เปิดตัวและวางจำหน่ายในบ้านเราไปเมื่อช่วงปลายปี 2022 ที่ผ่านมา สำหรับ Infinix ZERO 20 สมาร์ตโฟนตระกูล ZERO Series ที่สายคอนเทนต์ และ Vlog ไม่ควรพลาด โดยมาพร้อมสโลแกน “Capture Your Own Story from ZERO 20 – เริ่มต้นทุกเรื่องราวด้วย ZERO 20”
โดดเด่นด้วยกล้องถ่ายภาพระดับมือโปรกับกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 60 ล้านพิกเซลรุ่นแรกของโลก และมีระบบกันสั่นแบบ OIS ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่และช่างภาพมืออาชีพ พร้อมกล้องหลังความละเอียด 108 ล้านพิกเซล เสริมทัพด้วยโปรเซสเซอร์ทรงพลังจาก MediaTek Helio G99
และทางทีม MobileOcta ก็ได้ Infinix ZERO 20 มาอยู่ในมือเป็นที่เรียบร้อย มาดูกันเลยว่าสมาร์ตโฟนรุ่นนี้จะถ่ายวิดีโอ และถ่ายภาพได้ดีแค่ไหน รวมถึงคุณสมบัติอื่นๆ จะมีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง ไปติดตามรีวิวกันได้เลยครับ
สเปคเบื้องต้น Infinix ZERO 20
ขนาด | 164.4 x 76.7 x 8 มม. |
น้ำหนัก | 196 กรัม |
หน้าจอ | Dot Drop Display แบบ AMOLED ความละเอียด FHD+ 2400 x 1080 พิกเซล (393 ppi) ขนาด 6.7 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 90Hz |
หน่วยประมวลผล | Octa Core ความเร็ว 2.2GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Mediatek MT8781 Helio G99 (6nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G57 MC2 |
RAM | 8GB (UP TO 13GB EXTENDED RAM) |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 128GB |
microSD Card | สูงสุด 512GB |
กล้องถ่ายภาพ | กล้องหลัง 3 ตัว AI Triple Camera พร้อมไฟแฟลช Quad LED ประกอบด้วย – กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล ระบบ AF – กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ระบบ FF – กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ระบบ FF กล้องหน้าเซลฟี่ ความละเอียด 60 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันสั่น OIS และไฟแฟลช Dual LED |
ระบบปฏิบัติการ | Android 12 ครอบทับด้วย XOS 12 |
เชื่อมต่อ | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Bluetooth 5.0, GPS with A-GPS, NFC, FM Radio, USB Type-C 2.0, USB On-The-Go |
รองรับระบบ | 2G: B2|3|5|8 3G: B1|2|4|5|8 4G: B1|2|3|4|5|7|8|20|28A|28B|38|40|41 NETWORK 4G/3G/2G |
แบตเตอรี่ | 4,500 mAh รองรับระบบชาร์จไว 45W Super Charge พร้อมเทคโนโลยี Power Marathon ที่ประหยัดพลังงาน |
สี | สีเทา (Space Grey) สีเขียว (Green Fantasy) และสีทอง (Glitter Gold) |
ราคา | ราคา 8,999 บาท |
อุปกรณ์ภายในกล่อง
กล่องแพ็คเกจจิ้งของ Infinix ZERO 20 เป็นกล่องกระดาษแข็งสีขาวขนาดยาว ด้านหน้ากล่องสลักชื่อรุ่นขนาดใหญ่ ถัดลงมาด้านล่างระบุหน่วยความจำขนาด 256GB พร้อม RAM 13GB (RAM 8GB+5GB EXTENDED RAM) และข้อความ 60MP OIS Industry Highest Pixel Front Camera
