คลังเก็บ

รีวิว Infinix Zero 30 5G สมาร์ตโฟนสเปกดี ดีไซน์สวยจอโค้ง 144Hz กล้องชัด ถ่าย 4K จัดเต็มทั้งกล้องหน้าและหลัง และเล่นเกมแรง ในราคาสุดคุ้ม

ตลาดสมาร์ตโฟนระดับกลางเดือดแน่นอนครับ จากการมาของ Infinix Zero 30 5G ด้วยราคาค่าตัวระดับหมื่นนิดๆ แต่มอบความคุ้มค่าทั้งด้านดีไซน์การออกแบบที่พรีเมี่ยม สเปกที่เร็วแรง แถมกล้องก็ให้มาในระดับเกินค่าตัวไปมาก 

Infinix Zero 30 5G

เกริ่นคร่าวๆ กับสเปกของรุ่นนี้ก่อนครับ โดยจุดเด่นของรุ่นนี้คือมาพร้อมดีไซน์สวยหรูระดับเรือธง วัสดุงานประกอบที่พรีเมี่ยม มีหน้าจอโค้งๆ จอสวยแบบ AMOLED ความถี่สูงระดับ 144Hz สุดลื่นไหล มีชิปประมวลผล Dimensity 8020 เล่นลื่นทุกเกมในแอปสโตร์ รองรับ 5G ชาร์จไว 68W และได้กล้อง 108MP มี OIS เป็นต้น

ซึ่งวันนี้ทีมงาน MobileOcta ก็มีโอกาสได้ทดสอบสมาร์ทโฟน Infinix Zero 30 5G รุ่นนี้แล้ว และจะมาเล่าประสบการณ์การใช้งานแบบเจาะลึกกันเช่นเคยว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะมีอะไรที่น่าสนใจหรือมีจุดสังเกตอย่างไรบ้าง ไปติดตามกันได้เลยครับ

สเปค Infinix Zero 30 5G

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้วแบบโค้ง 3D ความละเอียด Full HD+ (2400×1080 พิกเซล) พร้อมอัตรารีเฟรชเรท 144Hz
  • ขนาด 164.51 x 75.03 x 7.9 มม.
  • น้ำหนัก 185 กรัม
  • CPU MediaTek Dimensity 8020
  • RAM LPDDR4X 12GB พร้อมรองรับฟีเจอร์ Extended RAM เพิ่มเป็นสูงสุด 21GB
  • หน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.1 256GB
  • ใช้ระบบปฏิบัติการ XOS 13 บนพื้นฐาน Android 13
  • กล้องถ่ายภาพ
    • กล้องหลัง
      • กล้องหลัก 108 ล้านพิกเซล (f/1.65) รองรับระบบกันสั่นด้วยเลนส์ OIS (ISOCELL HM6)
      • กล้อง Ultrawide 13 ล้านพิกเซล
      • กล้อง Depth 2 ล้านพิกเซล
    • กล้องหน้า 50 ล้านพิกเซล (f/2.45) ISOCELL JN1
  • ระบบสแกนนิ้วบนหน้าจอ
  • รองรับ NFC
  • กันน้ำกันฝุ่นตามมาตราฐาน IP53
  • มาพร้อมลำโพงคู่สเตอริโอระบบ DTS Sound, Hi-Res
  • แบตเตอรี่ 5000mAh รองรับการชาร์จเร็ว 68W

แกะกล่อง Infinix Zero 30 5G

  • สมาร์ตโฟน Infinix Zero 30 5G
  • เคสใส
  • สายชาร์จ
  • หัวชาร์จเร็ว 68W
  • เข็มถอดซิมการ์ด
  • คู่มือและใบรับประกัน

ดีไซน์การออกแบบ

Infinix Zero 30 5G มาพร้อมการออกแบบสไตล์โมเดิร์นดูสวยหรูทันสมัยครับ โดยเฉพาะด้านข้างหน้าจอที่มีความโค้งแบบ 3D ให้ Look and Feel สไตล์มือถือเรือธงเลย โดยขอบด้านข้างหน้าจอบริเวณโค้งมีความบางเพียงประมาณ 2.8 มม.

