เปิดตัวอย่างเป็นทางการในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ Mi 11 สมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดที่มาพร้อมสเปกจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นขุมพลังชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 888 ใหม่ล่าสุด พร้อมกล้องหลัง 3 ตัวความละเอียด 108 ล้านพิกเซล ระบบบันทึกเสียงแบบภาพยนตร์ และระบบเสียงอันทรงพลังจาก Harman Kardon และรองรับการชาร์จไร้สายสูงสุด 50W ในดีไซน์พรีเมียม ให้ Mi 11 เป็นเสมือนโรงถ่ายภาพยนตร์ในมือ ภายใต้แนวคิด Movie Magic
นอกจากนี้มาพร้อมหน้าจอ AMOLED DotDisplay 6.81 นิ้ว ความละเอียดสูงระดับ WQHD+ โดยมีอัตรารีเฟรชเรทสูงถึง 120Hz และครอบทับด้วยกระจก Corning® Gorilla® Glass Victus ที่มีความแข็งแกร่งทนทาน รวมถึงยังรองรับ 5G พร้อมใช้งานในบ้านเราได้ทันที และยังรองรับการใช้งาน WiFi 6 เพื่อการเชื่อมต่อที่รวดเร็วอีกด้วย อยากรู้กันแล้วใช่ไหมว่าสเปกที่กล่าวมาทั้งหมดใน Mi 11 นี้ เมื่อลองใข้งานจริงแล้วเป็นอย่างไร ไปดูรีวิวกันเลยครับ
สเปกเบื้องต้น Mi 11
ขนาด | 164.3 x 74.6 x 8.1 มม. |
น้ำหนัก | 196 กรัม |
หน้าจอ | AMOLED DotDisplay ความละเอียด WQHD+ 1440 x 3200 พิกเซล (515 ppi) ขนาด 6.67 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz และอัตราสุ่มแบบสัมผัส 480Hz, รองรับ HDR10+, การแสดงผลสีแบบ 10-bit, ความสว่าง HBM 900 nits (typ) ความสว่างสูงสุด 1,500 nits (typ) และครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning® Gorilla® Glass Victus™ |
หน่วยประมวลผล | ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.84GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Qualcomm SM8350 Snapdragon 888 (5 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 660 |
RAM | 8GB แบบ LPDDR5 |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 128GB/256GB แบบ UFS 3.1 |
microSD Card | ไม่รองรับ |
ระบบปฏิบัติการ | MIUI 12 based on Android 11 |
เชื่อมต่อ | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot Bluetooth 5.2, A2DP, LE, aptX HD, aptX Adaptive NFC Infrared port GPS dual-band A-GPS, GLONASS, BDS, GALILEO, QZSS USB Type-C 2.0, USB On-The-Go |
กล้องถ่ายภาพ | กล้องหลัง 3 เลนส์ AI Triple Camera พร้อมไฟแฟลช LED – กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL Bright HMX รูรับแสง f/1.85, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.33”, ขนาดพิกเซล 0.8μm, เทคโนโลยีซุปเปอร์พิกเซล 4-in-1 ถึง 1.6μmm และระบบกันสั่น OIS – กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/3.06”, ขนาดพิกเซล 1,12μm, ถ่ายมุมกว้างได้ 123 องศา – กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.50”, ขนาดพิกเซล 1.12μm, ถ่ายระยะใกล้สุด 3-10 ซม กล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล Ultra-clear เซ็นเซอร์ Samsung’s ISOCELL Slim S5K3T2 รูรับแสง f/2.2, ขนาดพิกเซล 0.8μm, ซุปเปอร์พิกเซล 4-in-1 ถึง 1.6μm |