ส่วนด้านหลังกล่องระบุสเปกเด่นเช่น ความละเอียดกล้องหน้า, ชิปเซ็ท, ความละเอียดกล้องหลัง, ระบบการชาร์จ, หน้าจอแสดงผล เป็นต้น พร้อมข้อมูลผู้ผลิต และผู้นำเข้า
อุปกรณ์ภายในกล่องประกอบไปด้วย
1.ตัวเครื่อง Infinix ZERO 20
2.สาย USB Type-C + อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 45W
3.อุปกรณ์เปิดถาดซิมการ์ด
4.เคสพลาสติกใส
5.คู่มือการใช้งานฉบับย่อ + ใบรับประกันสินค้า
6,บัตรเชิญเข้าสู่ XCLUB ซึ่งเป็นคอมมูนิตี้ของผู้ใช้สมาร์ตโฟน Infinix
รูปลักษณ์ดีไซน์
ตัวเครื่อง Infinix ZERO 20 มาพร้อมการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ดีไซน์แบบขอบแบบ Metal-frame Tech ที่ดูแข็งแรง ทนทาน แต่มีน้ำหนักเบา เพื่อให้ผู้ใช้งานจับได้อย่างถนัดมือ และพกพาไปได้ทุกที่ ด้วยขนาด 164.43×76.66×7.98 มม. และน้ำหนัก 196 กรัม และมีให้เลือก 2 สีคือ สีเทา (Space Grey), สีเขียว (Green Fantasy) และสีทอง (Glitter Gold) ซึ่งสีที่ทางทีมงาน MobileOcta ได้มารีวิวคือ สีเขียว (Green Fantasy)
หน้าจอแสดงผล Dot Drop Display แบบ AMOLED ความละเอียด FHD+ 2400 x 1080 พิกเซล (393ppi) ขนาด 6.7 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 ตรงกลางด้านบนในรอยแหว่งติดตั้งกล้องเซลฟี่ความละเอียด 60 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันสั่น OIS รวมทั้งมีเซ็นเซอร์ต่าง ๆ อาทิ LIGHT SENSOR และ PROXIMITY SENSOR เป็นต้น และช่องลำโพงสนทนาอยู่ด้านบนสุดด้วย
พลิกมาด้านหลังเครื่องมุมซ้ายด้านบนมีโมดูลกล้องที่ดีไซน์แบบ Double-loop Camera ภายในติดตั้งกล้อง 3 ตัว พร้อมไฟแฟลช Quad LED
โดยกล้อง 3 ตัว ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล ระบบ AF
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ระบบ FF
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ระบบ FF
ด้านซ้ายข้างเครื่องมีช่องสำหรับใส่ SIM Card แบบ Triple Slot Tray แบ่งเป็นช่องใส่ SIM Card แบบ nanoSIM Card 2 ช่อง และช่องใส่การ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD Card 1 ช่องสูงสุด 512GB
ด้านขวาข้างเครื่องมีปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง กับปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดเครื่อง และติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังบนปุ่มนี้ด้วย
ด้านบนเครื่องมีช่องลำโพงเสียงอยู่ทางซ้าย และช่องไมโครโฟนอยู่ทางขวา
ด้านท้ายเครื่องมีช่องหูฟังขนาด 3.5 มม. ช่องไมโครโฟน, พอร์ต USB Type-C 2.0 สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือถ่ายโอนข้อมูล และช่องลำโพงเสียง
Performance ประสิทธิภาพการใช้งาน
ด้านการใช้งานและฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Infinix Zero 20 รุ่นนี้มีศูนย์กลางการประมวลผลด้วยชิปเซ็ตตัวแรง Helio G99 ชิปเซ็ตตระกูลเกมมิ่งของ MediaTek ที่พัฒนาบนสถาปัตยกรรม 6nm ทำงานร่วมกับ RAM 8GB ซึ่งรองรับฟีเจอร์ Virtual RAM โดยใช้หน่วยความจำภายในมาเป็น RAM เสมือนเพิ่มได้อีก 5GB รวมแล้วจะมี RAM ใช้งานได้ทั้งหมด 13GB เกือบเทียบเท่ากับเกมมิ่งโฟนรุ่นราคาหลายหมื่นเลยครับ