กรอบโดยรวมรอบตัวเครื่องจะเน้นความโค้งมนอย่างลงตัว เมื่อจับถือให้ความเข้ากับสรีระเป็นอย่างดี วัสดุใช้เป็น Gorilla Glass 5 ช่วยกันรอยได้ดีระดับหนึ่ง นอกจากนี้บริเวณด้านหลังสีทอง Golden Hour รุ่นที่เรารีวิวนี้จะให้ผิวสัมผัสแบบด้าน ทำให้เกิดรอยเปื้อนได้ยาก และนอกจากนี้ยังมีตัวเลือกสี Rome Green และ Fantasy Purple ให้เลือกด้วยเช่นกัน

ด้านหลังยังมีเกาะกล้องขนาดใหญ่รูปทรงสี่เหลี่ยมครับ โดยภายในจะประกอบไปด้วยกล้อง 3 ตัวพร้อมไฟแฟลช โดยบริเวณรอบกล้องจะมีขอบสีทองดูพรีเมี่ยมสุดๆ และมีตัวอักษร OIS Ultra Clear Lens และถัดไปด้านล่างจะมีอักษร ZERO บ่งบอกซีรีย์ของรุ่นนี้

บริเวณกรอบด้านบนตรงนี้ก็ทำได้ค่อนข้างสวยครับ โดยจะมีการทำดีไซน์ด้านๆ คล้ายฝาหลังพร้อมตัวอักษร Powered by Infinix ดูแล้วก็พรีเมี่ยมดีครับ โดยด้านบนยังมีลำโพงและไมค์ตัวที่สองอีกด้วย

ปุ่มควบคุมหลักจะอยู่บริเวณกรอบด้านขวา ประกอบด้วยปุ่ม Power และปุ่มควบคุมเสียง

ส่วนด้านขวาจะไม่มีอะไรเลยครับ 

และด้านล่างจะมีถาดใส่ซิมการ์ด ไมค์สนทนาหลัก พอร์ต USB-C และลำโพง ซึ่งรุ่นนี้จะรองรับ 2 ซิมการ์ดและไม่สามารถใส่ microSD Card ได้

การสแกนนิ้วของรุ่นนี้จะใช้การสแกนบนหน้าจอ ที่ทำงานได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วตามมาตราฐานที่ดีครับ

โดยรวมด้านการออกแบบ Infinix Zero 30 5G ทำมาค่อนข้างสวยงามครับ โดยมีขนาดตัวเครื่อง 164.51 x 75.03 x 7.9 มม. และน้ำหนักเพียง 185 กรัม ทำให้รุ่นนี้เป็นอีกรุ่นที่มีขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย และค่อนข้างเบาสำหรับมือถือจอใหญ่ 6.78 นิ้ว และมีแบตเยอะถึง 5000mAh นอกจากนี้ยังกันน้ำกระเซ็นในระดับ IP53 ทำให้ไม่กลัวฝน หรือน้ำโดนเล็กๆ น้อยๆ ด้วยครับ 

ความใจดีของ Infinix ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ครับ เพราะในแพ็คเกจยังแถมเคสใสมาให้พร้อมใช้ ไม่ต้องจ่ายเพิ่มครับ โดยตัวเคสจะปกป้องในจุดสำคัญๆ ครบครับ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณมุมเพื่อกันกระแทก หรือจะเป็นเกาะกล้องที่ยื่นออกมา เมื่อใส่เคสก็จะสามารถป้องกันเลนส์กล้องได้ครับ

ประสิทธิภาพและการใช้งาน

จุดเด่นที่สำคัญอีกอย่างของ Infinix Zero 30 5G คือด้านหน้าจอที่ค่อนข้างสวยมากครับ โดยมีหน้าจอขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ ที่คมชัด มีสัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องที่ 92.7% ให้ความสว่างสูงสุด 950nits ที่สู้แสงได้ดี มีความไวสัมผัส 360Hz และอัตรารีเฟรช 144Hz ที่ลื่นไหลมากครับ แถมมี Always-on Display ด้วย

