เปิดตัว และวางจำหน่ายในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ Infinix NOTE 12 Pro 5G สมาร์ตโฟน 5G รุ่นใหม่ล่าสุดของ Infinix ที่มาพร้อมสโลแกน ”Arena Grand Master – ที่สุด ทุกสมรภูมิ” โดยมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าด้วยชิปเซ็ต 6nm MediaTek Dimensity 810 รองรับสัญญาณ 5G
พร้อมยกระดับการถ่ายภาพด้วยกล้องความละเอียด 108 ล้านพิกเซล และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานด้วยหน่วยพื้นที่ความจำ 256 GB เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด รวมทั้งหน้าจอ AMOLED ขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว และแบตเตอรี่ที่ให้มาถึง 5,000 mAh และรองรับชาร์จเร็ว 33W วัตต์ ในราคาไม่ถึงหมื่น
เชื่อว่าหลายคนที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะจัดรุ่นนี้ดีไหม มาดูกันว่า Infinix NOTE 12 Pro 5G จะน่าสนใจมากน้อยแค่ไหนในรีวิวกันเลย
สเปคเบื้องต้น Infinix NOTE 12 Pro 5G
ขนาด | 164.7 x 76.9 x 8 มม. |
น้ำหนัก | 188 กรัม |
หน้าจอ | Dot Drop Display แบบ AMOLED ความละเอียด FHD+ 1080 x 2400 พิกเซล (393 ppi) ขนาด 6.7 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 และครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 3 |
หน่วยประมวลผล | Octa Core ความเร็ว 2.4GHz โดยใช้ชิปเซ็ท MediaTek MT6833P Dimensity 810 (6 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G57 MC2 |
RAM | 8GB (UP TO 13GB EXTENDED RAM) |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 128GB |
microSD Card | สูงสุด 2TB |
กล้องถ่ายภาพ | กล้องหลัง 3 ตัว AI Triple Camera พร้อมไฟแฟลช Quad LED ประกอบด้วย – กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8, 24mm (wide) และระบบ PDAF – กล้องตัวที่สองเลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 – กล้องตัวที่สามเลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 กล้องหน้าเซลฟี่ ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 พร้อมไฟแฟลช Dual LED |
ระบบปฏิบัติการ | Android 12 ครอบทับด้วย XOS 10.6 |
เชื่อมต่อ | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, hotspot, Bluetooth 5.0, GPS with A-GPS, FM Radio, USB Type-C 2.0, USB On-The-Go |
รองรับระบบ | GSM: B2|3|5|8 WCDMA: B1|5|8 FDD:B1|3|5|7|8|20|28 TDD:B38|40|41 sub6 TDD: n38/n40/n41/n77/n78 sub6 FDD: n1/n3/n5/n7/n8/n20/n28 GSM: B2|3|5|8 WCDMA: B1|2|4|5|8 FDD:B1|2|3|4|5|7|8|20|28|66 TDD:B38|40|41 sub6 TDD: n38/n40/n41/n77/n78/n79 sub6 FDD: n1/n2/n3/n4/n5/n8/n20/n28/n66/n71 NETWORK 5G/4G/3G/2G |
แบตเตอรี่ | 5,000 mAh รองรับระบบชาร์จไว 33W พร้อมเทคโนโลยี Power Marathon ที่ประหยัดพลังงาน |
ราคา | ราคา 8,299 บาท |
อุปกรณ์ภายในกล่อง
กล่องแพ็คเกจจิ้งของ Infinix NOTE 12 Pro 5G เป็นกล่องกระดาษแข็งสีขาว ด้านหน้ากล่องสลักชื่อรุ่นขนาดใหญ่ โดยมุมขวาบนระบุหน่วยความจำขนาด RAM 8GB+128GB และด้านขวาล่างระบุรองรับเครือข่าว 5G Hyper-Fast
ส่วนด้านหลังกล่องจะระบุสเปกเบื้องต้นเช่น ชนาดตัวเครื่อง, หน่วยความจำ, หน้าจอแสดงผล, ความละเอียดกล้องหน้าและกล้องหลัง เป็นต้น พร้อมข้อมูลผู้ผลิต และผู้นำเข้า
อุปกรณ์ภายในกล่องประกอบไปด้วย
1.ตัวเครื่อง Infinix NOTE 12 Pro 5G
2.สาย USB Type-C + อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 33W
3.อุปกรณ์เปิดถาดซิมการ์ด
4.เคสพลาสติกใส
5.คู่มือการใช้งานฉบับย่อ + ใบรับประกันสินค้า
6,บัตรเชิญเข้าสู่ XCLUB ซึ่งเป็นคอมมูนิตี้ของผู้ใช้สมาร์ตโฟน Infinix
อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 33W
รูปลักษณ์ดีไซน์
ตัวเครื่อง Infinix NOTE 12 Pro 5G มาพร้อมการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ เรียบหรู ทันสมัย ใช้วัสดุพรีเมียม แข็งแรง ทนทานแต่มีน้ำหนักเบา ตัวเครื่องบางมีความหนาเพียง 7.8 มม. เพื่อให้ผู้ใช้งานพกพาสะดวก จับถนัดมือ และพึงพอใจมากที่สุด ฝาหลังมีลวดลายเท็กเจอร์ลายเส้นเป็นคลื่น พร้อมครอบทับด้วยกระจก โดยมีผิวสัมผัสด้าน ทำให้ไม่เป็นรอยนิ้วมือ สำหรับสมาร์ตโฟนรุ่นดังกล่าวมีสองเฉดสีให้เลือก ได้แก่ สีดำ (Force Black) และสีขาว (Snow Fall) ซึ่งสีที่ทางทีมงาน MobileOcta ได้มารีวิวคือ สีดำ (Force Black)
