HMD Global ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือภายใต้แบรนด์ Nokia เปิดตัว Nokia 1.4 สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่เจาะกลุ่มคลาดเริ่มต้น เน้นจุดเด่นจอใหญ่ แบตอึด สามารถใช้งานได้นาน รองรับแอปขั้นพื้นฐานทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นแอพเป๋าตัง ไทยชนะ หรือแอปธนาคารต่างๆ และทนทานต่อการใช้งานตามแบบฉบับของแบรนด์ Nokia ในราคาย่อมเยาไม่ถึง 3 พันบาท
นอกจากนี้ยังใช้ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon ที่รวดเร็วทันใจ สะดวกทุกการใช้งานพร้อมระบบปฎิบัติการ Android เวอร์ชั่นล่าสุด และการันตีอัปเกรด และอัปเดทความปลอดภัยทุกเดือนนาน 3 ปี ทำให้โทรศัพท์ ลื่น และ ปลอดภัยอยู่เสมอ อยากรู้แล้วใช่ไหมว่า Nokia 1.4 จะเป็นไปตามสเปกที่ว่านี้ไหม ไปชมรีวิวกันเลยครับ
สเปคเบื้องต้น Nokia 1.4
ขนาด | 166.42 × 76.72 × 8.7 มม. |
น้ำหนัก | 178 กรัม |
หน้าจอ | หน้าจอแสดงผล V-Notch แบบ IPS LCD ความละเอียด HD+ 720 x 1600 พิกเซล ขนาด 6.517 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 |
หน่วยประมวลผล | Quad Core ความเร็ว 1.3GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Qualcomm QM215 Snapdragon 215 (28 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 308 |
RAM | 2GB |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 32GB |
microSD Card | สูงสุด 128GB |
กล้องถ่ายภาพ | กล้องหลัง 2 ตัว Dual Camera พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย – กล้องหลักความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ Auto Focus – กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล กล้องหน้า In Display Selfie ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล |
ระบบปฏิบัติการ | Android 10 (Go Edition) |
เชื่อมต่อ | Wi-Fi 802.11 b/g/n, hotspot, Bluetooth 4.2, ช่องหูฟัง 3.5 มม., พอร์ต microUSB 2.0 |
รองรับระบบ | GSM: 850, 900, 1800, 1900 WCDMA: 1, 5, 8 LTE: 1, 3, 5, 7, 8, 20, 28, 38, 40 |
แบตเตอรี่ | 4000 mAh รองรับระบบการชาร์จ 5V/1A |
ราคา และสี | 2,690 บาท โดยมีให้เลือก 2 สีคิอ สีน้ำเงิน Fjord และสีเทาดำ Charcoal |
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- ตัวเครื่อง Nokia 1.4 พร้อมติดฟิลม์กันรอย
- อะแดปเตอร์
- สายเคเบิลแบบ microUSB
- เข้มจิ้มซิมการ์ด
- ชุดหูฟังขนาด 3.5 ม.ม.
- เคสพลาสติก
- คู่มือการใช้งาน และใบรับประกัน
รูปลักษณ์ดีไซน์
ตัวเครื่อง Nokia 1.4 มาในดีไซน์เรียบง่าย ด้วยการชูเอกลักษณ์การออกแบบที่เน้นไปที่ความทนทานต่อการใช้งาน ไปพร้อมกับความสวยงาม และคุ้มค่าตามสไตล์ของ Nokia แบรนด์จากยุโรป แบรนด์เดียวในตลาด ที่สะท้อนออกมาผ่านการดีไซน์ ความประณีตในการผลิต ซึ่งรวมเป็นความใส่ใจที่มีให้ผู้บริโภค
โดยฝาหลังของตัวเครื่องใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบนาโน 3D ทำให้เกิดลวดลายพื้นผิวแบบนอร์ดิก (Nordic Design) ช่วยให้ถือจับถนัดมือไม่ลื่นหล่นง่าย และมีให้เลือก 2 สีคือ สีน้ำเงิน Fjord และสีเทาดำ Charcoal ซึ่งสีที่ทางทีมงาน MobileOcta ได้มารีวิวคือ สีเทาดำ Charcoal
หน้าจอแสดงผล V-Notch แบบ IPS LCD ความละเอียด HD+ 720 x 1600 พิกเซล ขนาด 6.517 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 เต็มตากับทุกความบันเทิงไม่ว่าจะดูคนเดียวหรือแบ่งปันกับครอบครัว และติดตั้งกล้องเซลฟี่ความละเอียด 5 ล้านพิกเซลอยู่ตรงกลางด้านบน
พลิกมาด้านหลังเครื่อง ตรงกลางด้านบนติดตั้งกล้องเลนส์คู่ Dual Camera พร้อมไฟแฟลช LED อยู่ในโมดูลทรงกลม ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ Auto Focus
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
ถัดลงมาตรงกลางมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และมุมซ้ายด้านล่างมีช่องลำโพงเสียง
ด้านซ้ายข้างเครื่องมีช่องสำหรับใส่ SIM Card แบบ Triple Slot Tray แบ่งเป็นช่องใส่ SIM Card แบบ nanoSIM Card 2 ช่อง และช่องใส่การ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD Card 1 ช่อง กับปุ่มลัดใช้งานฟีเจอร์ Google Assistant
ด้านขวาข้างเครื่องมีปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง กับปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดเครื่อง
ด้านบนเครื่องมีช่องหูฟังขนาด 3.5 มม.
