คลังเก็บ

รีวิว Infinix HOT 40 Pro เล่นเกมดีกล้องใช้ได้ จอใหญ่แบตชาร์จเร็ว ในงบต่ำหกพัน !!!

เวลายิ่งผ่านไป เทคโนโลยีที่เคยมีราคาสูงก็เริ่มถูกลงและเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้นครับ อย่างเช่น Infinix HOT 40 Pro รุ่นนี้ที่มีราคาอยู่ประมาณครึ่งหมื่น แต่หยิบยื่นสเปคมาให้คุ้มค่า คุ้มราคาที่เรียกว่าให้มาเกินตัวไปอย่างน่าสนใจทีเดียวครับ 

Infinix HOT 40 Pro

ยกตัวอย่างเช่น ในงบดังกล่าวเราจะได้สมาร์ตโฟนหน้าจอใหญ่ 6.78 นิ้วความละเอียด Full HD+ ให้อัตรารีเฟรชเรทสูงถึง 120Hz ช่วยให้ดูหนังฟังเพลงได้ลื่นไหลสบายตา รวมถึงได้ชิปเซ็ตเกมมิ่งตัวแรงในงบประหยัดอย่าง Helio G99 ทำให้เล่นเกมลื่นโดยเฉพาะเกมสไตล์ Exclusive อย่าง FreeFire ที่เล่นได้เต็มประสิทธิภาพ 90Hz เต็มตา มี RAM รวม 16GB จุใจ แบตก็ให้มาตามมาตราฐานปี 2024 ที่ 5000mAh แถมชาร์จไว 33W และมีกล้อง 108MP ที่มี AI ช่วยในการถ่ายภาพ เอาว่าให้มาเยอะขนาดนี้ ใช้จริงจะมีข้อดีข้อสังเกตอย่างไรบ้างนั้น เดี๋ยวเราใช้แล้วจะมาเล่าให้ฟังในรีวิวนี้กันครับ ก่อนอื่นไปแกะกล่องกันก่อนเลยครับ

แกะกล่อง Infinix HOT 40 Pro 

  • สมาร์ตโฟน Infinix HOT 40 Pro
  • หัวชาร์จเร็ว พร้อมสายดาต้าครบเซ็ต
  • เข็มถอดซิม
  • เคสดีไซน์พิเศษ FreeFire 
  • คู่มือและใบรับประกัน

สำหรับอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง Infinix HOT 40 Pro ถือว่าให้มาค่อนข้างครบครับ เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน โดยมาพร้อมหัวชาร์จเร็ว สายชาร์จเร็ว เข็มถอดซิม และที่สำคัญยังมาพร้อมเคสดีไซน์พิเศษลาย FreeFire Edition ซึ่งการันตีว่าถ้าคุณเป็นแฟนเกมนี้ คุณจะหาอุปกรณ์เสริมเท่ๆ แบบนี้ที่ไหนไม่ได้ รวมถึงดีไซน์ของกล่องแพ็คเกจก็เป็นดีไซน์พิเศษ FreeFire Edition เช่นกัน และหน้าจอยังมีการติดฟิล์มกันรอยมาแล้วจากในกล่อง

ใส่เคสแล้วก็จะเท่แบบนี้ครับ แถมยังช่วยปกป้องขอบกล้องด้านหลังที่นูนขึ้นมาได้เป็นอย่างดี

