ด้านการถ่ายภาพ
กล้องหลังสามตัว Ultra Night ความละเอียดสูงสุด 108MP
Infinix NOTE 12 Pro 5G ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว 108 MP Ultra Night Triple Camera พร้อมไฟแฟลช Dual LED ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8, 24mm (wide), 1/1.67 Super Large Image Sensor, 9-in-1 Super Pixel, 1.92 μm Large Pixel Size และระบบ PDAF
- กล้องตัวที่สองเลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- กล้องตัวที่สามเลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
สามารถเลือกโหมดการถ่ายทั้งแบบปกติ AI CAM, โหมดบิวตี้, รูปบุคคล, โหมดประสิทธิภาพในที่มืด, วิดีโอ และวิดีโอสั้น รวมทั้งตั้งค่าเลือกโหมดถ่ายภาพแบบเต็มจอ, 4:3 และ 1:1, เลือกเปิดปิดโหมด HDR, เปิดปิดไฟแฟลชอัตโนมัติ, เลือกฟิลเตอร์ และตั้งค่าอื่นๆ ได้ โดยภาพนิ่งสามารถถ่ายที่ได้ความละเอียดสูงสุด 12000×9000 พิกเซล (108MP) ส่วนวิดีโอสามารถบันทึกได้ที่ความละเอียดสูงสุด 2K 3968 x 2976 พิกเซล
การถ่ายภาพเต็มความละเอียด 108MP เรียกว่ามีความละเอียดมากๆ เพราะสามารถ Crop ภาพได้เยอะมากจนยังมองเห็นรายละเอียดของป้ายที่อยู่ไกล ๆ ได้ชัดเจน
Crop ภาพบริเวณป้ายโฆษณาสามารถเห็นตัวอักษรได้อย่างชัดแจ๋ว
ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง
กล้องหน้าความละเอียด 16MP
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลขคู่ Dual LED มาพร้อมโหมด AI CAM, โหมดบิวตี้ ที่เลือกการปรับความสวยได้ถึง 4 ระดับทั้งปรับผิวให้เรียบเนียน, ปรับสีผิว, ปรับใบหน้าให้เรียวบาง และขยายดวงตา รวมถึงมีโหมด Portrait ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ, โหมดประสิทธิภาพในที่มืด, โหมดวิดีโอ และโหมดวิดีโอสั้น และมีฟีเจอร์ HDR Auto ช่วยให้ภาพสวยสมจริ
ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า
ประสิทธิภาพ
Infinix NOTE 12 Pro 5G ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.4GHz โดยใช้ชิปเซ็ท MediaTek Dimensity 810 (6 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G57 MC2, RAM 8GB (UP TO 13GB EXTENDED RAM) และหน่วยความจำภายในเครื่องขนาด 128GB เพิ่มได้ด้วย microSD Card สูงสุด 1TB
โดยชิปเซ็ท Dimensity 810 ผลิตด้วยกระบวนการโหนดอุตสาหกรรมประสิทธิภาพสูง 6nm และยังมี Arm Cortex-A76 CPU ความเร็วสูงสุดถึง 2.4GHz รวมถึงคุณสมบัติของกล้องระดับพรีเมียมต่าง ๆ เช่น เทคโนโลยี AI-color สร้างสีสันน่าตื่นตาที่ได้ร่วมคิดค้นกับทางบริษัท Arcsoft และเทคโนโลยีลดนอยส์ขั้นสูงที่ใช้ถ่ายภาพในสภาวะแสงต่ำมาก
เท่าที่ได้ลองทดสอบโดยใช้งานปกติทั่วไปปรากฏว่า สามารถใช้งานได้ไหลลื่นไม่มีสะดุด และตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี
ส่วนการเล่นเกมได้ลองกับเกม ROV โดยเลือกโหมดเฟรมเรทสูง ปรากฎว่าสามารถเล่นได้ลื่น ไม่มีอาการหน่วง หรือกระตุกให้เห็น และเล่นนานๆ เครื่องก็ไม่มีอาการร้อนอีกด้วย
และเกม PUBG Mobile เลือกกราฟิกระดับ HD และตั้งค่าเฟรมเรทสูง ปรากฎว่าสามารถเล่นได้ลื่น ไม่มีอาการหน่วง หรือกระตุกให้เห็น และเล่นนานๆ เครื่องก็ไม่มีอาการร้อนอีกด้วย โดยรวมแล้วถือว่าสอบผ่าน