ด้านท้ายเครื่องมีช่องไมโครโฟน กับพอร์ต microUSB 2.0
คุณสมบัติการใช้งาน
Nokia 1.4 ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 10 (Go Edition) ที่มีประสิทธิภาพการใช้งานที่ลื่นไหลและเร็วขึ้น ทั้งเปิดใช้งานแอปได้เร็วขึ้นกว่า Android 9 (Go Edition) ถึง 10% ประหยัดพื้นที่การใช้งานของหน่วยความจำ และปลอดภัยขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งการันตีอัปเกรดแอดรอยด์ 2 เวอร์ชั่น และอัปเดตซีเคียวริตี้รายเดือนนาน 3 ปี
โดยมาพร้อมแอปตระกูล Go ซึ่งมีขนาดเบา เพื่อการใช้งานได้ลื่นไหล โดยถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานกับสมาร์ตโฟน Android Go Edition ได้แก่ Google Go มาพร้อมฟีเจอร์ Read-Out-Loud ให้สามารถอ่านประโยคยาวๆ ได้สมูทและน่าฟังมากขึ้น ให้รู้สึกถึงความสะดวกสบายในการใช้เว็บในชีวิตประจำวัน
ฟีเจอร์ Google Lens ส่องกล้องตรวจจับคำพูด ให้สามารถอ่านป้ายหรือข้อความต่างๆ ที่อ่านลำบากให้เราฟังได้ และสามารถแปลข้อความเมื่อจิ้มไปที่คำนั้นๆ ได้ด้วย
Gallery Go แอปแกลอรี่รูปภาพจาก Google Photo ที่มีขนาดเล็กเพียง 10 MB แอปนี้สามารถจัดเก็บรูปภาพต่างๆ ที่เราถ่ายให้แบบอัตโนมัติ ใช้งานออฟไลน์ได้ และช่วยให้ค้นหารูปภาพได้ง่ายขึ้น
มาพร้อมโหมดมืด หรือ Dark Theme สำหรับปรับ UI เป็นโทนสีดำ ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดแบตเตอรี่มากยิ่งขึ้นแล้ว ยังช่วยให้ดูสบายตามากขึ้นด้วย รวมถึงสามารถปรับสมดุลแสงสีขาวช่วยให้ใช้งานในเวลากลางคืนได้ดีขึ้น
รองรับการใช้งาน 2 ซิม พร้อมรองรับเครือข่าย 4G LTE with VoLTE และรองรับการใช้ 4G/3G ทั้ง 2 ซิม
รองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า Face Unlock เพียงลงทะเบียนด้วยใบหน้า ซึ่งจะใช้ได้เพียงหน้าเดียวเท่านั้น จากนั้นเมื่อหน้าจอติดมองไปยังบนหน้าจอก็สามารถปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ใบหน้าเพื่อเข้าสู่แอปที่ป้องกันไว้ หรือในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยได้
รวมทั้งรองรับการปลดล็อคด้วยการสแกนลายนิ้วมือ โดยตำแหน่งของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือจะอยู่ที่ด้านหลังเครื่อง โดยนอกจากปลดล็อคหน้าจอแล้วยังสามารถตั้งค่าปลดล็อคแอป และที่เก็บข้อมูลส่วนตัวได้
รองรับแอปพลิเคชั่นขั้นพื้นฐานทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นไทยชนะ หรือแอปธนาคารต่างๆ ให้คุณไม่พลาด ทุกการเชื่อมต่อ และรวดเร็วทันใจ
ดู YouTube ได้แบบเต็มจอ
ประสิทธิภาพ
Nokia 1.4 ใช้ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 215 บนสถาปัตยกรรมการผลิตระดับ 28nm แบบ 4-แกน (Quad-Core) ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 1.3GHz พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 308 โดยใช้หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 2GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 32GB แบบ UFS 2.1 เพิ่มได้ด้วย microSD Card สูงสุด 128GB
ผลทดสอบประสิทธิภาพ Nokia 1.4 บนแอป AnTuTu
ผลทดสอบประสิทธิภาพ Nokia 1.4 บนแอป GeekBench
ทดสอบการเล่นเกม
ในด้านประสิทธิภาพต้องบอกว่าตัวชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 215 ได้หน่วยประมวลผลกราฟิกเป็น Adreno 308 ตัวเดียวกันกับ Snapdragon 425 ซึ่งช่วยให้การเล่นเกมดีขึ้นราว 28% บวกกับระบบปฎิบัติการ Android 10 (Go Edition) ที่ลื่นไหล ทำให้เล่นเกมได้ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
ทดสอบกับเกม PUBG โดยสามารถปรับตั้งค่ากราฟิกที่ “ระดับดี” ส่วนเฟรมเรทตั้งไว้ที่ระดับกลาง ซึ่งในภาพรวมถือว่าทำผลงานได้น่าประทับใจ เพราะแทบไม่พบอาการแลคให้หงุดหงิดใจ
ขณะที่ ROV เกมแนว MOBA สุดฮิตของบ้านเรา โดย Nokia 1.4 สามารถเล่นบนเฟรมเรทสูงได้ แต่อาจจะได้ได้ลื่นมากนัก โดยการเล่นบนเฟรมเรทสูงจะมีอาการสวิงขึ้นลงบ้าง แต่ถ้าเลือกตั้งค่าเกมให้เป็นค่าเริ่มต้น ก็จะสามารถตีป้อมได้ค่อนข้างลื่นเลยทีเดียว