ปัจจุบันตลาดแท็บเล็ตถือว่ากลับมาได้รับความนิยมอย่างสูงอีกครั้ง โดยสาเหตุหลักๆ น่าจะมาจากสถานการณ์โรคระบาดในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผู้คนต้องทำงานที่บ้าน หรือที่เรียกว่า Work from Home ไม่เว้นแม้แต่เด็กๆ ก็ต้องเรียนออนไลน์
ทำให้เกิดความต้องการอุปกรณ์เสริมที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับกับการรับชมนานๆ ไม่ทำให้เสียสายตาเหมือนสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอขนาดเล็ก ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่เราได้เห็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแทบทุกค่ายหันมาลงในตลาดแท็บเล็ตอีกครั้ง
ไม่เว้นแม้แต่ Nokia ที่เป็นแบรนด์ผู้ผลิตโทรศัพท์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดแบรนด์นึงในอดีต ล่าสุดก็ยังหันมาส่งแท็บเล็ตลงสู้ในศึกนี้ด้วยครับ โดยได้เปิดตัว Nokia T20 แท็บเล็ตหน้าจอขนาดใหญ่ ฟีเจอร์คุ้มค่า ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่าย เหมาะทั้งสำหรับคนที่มองหาแท็บเล็ตไว้ทำงาน เรียนออนไลน์ หรือแม้แต่เพื่อความบันเทิง ก็สามารถตอบโจทย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
จุดเด่นของ Nokia T20 คร่าวๆ คือจะมาพร้อมโครงสร้างภายนอกเป็นอลูมิเนียมที่หรูหรา ดูดีมีหน้าจอแสดงผล 2K มีกล้องทั้งด้านหน้าและหลัง และที่น่าสนใจคือมี วิทยุ FM ด้วยครับ ซึ่งเราแทบไม่ได้เห็นกันบนแท็บเล็ตในท้องตลาดตอนนี้เลย ซึ่งจะใช้การเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. เพื่อใช้เป็นสายสัญญาณ และมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 8,200mAh โดยสเปคของรุ่นนี้จะมีดังนี้เลยครับ
สเปค Nokia T20
แกะกล่อง Nokia T20
- ตัวเครื่อง Nokia T20
- สายดาต้า
- ที่ชาร์จ (10W)
- เข็มจิ้ม SIM
- คู่มือการใช้งาน และใบรับประกันต่างๆ
ด้านอุปกรณ์ที่ให้มาก็ถือว่าครบพร้อมใช้งานครับ แต่น่าเสียดายนิดหน่อยที่ไม่แถมชุดหูฟังมาให้ด้วย เพราะอุตสาห์รองรับ FM Radio ทั้งที ถ้าแถมมาให้จะดีมากเลยครับ
ด้านระบบประมวลผลของ Nokia T20 จะใช้พลังงานจากชิปเซ็ต Unisoc ซึ่งเป็นซีพียูแบบ Octa-Core ความเร็วสูงสุด 1.8GHz ทำงานร่วมกับ RAM 4GB และมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 64GB ซึ่งถือว่าให้มาเยอะสำหรับแท็บเล็ตระดับเริ่มต้นแบบนี้ครับ
นอกจากนี้แท็บเล็ตยังมีฟีเจอร์ OZO Playback ของ Nokia ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์การฟังที่สมจริงยิ่งขึ้น และมีไมโครโฟนคู่ ที่ช่วยให้ทำงานได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง ซึ่งเราจะเล่าให้ฟังในส่วนต่อไปครับ
ดีไซน์การออกแบบ