ด้านการแสดงผลถือว่าทำได้ค่อนข้างดีมากครับ โดยหน้าจอ OLED รุ่นนี้ให้สีสันค่อนข้างสวยสมจริง และอัตรารีเฟรชจะสามารถปรับได้ 4 แบบ คือ 144Hz สูงสุด, 120Hz, 60Hz และ Auto-Switch หรือการปรับอัตโนมัติตามคอนเท้นต์ที่แสดงผลอยู่ ชอบแบบไหนก็สามารถปรับได้ตามใจชอบ ซึ่งอย่าลืมว่าอัตรารีเฟรชยิ่งสูงก็ยิ่งใช้พลังงานมากนะครับ ถ้าอยากประหยัดพลังงานอาจใช้แค่ 60Hz ก็ถือว่าสวยใช้ได้แล้วครับ 

ด้านการใช้พลังงาน Infinix Zero 30 5G มาพร้อมแบต 5000mAh เยอะในระดับมาตราฐานที่ดีของมือถือปี 2023 โดยการใช้งานทั่วไปข้ามวันได้สบายครับ หรือเล่นเยอะหน่อยพักบ้างเป็นช่วงๆ ก็เช้ายันเย็นพอไหว

และด้านความเร็วการชาร์จตรงนี้ก็ทำได้ดีครับ โดยรองรับการชาร์จเร็ว 68W ซึ่งแถมที่ชาร์จมาให้ด้วย ใจดีไม่เหมือนค่ายใหญ่ๆ เลย โดยการชาร์จ 15 นาทีจาก 0% จะได้แบตประมาณ 45% ส่วนการชาร์จ 0-100% จะใช้เวลาเพียง 51 นาที ไม่ถึง ชม. ตรงนี้ก็ถือว่าดีมากสำหรับมือถือราคานี้ครับ 

สำหรับระบบเสียงของ Infinix Zero 30 5G รุ่นนี้จะมาพร้อมลำโพงคู่ Stereo วางอยู่ในตำแหน่งด้านบนและล่างของอุปกรณ์ ตรงนี้ก็ถือว่าให้มาดีครับสำหรับมือถือราคาระดับนี้ไม่ได้เห็นกันบ่อยๆ ด้านความดังถือว่าให้เสียงที่ดังดีมากครับ โดยลำโพงยังรองรับระบบเสียง DTS Sound ที่ให้เสียงที่ดี และมี EQ สำหรับปรับเสียงได้อีกด้วย 

ซอฟทแวร์ของรุ่นนี้ใช้เป็น XOS 13 ของ Infinix ที่ทำงานบนพื้นฐาน Android 13 ครับ หน้าตาของ UI ก็ทำได้ค่อนข้างสะอาดตาดี สามารถปรับแต่ง Theme และ Wallpaper ได้มากมาย และสมาร์ทโฟนยังรองรับ Multi-Window หรือการแบ่งหน้าจอเพื่อแสดงผลหลายแอปได้ 

ด้านประสิทธิภาพการใช้งานของ Infinix Zero 30 5G มาพร้อมกับชิปประมวลผล Dimensity 8020 ของ MediaTek ซึ่งเป็นชิปที่เปิดตัวในปี 2023 ซึ่งพัฒนาโดย TSMC แบบ 6nm N6 และเป็นรุ่นอัพเกรดของ Dimensity 1100 ชิประดับอดีตเรือธงนั่นเอง ผสาน RAM สูงสุด 21GB (12GB+9GB) จากการทดสอบเล่นเกมอย่าง RoV ก็สามารถเปิดกราฟฟิกระดับสูง เล่นลื่นๆ แบบ 60fps ไม่มีเฟรมเรทตกเลยครับ หรือจะเป็นเกมฟุตบอลอย่าง FC2024 (FIFA เดิม) ก็เล่นได้สบายไม่มีปัญหาใดๆ 

โดยชิป Dimensity 8020 ตัวนี้จะใช้ ARM Cortex-A78 สี่คอร์ที่ความเร็ว 2.6GHz และ Cortex-A55 ความเร็ว 2.0GHz อีกสี่คอร์ ทั้งหมดทำงานร่วมกับ GPU Mali-G77 MC9 มี RAM แบบ LPDDR4X 12GB และมี RAM เสมือนหรือ Extended RAM อีก 9GB รวมเป็น 21GB เน้นๆ ส่วนความจำภายในก็ให้เป็น UFS 3.1 ที่รวดเร็วที่ 256GB  