รองรับระบบ | รองรับ 5G / 4G / 3G/ 2G 5G: n1, n3, n5, n7, n8, n20, n28, n38, n41, n77, n78, n79 4G: FDD-LTE Band 1, 2, 3, 4, 5, 7, 8, 12, 17, 20, 28, 32, 66 TDD-LTE Band 38, 40, 41, 42 3G: WCDMA Band 1,2,4,5,8 2G: GSM 850 900 1800 1900 MHz รองรับ 4×4 MIMO |
แบตเตอรี่ | แบตเตอรี่ 4600mAh (typ) รองรับชาร์จเทอร์โบด้วยสาย 55W/ ชาร์จเทอร์โบไร้สาย 50W/ ชาร์จไร้สายย้อนกลับ 10W |
สี | มีให้เลือก 2 สี Midnight Gray และ Horizon Blue |
ราคา | RAM 8+128GB ราคา 21,990 บาท / RAM 8+256GB ราคา 23,990 บาท |
บรรจุภัณฑ์ / อุปกรณ์ภายในกล่อง
กล่องบรรจุภัณฑ์ของ Mi 11 เป็นกล่องกระดาษแข็งสีขาว ด้านหน้ามีตัวเลข 11 สีทองซึ่งเป็นชื่อรุ่นขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง มุมซ้ายด้านบนระบุความละเอียดกล้อง 108 ล้านพิกเซล ด้านขวาเป็นโลโก้ Xiaomi และตรงกลางด้านล่างข้อความที่ระบุว่ารองรับ 5G พร้อมระบบเสียงจาก Harman Kardon
ส่วนอุปกรณ์ภายในกล่องมีดังนี้
- ตัวเครื่อง Mi 11
- อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 55W GaN
- สายดาต้าลิงค์แบบ USB Type-C
- อุปกรณ์เปิดถาดซิมการ์ด
- คู่มือการใช้
- ใบรับประกัน
- เคสป้องกันแบคทีเรียซิลเวอร์ไอออน
- ฟิล์มกันรอยหน้าจอป้องกันแบคทีเรีย
อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 55W GaN
รูปลักษณ์ดีไซน์ / การออกแบบ
ตัวเครื่อง Xiaomi Mi 11 ใช้วัสดุที่ทำจากโลหะ ด้านหน้าครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Victus ที่แข็งแกร่ง ทนทานต่อรอยขีดข่วนส่วนด้านหลังครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5 สวยหรู บวกกับงานประกอบที่มีความแข็งแรงทนทาน ด้วยขนาด 164.3 x 74.6 x 8.1 มม. และน้ำหนัก 196 กรัม ถือว่าบาง เบา และด้วยดีไซน์ขอบโค้งก็ช่วยให้ถือจับได้ถนัดมือ
หน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED DotDisplay ความละเอียด WQHD+ 1440 x 3200 พิกเซล ขนาด 6.67 นิ้ว โดยมีอัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz พร้อมอัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 480Hz, ความคมชัดของสี 10-bit, รองรับคอนเทนด์ HDR10+
มุมซ้ายด้านบนเจาะรูฝังกล้องเซลฟี่ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล
ด้านหลังดีไซน์สวยงามด้วยสีแบบด้าน แต่ให้ความเงาแบบดูพรีเมี่ยม โดยมุมซ้ายด้านบนติดตั้งกล้อง 3 ตัวพร้อมไฟแฟลช LCD อยู่ในโมดูลสี่เหลี่ยมที่ยื่นนูนขึ้นมา และมีข้อความ 108MP OIS ASPH. คั่นกลางระหว่างกล้องตัวที่ 3 กับไฟแฟลช LED ถัดลงมามุมซ้ายด้านล่างมีโลโก้ Xiaomi 5G
ส่วนกล้อง 3 ตัวประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL Bright HMX รูรับแสง f/1.85, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.33”, ขนาดพิกเซล 0.8μm, เทคโนโลยีซุปเปอร์พิกเซล 4-in-1 ถึง 1.6μmm และระบบกันสั่น OIS
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/3.06”, ขนาดพิกเซล 1,12μm, ถ่ายมุมกว้างได้ 123 องศา
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.50”, ขนาดพิกเซล 1.12μm, ถ่ายระยะใกล้สุด 3-10 ซม.