นอกจากนี้ยังมี Game Zone และ Dir-link Engine สำหรับปิดกั้นการแจ้งเตือน และเพิ่มพลังการประมวลผลขณะเล่น ไม่น้อยหน้าสมาร์ตโฟนแบรนด์อื่น ๆ รวมทั้งยังสามารถเรียกเมนูลัดขณะอยู่ในเกม เพื่อจับภาพหน้าจอ หรือบันทึกวิดีโอการเล่นอย่างรวดเร็วได้อีกด้วย
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ Infinix NOTE 12 Pro 5G ผ่านแอป Antutu
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ Infinix NOTE 12 Pro 5G ผ่านแอป GeekBench 5
แบตเตอรี่
Infinix NOTE 12 Pro 5G ใช้แบตเตอรี่ขนาดความจุ 5,000mAh และรองรับชาร์จเร็ว 33W ทำให้สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานตลอดทั้งวันและเปิดเครื่องสมาร์ตโฟนได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งทางแบรนด์เคลมว่าถ้าชาร์จเพียง 5 นาทีก็เล่นเกมต่อไปนานถึงประมาณ 2 ชั่วโมง พร้อมการันตีความปลอดภัยการชาร์จแบตเตอรี่จาก TÜV Rheinland
รวมถึงยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Power Marathon ทำให้ประหยัดพลังงาน ช่วยมอบประสบการณ์การใช้งานต่อเนื่องยาวนานโดยไม่ต้องกังวลว่าแบตฯ จะหมดระหว่างวัน หลังจากที่ได้ทำการทดสอบโดยใช้งานแบบทั่วไปปรากฏว่าสามารถใช้งานได้ข้ามวันได้สบายๆ ไม่ว่าจะเล่นเกม ท่องอินเทอร์เน็ต เรียนออนไลน์ หรือใช้งานทั่วไป
บทสรุป
Infinix NOTE 12 Pro 5G ถือเป็นสมาร์ตโฟน 5G ในราคาต่ำหมื่นสุดคุ้ม ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก NOTE 12 และยังคงเน้นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มวัยรุ่นวัยทำงานที่ชื่นชอบการเล่นเกม ด้วยประสิทธิภาพที่เหนือกว่ากับชิปเซ็ต 6nm MediaTek Dimensity 810 รองรับสัญญาณ 5G เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยความเร็วแบบไร้ขีดจำกัด
รวมทั้งติดตั้งกล้องหลักความละเอียดสูงสุด 108 ล้านพิกเซล พร้อมโหมดถ่ายภาพกลางคืน ทำให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพในทุกช่วงเวลาดี ๆ ได้อย่างมืออาชีพในทุกสภาพแสง และเซลฟี่อย่างมั่นใจได้ภาพสวยงาม คมชัด เก็บทุกรายละเอียดด้วยกล้องหน้าความละเอียดถึง 16 ล้านพิกเซล
นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นเพิ่ม RAM ได้อีก 5GB รวมเป็นของเดิม 8GB เป็น 13GB กับเทคโนโลยี Extended RAM สามารถรองรับได้ถึง 20 แอปพลิเคชันให้ทำงานในเวลาเดียวกันโดยไม่มีกระตุก ส่วนหน้าจอแสดงผลก็เป็นแบบ AMOLED ขนาดหน้าจอใหญ่ 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ที่ให้ภาพสีสันสว่างสดใส สมจริง สู้แสงแม้อยู่กลางแจ้ง ซึ่งช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมและรับชมความบันเทิงได้ดีที่สุด ปิดท้ายด้วยแบตเตอรี่ที่ให้มาถึง 5,000 mAh และรองรับชาร์จเร็ว 33W ทำให้สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานตลอดทั้งวัน
ทั้งนี้ Infinix NOTE 12 Pro 5G รุ่น 8 + 128 GB ราคา 8,299 บาท พิเศษ!! ราคาช่วงเปิดตัวเหลือเพียง 7,299 บาทเท่านั้น มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ (Force Black) สีขาว (Snow Fall) เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างลงตัวมากที่สุด วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ในช่องทางออนไลน์ที่ร้าน LazMall บน Lazada เท่านั้น
สามารถคลิกสั่งซื้อได้ที่ https://cutt.ly/qZu8MRV ค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.infinixmobility.com/th