Nokia T20 มีดีไซน์การออกแบบสไตล์ aluminum unibody พร้อมผิวพ่นทรายที่ให้ความรู้สึกสบายเวลาถือจับบนมือ มาพร้อมจอแสดงผล IPS ขนาด 10.4 นิ้ว ขนาดใหญ่เต็มตา มีอัตราส่วนภาพ 5:3 ซึ่งเหมาะสำหรับการอ่านในแนวตั้งหรือพลิกเครื่องเพื่อดูคอนเท้นต์บนหน้าจอในแนวนอน บอดีขนาด 247.6×157.5×7.8 มม. และน้ำหนักเกือบๆ 500 กรัม ที่ถือว่าก็ไม่หนักไม่เบาสำหรับการเป็นแท็บเล็ต 10 นิ้วครับ
ที่ด้านหลังมีกล้องหลัก 8MP พร้อมแฟลช LED และมีโลโก้ของ Nokia ที่ตรงกลาง ด้านบนมีส่วนที่เป็นโลหะสำหรับใช้เป็นสายเสาอากาศที่วิ่งไปตามขอบด้านยาวของแท็บเล็ต
การจัดวางกล้องหน้าความละเอียด 5MP ให้เหมาะสมสำหรับการประชุมทางโทรศัพท์ในโหมดแนวนอน และไมโครโฟนคู่อยู่ที่ขอบด้านบนของโทรศัพท์ด้วย จอแสดงผลมีมุมโค้งมนที่เสริมร่างกายที่โค้งมนอย่างสวยงาม
ปุ่มเปิด/ปิดจะอยู่ที่ขอบด้านซ้ายบริเวณด้านบนครับ และปุ่มปรับระดับเสียงอยู่ที่ขอบด้านบน บริเวณด้านซ้ายใกล้ๆ กัน โดยปุ่มต่างๆ ให้ความรู้สึกที่แน่นหนา ให้ความรู้สึกที่ดี และเนื่องจากทั้งสองปุ่มอยู่ใกล้มุมเดียวกัน ทำให้ใช้งานได้ง่ายเมื่อคุ้นชินแล้วครับ เพราะการควบคุมทั้งหมดจะทำได้ที่มุมนี้มุมเดียวเลย
ส่วนลำโพงเสียงจะถูกวางไว้บริเวณขอบด้านซ้ายและด้านขวา โดยเมื่อจับเครื่องในแนวนอน มือของผู้ใช้จะไม่บังลำโพงด้วยครับ ถือว่าออกแบบมาอย่างดี จัดวางอย่างสวยงามเพื่อไม่ให้ฝ่ามือมาขวาง มีพอร์ตชาร์จอยู่ตรงกลางเฟรมด้านขวา และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. วางอยู่ที่มุมล่างขวาของแท็บเล็ต ซึ่งไม่มองดีๆ อาจมองไม่เห็นนะเนี่ย
โดยรวมแล้วการออกแบบของ Nokia T20 นั้นโฉบเฉี่ยวและคุณภาพงานประกอบถือว่าดีเกินราคาทีเดียว สมกับที่เป็นแบรนด์ Nokia ที่เน้นความทนทานจริงๆ ตรงนี้ถือว่าเราชอบมากครับ
และไหนๆ ก็เป็นแท็บเล็ตที่เน้นการใช้งานบนหน้าจอใหญ่ๆ ดังนั้นขอลงรายละเอียดทางด้านหน้าจอหน่อยครับ Nokia T20 มาพร้อมหน้าจอ IPS LCD ขนาด 10.4 นิ้ว มีอัตราส่วนภาพ 5:3 และความละเอียด 1200×2000 พิกเซล ซึ่งมีกระจกกันรอยแบบธรรมดา ความหนาแน่นของพิกเซลอยู่ที่ 224 ppi ก็ถือว่าพอใช้ได้ ไม่ติดขัดอะไรเมื่อเทียบกับราคาที่จ่าย มุมมองภาพนั้นถือว่ากว้างใช้ได้ และคุณภาพของภาพโดยรวมจัดว่าดีมากสำหรับแท็บเล็ตราคาประหยัด
จอแสดงผลมีความสว่างทั่วไปอยู่ที่ 400 nits ซึ่งในการทดสอบของเรา การใช้งานทั่วไปในห้องก็ถือว่าเหมาะสมดีครับ ใช้งานได้ดีไม่มีปัญหา แต่ออกแดดหน่อยก็อาจจะมองยากไปสักนิดนึงครับ แต่ก็พอใช้งานได้
การใช้งาน และแบตเตอรี่
ด้านการใช้งานแบตเตอรี่ของ Nokia T20 เราใช้การทดสอบแบบเปิดเพลย์ลิสต์ YouTube ยาวๆ ที่ความสว่างระดับกลาง ซึ่งสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องที่ประมาณ 11 ชม. ก่อนที่แบตเตอรี่จะหมด นอกจากนี้ยังทดสอบใช้งานประชุมวิดีโอคอลเป็นเวลา 1 ชั่วโมง พร้อมกับใช้งานอื่นๆ ทั่วไป แบตเตอรี่นั้นหมดไปเพียง 11% เท่านั้น ดังนั้นเชื่อว่าการใช้งานทั่วไปสามารถทำงานได้ 1 วันเต็มๆ สำหรับการชาร์จเพียง 1 ครั้งแน่นอน หรือหากใช้เป็นอุปกรณ์เสริม ใช้งานไม่เยอะ ก็น่าจะได้ถึง 2-3 วันอยู่เหมือนกันครับ