ด้านซ้ายข้างเครื่องดีไซน์เรียบๆ ไม่มีปุ่มกดใดๆ
ด้านขวาข้างเครื่องมีปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง กับปุ่มเปิดปิดเครื่อง
ด้านบนมีช่องไมโครโฟนตัดเสียง, พอร์ตอินฟราเรด และช่องลำโพงเสียง พร้อมข้อความ Sound By harman/kardon
ด้านท้ายเครื่องมีช่องใส่ SIM Card ซึ่งรองรับ 2 SIM แบบ nanoSIM Card 2 ช่อง, พอร์ต USB Type-C, ช่องไมโครโฟนสำหรับสนทนา และช่องลำโพงเสียง
คุณสมบัติการใช้งาน
Mi 11 รันบนระบบปฎิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 12 แต่จะรองรับการอัปเดตเป็น MIUI 12,5 เร็วๅ นี้ โดยเมื่อได้รับการอัปเดตแล้วจะมีการปรับปรุงระบบ UI ใหม่ ทำให้อัตราการใช้ CPU ลดลงถึง 22% และลดอัตราการใช้พลังงานลงได้ถึง 15% ไม่เพียงแค่นั้นประสิทธิภาพในการทำงานและการประมวลผลกราฟิกยังลื่นไหลกว่าเดิมอีกด้วย
หน้าจอหลักมีดีไซน์เรียบง่าย โดยมีไอคอนแอปพลิเคชันแบบสี่เหลี่ยมขอบมน สามารถปรับแต่งธีม และภาพพื้นหลังได้เอง โดยมีทั้งซื้อ และแบบฟรี และมาพร้อมแอปพลิเคชันของ Google ครบครัน
มาพร้อมโหมดกลางคืน ซึ่งจะเปลี่ยนธีมเป็นสีดำเพื่อความสะดวกในการใช้งานตอนกลางคืน หรือที่แสงน้อยโดยไม่ปวดตา และสามารถตั้งเวลาเปิด/ปิดอัตโนมัติได้ด้วย ทั้งนี้ Mi 11 ใช้หน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ทำให้การเปิดใข้งานโหมดกลางคืน จะช่วยประหยัดการใข้งานพลังงานอีกทาง
Mi 11 สามารถเลือกความละเอียดของหน้าจอได้ 2 ระดับได้แก่ FHD+ และ WQHD+ รวมถึงสามารถเปิดใช้อัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz บนความละเอียดระดับ WQHD+ ได้ แต่ถ้าเปิดใช้โหมดนี้แบตเตอรี่ก็จะหมดเร็วขึ้น และยังมีโหมดป้องกันภาพสั่นไหว สำหรับใช้งานในตอนกลางคืน ที่บางช่วงเวลาภาพหน้าจะดูเพี้ยนๆ และมีการกระพริบในบางมุมมอง ส่งผลให้ปวดตาได้
รองรับการใช้งาน 2 ซิม พร้อมรองรับเครือข่าย 4G/5G แบบ Dual Mode (SA และ NSA) รองรับการใช้ 4G ทั้ง 2 ซิม และรองรับ 5G แบบ Dual SIM ทำให้ Nano SIM ที่ใส่ใช้งานจะใช้งานสัญญาณ 5G ได้ทั้งคู่
โดยแบนด์เครือข่ายที่รองรับมีดังนี้
- 5G: n1, n3, n5, n7, n8, n20, n28, n38, n41, n77, n78, n79
- 4G: FDD-LTE Band 1, 2, 3, 4, 5, 7, 8, 12, 17, 20, 28, 32, 66
- 4G: TDD-LTE Band 38, 40, 41, 42
- 3G: WCDMA Band 1,2,4,5,82G: GSM 850 900 1800 1900 MHz
- รองรับ 4×4 MIMO
รองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า Face Unlock เพียงลงทะเบียนด้วยใบหน้า ซึ่งจะใช้ได้เพียงหน้าเดียวเท่านั้น จากนั้นเมื่อหน้าจอติดมองไปยังบนหน้าจอก็สามารถปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ใบหน้าเพื่อเข้าสู่แอปที่ป้องกันไว้ หรือในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยได้
ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ สามารถสแกนได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ โดยจดจำลายนิ้วมือได้สูงสุดถึง 5 ลายนิ้วมือ
มาพร้อมลำโพงเสียงแบบคู่ที่ได้รับการปรับแต่งเสียงจาก Harman Kardon ทำให้เพลิดเพลินกับหนัง หรือเกมได้มากกว่าลำโพงสเตอริโอแบบปกติ