พร้อมกันนี้ยังมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในอีก 256GB ซึ่งถือว่าเยอะมากเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนในระดับราคาค่าตัวใกล้เคียงกัน แต่ถ้ายังไม่พอ รุ่นนี้ยังให้ช่องใส่การ์ดความจำเสริม microSD Card แยกให้โดยไม่ต้องเบียดเบียนช่องใส่ซิม 2 เหมือนมือถือบางรุ่น ทำให้ Infinix Zero 20 สามารถเก็บข้อมูลได้เยอะมาก ใครที่ถ่ายคลิปวีดีโอทำคอนเท้นส์บอกเลยว่าตอบโจทย์มาก หรือจะเก็บหนังเก็บซีรีย์ หรือเพลงต่างๆ ก็ใส่ได้เยอะสะใจแน่นอน
ส่วนทางด้านซอฟท์แวร์จะใช้เป็นระบบปฏิบัติการ Android 12 ทำงานร่วมกับ XOS 12 ที่โดยรวมถือว่ามี UX และ UI ที่ใช้งานง่าย สวยงามสบายตา มีแอปพลิเคชันติดตั้งมาล่วงหน้าไม่เยอะมาก ทำให้เครื่องค่อนข้างเบามากทีเดียว
จุดเด่นของรุ่นนี้นอกจากเรื่องกล้องถ่ายภาพ ซึ่งเราจะพูดถึงเป็นไฮไลท์ในหัวข้อถัดไปก็คือ ด้านประสิทธิภาพการประมวลผลครับ เพราะ Infinix Zero 20 จัดเป็นสมาร์ทโฟนราคาต่ำหมื่นที่จัดจ้านมากในด้านนี้ จากที่เราทดสอบเล่นเกมมหาชนอย่าง RoV ระบบสามารถรันเกมแบบกราฟฟิกระดับกลางได้เหลือๆ เลยครับ มีเฟรมเรทอยู่ที่ 59-60fps ไม่ตกจากนี้เลย รวมถึงเล่นนานก็ไม่ร้อนมากเท่าไหร่
โดยรวมถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีครับ และยิ่งมาพร้อมหน้าจอใหญ่ 6.7 นิ้วแบบ AMOLED ยิ่งทำให้การเล่นเกมมันส์ยิ่งขึ้น จับได้ถนัดมือมากขึ้น โดยเฉพาะเกม FPS อย่าง PUBG Mobile สามารถเล่นได้ลื่นมาก มองคู่แข่งชัดเจนดี แถมมีสีสันที่สวยงามสไตล์ AMOLED บอกเลยว่าถ้าหามือถือเล่นเกมงบไม่เกินหมื่น ห้ามมองข้ามตัวนี้เด็ดขาด
หรือจะเป็นด้านความบันเทิง มาพร้อมหน้าจอที่ทั้งใหญ่และสวยขนาดนี้ การดูหนังฟังเพลงรุ่นนี้ก็กินขาดครับ โดยเฉพาะใครที่ชอบดูซีรีย์บน Netflix รุ่นนี้สามารถสตรีมหนังดูแบบ HD ได้เลยครับ และยังมาพร้อมระบบเสียง Stereo ที่รองรับ DTS ทำให้เราสามารถเลือกโทนเสียงที่เหมาะสมกับการรับชมคอนเท้นต์ของเรา เช่น โหมดสมาร์ท, ฟังเพลง, ดูวีดีโอ หรือเล่นเกมเป็นต้น
และยังสามารถปรับแต่งเสียงแบบ Equalizer ได้ด้วยตนเองด้วยครับ สายหูทองหูเทพน่าจะถูกใจแน่นอน เสียงมีมิติซ้ายขวาชัดเจน ฟังสนุก พลังเสียงค่อนข้างดังดีมาก และมีน้ำหนักจัดว่าอยู่ในระดับที่ดีสำหรับลำโพงสมาร์ทโฟนครับ
ด้านแบตเตอรี่ที่ให้มาที่ 4500mAh อาจดูน้อยไปสักหน่อย แต่ที่มาทดแทนและดูจะคุ้มมากๆ ก็คือระบบชาร์จเร็ว 45W ครับ ที่มือถือราคาหมื่นกว่าบางรุ่นยังให้ได้ไม่เร็วเท่านี้เลยฮะ อย่างไรก็ตามการใช้งานแบตเท่านี้ถือว่าให้มาเพียงพอสำหรับใช้ใน 1 วันถ้าใช้งานทั่วไป จากที่ทดสอบผมใช้งานทั่วไปตั้งแต่เช้าแบบไม่ชาร์จเลยทั้งวัน ตกเย็นก็ยังเหลืออีกมากกว่า 20% และระบบชาร์จเร็วก็ชาร์จเพียงประมาณ 1 ชม. ก็เต็ม 0-100% แล้ว บอกเลยสบายฮะ เล่นเกมกันได้ยาวๆ แน่นอน
ชมผลการทดสอบ และซอฟท์แวร์ของ Infinix Zero 20 ด้านล่างนี้เลยครับ