หน้าจอแสดงผล Dot Drop Display แบบ AMOLED ความละเอียด FHD+ 2400 x 1080 พิกเซล (393ppi) ขนาด 6.7 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 และครอบทับกระจกกันรอย Gorilla Glass 3 ที่มีความแข็งแรงทนทาน ป้องกันรอยขีดข่วน
ตรงกลางด้านบนติดตั้งกล้องเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 รวมทั้งมีช่องลำโพงสนทนา และเซนเซอร์ต่าง ๆ อาทิ LIGHT SENSOR และ PROXIMITY SENSOR เป็นต้น อีกทั้งมีช่องลำโพงสนทนาอยู่ด้านบนสุดด้วย
พลิกมาด้านหลังเครื่องมุมซ้ายด้านบนติดตั้งกล้อง 3 ตัว พร้อมไฟแฟลช Quad LED อยู่โมดูลสี่เหลี่ยม
โดยกล้อง 3 ตัว ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8, 24mm (wide) และระบบ PDAF
- กล้องตัวที่สองเลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- กล้องตัวที่สามเลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
รองรับการถ่ายภาพนิ่งความละเอียดสูงสุด 12000 x 9000 พิกเซล และถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด
2K@30fps
ด้านซ้ายข้างเครื่องมีช่องสำหรับใส่ SIM Card แบบ Triple Slot Tray แบ่งเป็นช่องใส่ SIM Card แบบ nanoSIM Card 2 ช่อง และช่องใส่การ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD Card 1 ช่องสูงสุด 2TB
ด้านขวาข้างเครื่องมีปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง กับปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดเครื่อง โดยสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชั่นกดปุ่ม Power ติดต่อกันสองครั้งเพื่อเรียกใช้งานถ่ายภาพด่วน หรือกดปุ่ม Power พร้อมปุ่มลดเสียง เพื่อแคปหน้าจอ ตามการตั้งค่า และติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังบนปุ่มนี้ด้วย
ด้านบนเครื่องออกแบบเรียบๆ ไม่มีช่อง หรือปุ่มกดใดๆ
ด้านท้ายเครื่องมีช่องหูฟังขนาด 3.5 มม. ช่องไมโครโฟน, พอร์ต USB Type-C 2.0 สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือถ่ายโอนข้อมูล และช่องลำโพงเสียง
คุณสมบัติการใช้งาน
Infinix NOTE 12 Pro 5G รันบนระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย XOS 10.6 ที่ทาง Infinix เป็นผู้พัฒนาขึ้นมาเอง โดยมีหน้าตาเมนูที่ดูสวยงาม มี Theme ให้เลือกดาวน์โหลดมากมาย อีกทั้งมีฟีเจอร์ต่างๆ ที่น่าสนใจอย่าง Freeze หรือตู้แช่แข็ง ที่สามารถย้ายแอปที่ไม่ได้ใช้งานบ่อยๆ หรือแอปที่ชอบทำงานอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต หรือแอบทำงานโดยที่เราไม่รู้ตัว ซึ่งสามารถย้ายเข้าไปเก็บไว้ได้ ทำให้แอปเหล่านั้นหยุดการทำงานทั้งหมด
ส่วนหน้าจอหลักนั้น มีหน้าจอเริ่มต้นให้ใช้ทั้งหมด 2 หน้าด้วยกัน โดยด้านซ้ายเป็นหน้าจอหลัก ส่วนด้านขวาเป็นหน้ารวมแอปพลิเคชั่น และสามารถเพิ่มได้ตามจำนวนแอปที่ดาวน์โหลดมา ด้านบนเมื่อใช้นิ้วแตะลากลงมาจะเป็นส่วนแสดงรายละเอียดเครือข่ายที่ใช้งาน กิจกรรมล่าสุด และการแจ้งเตือนต่างๆ
ส่วนด้านล่างมีปุ่มควบคุมการใช้งานต่างๆ 3 ปุ่มด้วยกันได้แก่ ปุม Recent Apps, ปุ่มโฮม ถ้ากดค้างไว้จะเข้าหน้า Google Assistant และปุ่มย้อนกลับ
รองรับ 2 SIM แบบ 5G Dual-SIM Dual-Standby สามารถใช้งาน 5G ได้พร้อมกันทั้งซิมหนึ่ง และซิมสอง โดยรองรับ 5G
sub6 TDD: n38/n40/n41/n77/n78/n79
sub6 FDD: n1/n2/n3/n4/n5/n8/n20/n28/n66/n71
รวมทั้งมี Smart 5G ฟังก์ชันอัจฉริยะที่สามารถสลับระหว่างเครือข่าย 5G/4G ได้อย่างราบรื่นและอัตโนมัติ ลดการใช้พลังงาน และปรับปรุงอายุการใช้งานแบตเตอรี่ของโทรศัพท์
รองรับการปลดล็อคหน้าจอด้วยการสแกนใบหน้า
ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนปุ่ม Power ที่ด้านขวาข้างครื่อง
ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่มากถึง 6.7 นิ้ว ความละเอียดระดับ FullHD+ พร้อมมาตรฐานหน้าจอ DCI-P3 ทำให้รับชมคอนเทนต์คมชัดระดับ HD ที่สวยเป็นธรรมชาติ และยังมีลำโพงมาตรฐานเสียงแบบ DTS สามารถปรับโทนเสียงได้ตามสไตล์คุณอีกด้วย