Smart Adaptive Refresh Rate ที่จะเลือกความถี่หน้าจอที่เหมาะสมสำหรับคอนเท้นต์บนหน้าจออัตโนมัติเพื่อการจัดการพลังงานที่ดีขึ้นด้วยครับ
Live Island ก็มีให้ใช้บนรุ่นนี้ครับ ซึ่งจะเป็นฟีเจอร์การแสดงข้อมูลอย่างย่อบนแคปซูลรอบกล้องหน้า โดยจะสามารถแสดงการแจ้งเตือน หรือข้อมูลแจ้งเตือนแบบ real-time แบบเฟี้ยวๆ สไตล์ไอโฟนนั่นล่ะครับ
และแม้จะเป็นรุ่นประหยัด แต่ชิปเซ็ตรุ่นนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อ 5G ที่ทันสมัยที่สุดบนมือถือในประเทศไทยในปัจจุบัน ทำให้การเล่นเกมนอกบ้านในจุดที่มีสัญญาณทำได้อย่างรวดเร็ว ไม่สะดุด
การเล่นเกมยังมีระบบลดความร้อนแบบ NeoTurbo ซึ่งเป็นเอ็นจิ้นที่จะจดจำลักษณะการเล่นเกมของเรา และจัดการอุณหภูมิให้เหมาะสมด้วย AI ช่วยให้ประสิทธิภาพของเครื่องเราไม่ร้อนจนความเร็วตกนั่นเอง
นอกจากนี้ในส่วนของระบบเสียงรุ่นนี้ยังมาพร้อม Dual Stereo Speakers ลำโพงคู่ที่รองรับระบบเสียง DTS:X Ultra ให้เสียงที่ดัง คมชัด มีมิติมากขึ้น รวมถึงปรับระบบเสียงให้เหมาะสมมากที่สุดสำหรับทั้งการเล่นเกม ดูหนัง หรือว่าฟังเพลงก็ตาม อันนี้ชอบเลยฮะ เสียงดีเอาเรื่อง
แบตเตอรี่ก็ให้มาเยอะจุใจครับสำหรับ nubia Neo 2 5G ที่ให้มาถึง 6000mAh และไม่ใจดำ ให้ที่ชาร์จพร้อมสายชาร์จเร็ว 33W มาให้ด้วย โดยการชาร์จ 0-100% จะใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมงก็เต็มแล้วครับ (หรือประมาณ 1.40 ชม.) จัดว่าทำได้ค่อนข้างเร็วสำหรับเรทราคานี้ครับ อย่าลืมว่าแบตมันเยอะด้วยนะ
ส่วนผลการทดสอบ Benchmark ต่างๆ จะอยู่ตามด้านล่างนี้เลยครับ ผลลัพท์โดยรวมถือว่าทำได้รวดเร็ว น่าประทับใจมากสำหรับกลุ่มราคากลางหมื่นนี้เลย
ผลทดสอบ Benchmark ด้วยโปรแกรม Geekbench 6
ผลทดสอบด้วยโปรแกรม 3DMark
ผลทดสอบด้วยโปรแกรม PCMark for Android
ผลทดสอบด้วย CPU-Z
โดยรวมด้านประสิทธิภาพของ nubia Neo 2 5G ถือว่ามาค่อนข้างแรงครับ ซึ่งเมื่อเทียบประสิทธิภาพกับชิปเซ็ต Dimensity 6080 5G ของ MediaTek ทางด้าน Unisoc T820 บนสมาร์ทโฟนเครื่องนี้จะมีประสิทธิภาพ CPU สูงกว่า 30% และประสิทธิภาพ GPU แรงกว่า 40% ถือว่ามีความแรงที่น่าประทับใจสำหรับกลุ่มราคานี้ครับ
ด้านความเป็นส่วนตัวก็สามารถเลือก Theme รวมถึง Wallpaper ให้เหมาะสำหรับแต่ละคนได้