ประสิทธิภาพ
ทดสอบการเล่นเกม
ในด้านประสิทธิภาพต้องบอกว่าตัวชิปเซ็ต Snapdragon 888 นั้นทำผลงานได้น่าประทับใจ โดยผลคะแนนต่าง ๆ ที่ออกมา ถือว่าเป็นไปตามความคาดหมาย บวกกับหน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa-Core)ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 2.84 GHz จับคู่กับ RAM 8GB แบบ LPDDR5 และมาพร้อมจอที่มีอัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz ทำให้การใช้งานทั่วไปมีความลื่นไหล และเล่นเกมได้ดีเลยทีเดียว
ทดสอบเกมแรกกับ Call of duty ที่ได้ใช้ประสิทธิภาพของจอรีเฟรชเรท 120Hz อย่างเต็มที่ โดยเลือกคุณภาพกราฟิกระดับ Very High แลเฟรมเรทระดับ Very High ด้วยความลื่นของจอทำให้สามารถบังคับได้อย่างแม่นยำทั้งทิศทางการเดิน และการเล็งเป้าหมายไปที่ศัตรู โดยรวมแล้วเล่นได้อย่างลื่นไหล ไม่มีการกระตุกเลย
ต่อด้วย ROV เกมแนว MOBA สุดฮิตของบ้านเรา โดย Mi 11 สามารถเล่นบนเฟรมเรทสูงได้อย่างสบาย การโหลดเข้าเกมทำได้อย่างรวดเร็ว ความแม่นยำในระบบสัมผัสก็ทำได้ดี บวกกับจอขนาดใหญ่ 6.67 นิ้ว ทำให้เล่นเกมได้เต็มตาสนุกกว่าจอเล็กเลยทีเดียวรวมแล้วเล่นได้อย่างลื่นไหล ไม่มีการกระตุกเลย
ปิดท้ายด้วยเกม PUBG ตั้งค่ากราฟิกที่ “๊HDR HD” ส่วนเฟรมเรทตั้งไว้ที่ระดับสูงสุด ด้วยอัตราสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัสที่สูงถึง 480Hz สำหรับเกมแนว FPS ที่ต้องเคลื่อนที่ และเล็งเป้าอยู่ตลอดเวลาก็ทำได้อย่างแม่นยำ ไม่มีอาการหลอน ตัวเครื่องมีการสะสมความร้อนอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงขั้นรบกวนการเล่น
โดยรวมถือว่า Mi 11 เป็นสมาร์ทโฟนที่เล่นเกมได้อย่างดีเยี่ยม สามารถปรับกราฟิกสูงสุดได้ทุกเกม และเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่รันเกมได้ดีที่สุด ณ เวลานี้ จากพลังของชิปเซ็ต Snapdragon 888 รุ่นใหม่ครับ
นอกจากนี้ยังมาพร้อม Game Turbo ที่จัดการเครื่องให้ลื่นไหล รีดประสิทธิภาพให้เต็มสูบก่อนเข้าเกม โดยมีฟีเจอร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นปรับสภาวะเครื่องให้เหมาะต่อการเล่นเกมมากที่สุด เพิ่มความไวในการตอบสนอง ปรับภาพ ปรับเสียง ปิดแจ้งเตือน เป็นต้น
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ Mi 11 ผ่านแอป Antutu
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ Mi 11 ผ่านแอป GeekBench
แบตเตอรี่
Mi 11 ใช้แบตเตอรี่ขนาดความจุ 4,600 mAh รองรับการชาร์จเร็วสูงแบบ 55W Wired Turbo Charging ตามสเปกระบุว่าสามารถชาร์จเต็ม 100% ภายใน 45 นาที พร้อมรองรับการชาร์จเร็วแบบไร้สาย 50W Wireless Turbo Charging และเทคโนโลยีขาร์จแบบย้อนกลับ 10W Reverse Wireless Charging รวมทั้งมีโหมดประหยัดพลังงานที่ช่วยยืดอายุการใช้งาน พร้อมระบบการป้องกันการใช้พลังงานอัจฉริยะ
ด้วยชิปเซ็ท Snapdragon 888 บวกกับ MIUI 12 ที่สามารถจัดสรรการใช้พลังงานได้เป็นอย่างดี เท่าที่ลองทดสอบใช้งานทั่วไป เล่นเกม ดูหนัง และฟังเพลง ก็สามารถใช้งานได้นานตลอดทั้งวัน