Nokia T20 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 8,200mAh ที่รองรับการชาร์จเร็วสูงสุด 15W แต่ที่ชาร์จที่แถมให้มาจะมีกำลังไฟเพียง 10W เท่านั้น อยากชาร์จเร็ว ต้องซื้อหัวชาร์จเร็วเองนะครับ
โดยเราทดสอบร่วมกับที่ชาร์จที่ให้มาในกล่อง ได้ผลลัพท์ดังนี้ จากแบต 0% หลังจากชาร์จไป 30 นาทีแบตจะได้ 13%, ผ่านไป 2 ชั่วโมงได้แบต 52% และชาร์จถึง 100% ใน 4 ชั่วโมงโดยประมาณ ดังนั้นแนะนำว่าหากต้องการชาร์จ อาจใช้วิธีเสียบชาร์จก่อนนอน ตื่นเช้ามาก็จะมีแบตพร้อมใช้ น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดครับ
อย่างไรก็ตาม เราลองใช้ที่ชาร์จความเร็วสูงขึ้นเพื่อให้อุปกรณ์ชาร์จได้เร็วเต็มประสิทธิภาพที่ 15W พบว่าให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างดีกว่าทีเดียวครับ ซึ่งเราสามารถชาร์จเต็ม 0-100% ในเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 42 นาที ก็ถือว่าเร็วขึ้นพอสมควร
ส่วนด้านซอฟท์แวร์ ทางด้าน HMD Global เจ้าของแบรนด์ Nokia ในปัจจุบันสัญญาว่าจะให้การอัปเกรดระบบปฏิบัติการหลักเป็นเวลา 2 ปี และอัปเดตความปลอดภัย 3 ปีสำหรับ Nokia T20 ซึ่งหาได้ยากในกลุ่มแท็บเล็ตราคานี้ จุดนี้ทำให้แท็บเล็ตรุ่นนี้มีความน่าสนใจมากกว่าคู่แข่งในราคาใกล้เคียงกันพอสมควร
โดย Nokia T20 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่น Android 11 จากในกล่อง โดยหน้าตาของยูสเซอร์อินเทอร์เฟซค่อนข้างเป็นสต็อก Android มากทีเดียว ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหลพอสมควร ด้านการใช้งานแอปอย่าง Gmail, Chrome, Spotify หรือ YouTube จะรองรับการใช้งานแบบแบ่งหน้าจอ ทำให้การใช้งานบนหน้าจอขนาดใหญ่ ช่วยให้ใช้งานได้สะดวกขึ้นพอสมควร แต่อาจไม่สะดวกเท่าไหร่หากใช้งานพวกแอปแนวตั้งอย่าง Instagram หรือ TikTok เพราะจะรองรับการแสดงผลแบบแนวตั้งเท่านั้น สำหรับบางคนอาจจะไม่สะดวกได้ (แต่สำหรับผู้รีวิวก็คิดว่าดีเหมือนกันครับ จอใหญ่เห็นเต็มตาดี ^^)
นอกจากนี้สำหรับเด็กๆ อุปกรณ์ยังติดตั้งแอป Kids Space สำหรับเด็กเอาไว้ให้ด้วยครับ โดยแอปนี้จะมีคอนเท้นต์ที่เป็นมิตรสำหรับเด็กเอาไว้ และมีแอปพวกส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยครับ ดังนั้นใครหาแท็บเล็ตให้ลูกใช้เรียนออนไลน์ หรือใช้เล่น Nokia T20 ก็ถือว่าเป็นแท็บเล็ตที่น่าสนใจไม่น้อย
ส่วน UI ของหน้าจอหลักก็เป็นแบบธรรมดาคล้ายกับ stock Android ครับ คือมีแถบค้นหาของ Google ลิ้นชักแอป การตั้งค่าด่วน และการนำทางด้วยท่าทางสัมผัสของ Android ที่คุณคุ้นเคยทั่วไป