ระบบรักษาความปลอดภัยก็มาค่อนข้างครบครับ ทั้งการใส่รหัสพื้นฐาน Android รวมถึงการสแกนลายนิ้วมือ และการสแกนใบหน้า
เรื่องระบบหน่วยความจำก็ไม่ต้องห่วง ให้ความจำมาเยอะ 256GB และ RAM รวม 20GB เยอะสะใจ
กล้องถ่ายภาพ
ด้านการถ่ายภาพของเกมมิ่งโฟน nubia Neo 2 5G รุ่นนี้จัดว่าดีใช้ได้ครับ ด้วยกล้องหลัก 50MP F1.8 รองรับออโต้โฟกัสแบบ PDAF ตัวนี้จัดว่าทำได้ดี โฟกัสภาพได้รวดเร็ว ให้แสงและสีที่ดีในที่แสงเพียง และค่อนข้างใช้ได้สำหรับที่แสงน้อย ซึ่งจะมีไฟแฟลช LED ช่วยเสริมได้ในที่แสงน้อย
ในขณะที่กล้องเสริมก็ช่วยสร้างภาพสไตล์ชัดตื้น หรือหน้าชัดหลังเบลอได้ดีในระดับนึง ส่วนกล้องหน้า 16MP ก็ถือว่าถ่ายภาพได้สวยไม่แพ้กันครับ โดยรวมจัดว่าคุ้มใช้ได้สำหรับเกมมิ่งโฟนราคาประหยัดรุ่นนี้ครับ ครบเครื่องทีเดียว ลองชมตัวอย่างภาพด้านล่างนี้เลย
บทสรุป
โดยสรุปแล้ว nubia Neo 2 5G เหมาะสมกับใคร? ต้องบอกเลยว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ถือว่าดีเกินคาดครับ เพราะแรกสัมผัสก็เชื่อว่าจะเป็นมือถือที่ดีประมาณนึงสำหรับการเล่นเกม แต่พอได้เช่นจริงแล้ว ทั้งการเล่นรวมถึงการใช้งานทั่วไป เช่น เล่นโซเชียล ดูหนัง ฟังเพลง จัดว่าทำได้ค่อนข้างลื่นไหลดีมาก หรือแม้แต่การถ่ายภาพที่เกมมิ่งโฟนราคาประหยัดส่วนใหญ่จะไม่ได้เน้นมาก แต่รุ่นนี้ก็ถือว่าทำได้ดีใช้ได้เลยครับ
รวมถึงยังรองรับเครือข่าย 5G มี RAM รวมเยอะถึง 20GB และความจำภายใน 256GB ที่เยอะมาก ดังนั้นอย่าว่าแต่เป็นเครื่องสำรอง หรือเครื่องเล่นๆ ให้เด็กใช้เลยครับ ผู้ใหญ่หรือวัยทำงานจะใช้เป็นเครื่องหลัก ผู้รีวิวก็ยังคิดว่าเอาอยู่เลยฮะ
ส่วนข้อสังเกตของ nubia Neo 2 5G รุ่นนี้อาจเป็นในส่วนของหน่วยความจำเสริม microSD Card จะไม่สามารถใส่ได้นะครับ ซึ่งก็อย่างที่บอกไปว่า หากไม่ได้เก็บไฟล์อะไรเยอะแยะ แค่ 256GB ที่ให้มาก็น่าจะเพียงพอแล้วครับ แถมยังได้ความจำแบบ UFS 3.1 อันนี้เกินคาดมากกับงบระดับนี้ (ทั่วไปต้องราคาเกินหมื่นครับ ถึงได้ความเร็วนี้) รวมถึงไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม. ตรงนี้ใครใช้หูฟังไร้สาย ก็รอดไปครับ
nubia Neo 2 5G มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 6,999 บาท ส่วนตัวผู้รีวิวถือว่าคุ้มมากครับ ใครอยากได้มือถือแรงๆ ลื่นๆ ในงบไม่บานปลาย รองรับ 5G แบตเยอะชาร์จไว ครบ จบ ในงบ 7 ใบเทา รุ่นนี้น่าจะตอบโจทย์กันแน่นอนครับ