จากคะแนนการทดสอบ Benchmark ต่างๆ จะเห็นว่า Dimensity 8020 มีคะแนนอยู่เหนือ Snapdragon 778G+ ดังนั้นใครหามือถือเกมมิ่งราคาหมื่นต้นๆ รุ่นนี้จัดเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่แรงน่าใช้มากทีเดียว

ด้านการถ่ายภาพ

Infinix Zero 30 5G มาพร้อมกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัวด้วยกัน ประกอบด้วย กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล, กล้อง Ultrawide มุมกว้างพิเศษความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และกล้องเสริม Depth สำหรับสร้างมิติชัดตื้น 

สำหรับการถ่ายภาพด้วยกล้องหลักความละเอียด 108MP จะใช้เซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL HM6 ที่มีเซ็นเซอร์ขนาด 1/1.67 นิ้ว รองรับระบบโฟกัสภาพ PDAF และระบบกันสั่นด้วยเลนส์ Optical Image Stabilization หรือที่เรียกติดปากว่า OIS นั่นเองครับ ด้านคุณภาพของกล้องหลักตัวนี้ค่อนข้างทำได้ดีน่าประทับใจมากทีเดียวครับ กล้องสามารถจับภาพได้ไว ให้สีสันที่สวยสมจริง และเก็บรายละเอียดได้ค่อนข้างดี

ในขณะที่กล้องเสริมอย่างกล้อง Ultrawide 13MP ก็ทำหน้าที่ได้ดีไม่แพ้กันครับ โดยคุณภาพอาจจะเป็นรองกล้องหลักไปสักหน่อย แต่ก็ช่วยให้เราสามารถเก็บภาพมุมกว้างสำหรับสถานที่ท่องเที่ยว ร้านกาแฟ หรือคาเฟ่สวยๆ ได้มุมที่หลากหลายยิ่งขึ้น 

ส่วนกล้องหน้า 50MP ตัวนี้ก็คุณภาพไม่ธรรมดาครับ ตัวกล้องเก็บรายละเอียดได้ค่อนข้างดี ให้สีสันที่สวยงาม และที่สำคัญ ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง สามารถถ่ายวีดีโอ 4K@60fps ได้ทั้งคู่ ดังนั้นสายทำคอนเท้นต์ลงโซเชียลน่าจะถูกใจกันล่ะครับ ลองชมตัวอย่างภาพถ่ายได้ด้านล่างนี้เลยครับ

บทสรุป

Infinix Zero 30 5G เหมาะสมกับใคร? ดูแล้วสมาร์ตโฟนรุ่นนี้น่าจะเหมาะกับคนที่ต้องการความคุ้มค่าคุ้มราคา โดยที่อยากได้มือถือที่มีสเปก และฟีเจอร์ครบครันในราคาสบายกระเป๋า สามารถตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้ทั่วไปด้วยดีไซน์งานประกอบระดับพรีเมี่ยม มีหน้าจอที่สวยความถี่สูง แบตที่อึดและชาร์จได้ไว รวมถึงคนที่หามือถือแรงๆ ไว้เล่นเกม หรือจะเป็นด้านการถ่ายภาพถ่ายวีดีโอ สายคอนเท้นต์เป็นต้น กับราคาระดับหมื่นต้น ผู้รีวิวคิดว่ารุ่นนี้เป็นอีกรุ่นที่น่าจับตามองทีเดียวครับ 

ส่วนจุดสังเกตของ Infinix Zero 30 5G อาจเป็นตัว XOS 13 ที่ติดตั้งแอปมาให้เยอะพอสมควร, ไม่รองรับ MicroSD Card และไม่มีพอร์ต 3.5 มม. ครับ ใครที่ไม่ติด 3 ข้อนี้รุ่นนี้ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคามากจริงๆ ครับ (ซึ่งจริงๆ เพิ่มเมมไม่ได้ก็อาจไม่ใช่ปัญหาครับ เพราะในตัวให้มาแล้ว 256GB ก็ถือว่าเยอะพอสมควรแล้วนะ)

ทั้งนี้ Infinix ZERO 30 5G ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย มีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีเขียว (Rome Green) และสีทอง (Golden Hour) วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ในราคา 11,999 บาท โดยวางจำหน่ายแบบ Online ที่ร้าน Infinix Official Store บน Shopee, Lazada และ TikTok Shop  และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