สำหรับด้านความบันเทิง Nokia T20 ยังมี Entertainment Space ซึ่งเป็นซอฟท์แวร์ของ Google ที่เหมือนว่าเป็นศูนย์กลางความบันเทิงบนแท็บเล็ตของคุณครับ เพราะเป็นศูนย์รวมแอปความบันเทิงต่างๆ ที่คุณโหลดไว้ทั้งหมด จะรวมกันอยู่ที่นี่ รวมถึงเกมและหนังสือด้วย
ด้านการปลดล็อคแท็บเล็ต รุ่นนี้จะไม่รองรับการสแกนลายนิ้วมือนะครับ ทั้งแบบเซ็นเซอร์ หรือสแกนนิ้วบนหน้าจอ ดังนั้นการปลดล็อคจะใช้การใส่รหัส และการสแกนใบหน้าเท่านั้น
ประสิทธิภาพ และการเล่นเกม
Nokia T20 ขับเคลื่อนโดย CPU Unisoc Tiger T610 ยอดนิยมสำหรับอุปกรณ์ราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าเงิน ที่ถูกพัฒนาขึ้นจากกระบวนการ 12nm ชิปเซ็ตนี้มีคอร์ Cortex-A75 สองคอร์ทำงานที่ความเร็ว 1.8Hz และ Cortex-A55 1.8GHz อีกหกคอร์ เมื่อเทียบประสิทธิภาพแล้วก็จะใกล้เคียงกับชิปเซ็ตระดับเริ่มต้นจาก Qualcomm และ MediaTek ประมาณ Snapdragon 460 และ Helio G80 ตามลำดับ กราฟิกชิปใช้เป็น Mali G52 แบบ 2 คอร์ซึ่งมีประสิทธิภาพพอใช้งานได้ สำหรับการเล่นเกมกราฟฟิกสูง อาจแนะนำให้ลดคุณภาพกราฟฟิกลงหน่อยก็จะสามารถใช้งานในอัตราเฟรมที่เล่นได้ครับ
สำหรับในประเทศไทยรุ่นที่ทำการตลาดจะเป็นรุ่นใส่ซิม LTE ได้ครับ โดยจะได้รับ RAM 4GB และ ROM 64GB ส่วนในตลาดโลกบางประเทศจะมีรุ่น Wi-Fi Only, RAM 3GB และ ROM 32GB ให้เลือกด้วย แต่ได้รุ่นใส่ซิมได้ก็ดีแล้วครับ
ด้านประสิทธิภาพในการใช้งานในชีวิตจริง Nokia T20 ถือว่าสามารถทำงานได้เกินความคาดหมายของเราพอสมควรครับ เพราะแม้จะเป็นแท็บเล็ตราคาประหยัด แต่ก็สามารถทำงาน multitasking ได้อย่างดี ยกตัวอย่างเช่น การดูวิดีโอระหว่างแฮงเอาท์วิดีโอ และการสลับไปมาระหว่างแอปโดยไม่สะดุดมากนัก โดยแท็บเล็ตอาจดูมีความสะดุดบ้างก็ตอนที่เราใช้งานเล่นแอปต่างๆ ในขณะที่กำลังติดตั้งหรืออัปเดตแอปบ้างก็เท่านั้น
ด้านการเล่นเกมส่วนใหญ่ก็สามารถทำได้ดีครับ โดยเราทดสอบเล่นเกม RoV เกม MOBA ขวัญใจมหาชน ซึ่งอาจจะปรับเฟรมเรทได้ไม่ถึง 60 FPS แต่ก็สามารถเล่นที่ 45-46 FPS ได้อย่างไม่มีปัญหาครับ แถมเล่นบนหน้าจอขนาดใหญ่ ดูแล้วสบายตาดีทีเดียว แต่ก็เหมาะกับคนมือใหญ่นะครับ จอใหญ่แบบนี้ ใครมือเล็กอาจไม่ถนัดก็เป็นได้
หรือจะเป็นการตัดต่อวีดีโอด้วยแอป KineMaster ก็สามารถตัดได้ที่ความละเอียดสูงสุดที่ Full HD เลยทีเดียว ตามภาพนี้เลยครับ ใครอยากหาแท็บเล็ตไว้ตัดวีดีโอเล่นบนหน้าจอใหญ่ Nokia T20 ตัวนี้ก็พอทำได้ครับ แต่หากมีการใส่เลเยอร์เยอะๆ แนะนำลดความละเอียดเหลือระดับ HD น่าจะใช้งานคล่องตัวกว่า
ด้านการถ่ายภาพ
Nokia T20 มาพร้อมกล้องหลักความละเอียด 8MP พร้อม ไฟแฟลช LED และระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ หรือออโต้โฟกัส รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุดที่ 1080p@30fps ซึ่งดูจากคุณภาพก็ถือว่าพอให้เราได้ถ่ายเล่นสนุกๆ ได้ครับ อาจไม่หวังผลขนาดส่งประกวดได้
โดยระบบออโต้โฟกัสบนกล้องจะรองรับการแตะเพื่อโฟกัสแบบเดียวกับสมาร์ทโฟนครับ การโฟกัสสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อแตะโฟกัสแล้ว จะสามารถปรับความสว่างของภาพได้ด้วยการเลื่อนนิ้วขึ้นหรือลง ซึ่งก็เป็นวิธีที่สมาร์ทโฟน Android OS ส่วนใหญ่ใช้กัน ดังนั้นหากคุณใช้สมาร์ทโฟนเป็นประจำอยู่แล้ว การถ่ายภาพด้วย Nokia T20 ก็ไม่ใช่เรื่องยากครับ
ตัวแอปกล้องมีโหมดถ่ายภาพพื้นฐานครบถ้วนครับ เช่น วิดีโอ ภาพบุคคล ภาพถ่าย และพาโนรามา รองรับแท็กตำแหน่ง มีตารางองค์ประกอบ 9 ช่อง โหมดถ่ายภาพต่อเนื่อง โหมดสแกนรหัส QR หรือโหมดหน้าสวย เป็นต้น รวมถึงคุณยังสามารถครอบตัดรูปภาพเป็น 1:1, 4:3 (เนทีฟ/ค่าเริ่มต้น) และเต็มหน้าจอ (5:3) ได้ ส่วนกล้องด้านหน้ามีระบบใช้ไฟแฟลชจากหน้าจอตอนที่ถ่ายเซลฟี่ด้วย
ลองชมภาพตัวอย่างจาก Nokia T20 ด้านล่างนี้เลยครับ
โดยรวมรูปภาพก็ถือว่าดูดีใช้ได้เมื่อเทียบกับราคาครับ อย่างไรก็ตามช่วงไดนามิกการแสดงสีสันก็ยังมีจุดอ่อนสำหรับกล้องบนแท็บเล็ตราคาประหยัดแบบนี้แน่นอน
ในขณะที่กล้องเซลฟี่ 5MP อาจเป็นกล้องที่ถูกใช้งานได้มากกว่า เนื่องจากเป็นกล้องสำหรับการประชุมทางวิดีโอ และถ่ายเซลฟี่สำหรับยุคนี้ครับ และยังมีโหมด Portrait เพื่อเบลอฉากหลังด้วยซอฟท์แวร์ก็ถือเป็นลูกเล่นที่พอให้ได้ใช้งานขำๆ ได้ครับ
บทสรุป
Nokia T20 ถือเป็นแท็บเล็ตราคาประหยัดที่น่าเล่นที่สุดรุ่นหนึ่ง โดยมีจุดเด่นอยู่ที่แบรนด์ Nokia ที่แข็งแกร่ง ขึ้นชื่อเรื่องอุปกรณ์ที่ทนทาน มาพร้อมบอดี้เป็นอลูมิเนียม มีหน้าจอขนาดใหญ่ 10.4 นิ้ว เหมาะสำหรับรับชมคอนเท้นต์ได้สบายตามากกว่าการมองบนมือถือหน้าจอขนาดเล็ก ช่วยถนอมสายตาเด็กๆ ที่เรียนออนไลน์ได้ดีกว่า
รวมถึงมีซอฟท์แวร์ที่โปร่งโล่งสบาย ใกล้เคียง stock Android มาก ทำให้อุปกรณ์สามารถทำงานได้อย่างลื่นไหล ไม่รกจาก UI ที่มาครอบไว้เหมือนแบรนด์อื่นๆ
นอกจากนี้ยังเป็นแท็บเล็ตที่ให้ช่องหูฟัง 3.5 มม.มาให้ และมี FM Radio ด้วยเผื่อเอาไว้เสียบหูฟังฟังวิทยุได้ แต่ไม่แถมหูฟังมาให้นะ น่าเสียดายนิดหน่อย รวมถึงสามารถใส่ซิมการ์ดได้ด้วย ในงบนี้ถือว่าดีทีเดียว
ส่วนจุดสังเกตของรุ่นนี้ก็อาจเป็นการมาพร้อมชิปเซ็ตที่เบาไปนิด หากคุณกำลังมองหาแท็บเล็ตสำหรับเล่นเกมกราฟฟิกหนัก แท็บเล็ตรุ่นนี้อาจไม่ตอบโจทย์เกมเมอร์เท่าไหร่ แต่ก็พอเล่นได้นะ หากปรับลดกราฟฟิกลงมาบ้าง
รวมๆ ก็ประมาณนี้ครับ โดย Nokia T20 เปิดตัวที่ราคา 8,590 บาท เหมาะสำหรับคนที่หาอุปกรณ์หน้าจอขนาดใหญ่เอาไว้ทำงาน หรือให้เด็กๆ ใช้เรียนออนไลน์ ในงบประหยัด และใส่ซิมการ์ดได้ หรือจะเอาไว้รับชมความบันเทิงก็น่าสนใจครับ สำหรับการรีวิววันนี้ก็ต้องขอจบเพียงเท่านี้ จนกว่าจะพบกันใหม่ สวัสดีครับ 😀