สเปค Infinix HOT 40 Pro

  • ชิปประมวลผล MediaTek Helio G99
  • RAM 8GB 
  • รองรับ RAM Extension ได้อีก 8GB รวมเป็น 16GB
  • หน่วยความจำภายใน 256GB รองรับ microSD Card ได้สูงสุด 1TB
  • หน้าจอขนาด 6.78 นิ้ว IPS LCD ความถี่ 120Hz ความละเอียด Full HD+ ความสว่าง 500nits 396ppi
  • ขนาดตัวเครื่อง 168.6 x 76.6 x 8.3 มม. 
  • น้ำหนัก 199 กรัม
  • กล้องถ่ายภาพ
    • กล้องหลัง
      • กล้องหลัก 108MP f1.8 รองรับ AutoFocus มีไฟแฟลช LED
      • กล้อง Macro 2MP
      • กล้องเสริม AI
    • กล้องหน้า 32MP f2.2 พร้อมไฟแฟลช LED 
  • ลำโพง Stereo คู่
  • มีช่องหูฟัง 3.5 มม. รองรับเสียง 24-bit/192kHz Hi-Res audio
  • รองรับการเชื่อมต่อ NFC, GPS, WiFi a/b/g/n/ac, Bluetooth 
  • ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 13
  • รองรับสองซิมการ์ด nano-SIM, 4G
  • สแกนนิ้วด้านข้าง
  • เซ็นเซอร์ G-Sensor, E-Compass, L-Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope
  • แบตเตอรี่ 5000mAh ชาร์จเร็ว 33W (แถมที่ชาร์จในกล่อง) ชาร์จย้อนกลับได้
  • ราคาเปิดตัว 5,699 บาท
  • ตัวเลือกสี Horizon Gold (รุ่นที่รีวิว), Palm Blue, Starlit Black และ Starfall Green

ดีไซน์การออกแบบ

Infinix HOT 40 Pro มาพร้อมการออกแบบที่ดู Touch แข็งแรง แน่นหนา จับแล้วรู้สึกทนมือทนไม้ดีครับ จุดเด่นด้านการออกแบบของรุ่นนี้คือมีขอบข้างทรงเหลี่ยมแบนราบ ตามเทรนด์ปี 2024 มีกรอบด้านข้างเป็นสีเงินเงางาม สะท้อนแสงดูหรูดี และมีเกาะกล้องขนาดใหญ่ ตัวเครื่องมีขนาด 168.6 x 76.6 x 8.3 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 199 กรัม

ด้านหน้าจอมีขนาดค่อนข้างใหญ่ คืออยู่ที่ 6.78 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ และมีจุดเด่นอยู่ที่เป็นหน้าจอ IPS LCD ที่รองรับความถี่ 120Hz ซึ่งจะสามารถรันเกม FreeFire ได้ที่ 90Hz ลื่นๆ เลยครับ แต่เดียวด้านเกมจะเล่าในส่วนถัดไป และมีความสว่าง 500 nits ดูหนังดูคลิปเต็มๆ ตาลื่นๆ เลย

ในส่วนของกล้องหน้าจะใช้เป็นช่องเจาะรู Punch-Hole บริเวณตรงกลางด้านบน แตกต่างจากรุ่นประหยัดทั่วไปที่จะใช้หน้าจอรอยบาก และยังมีความพิเศษอยู่ที่ Magic Ring รอบๆ กล้องหน้า (ตามภาพด้านขวา) ว่ากันง่ายๆ ก็จะทำหน้าที่คล้ายของ Apple iPhone ที่ใช้แสดงข้อมูลการแจ้งเตือน หรือสถานะต่างๆ ในรูปทรงของเม็ดยา เพิ่มลูกเล่นให้กับสมาร์ตโฟนให้ดูโมเดิร์นขึ้นอีกระดับครับ 

ปุ่มควบคุมต่างๆ อยู่บริเวณด้านขวา ซึ่งการสแกนลายนิ้วมือจะใช้การสแกนบนปุ่ม Power นี้ด้วย

ด้านซ้ายจะมีเฉพาะถาดใส่ซิมการ์ด ซึ่งรุ่นนี้จะรองรับสองซิมการ์ดแบบ nano-SIM และมีช่อง microSD Card แยกให้ด้วย ไม่ต้องแย่งกันใส่นะ

ด้านบนมีลำโพงนอก และด้านล่างมีลำโพงอีกชุด พอร์ต USB-C ไมค์สนทนา และช่องหูฟัง 3.5 มม. 

ด้านหลังมีเกาะกล้องขนาดใหญ่ ภายในมีวงกลมใหญ่ 3 วงสำหรับวางกล้องหลัก, กล้อง Macro และกล้องเสริม AI รวมถึงมีไฟแฟลชที่ โค-ตะ-ระ สว่าง ใช้ถ่ายภาพหรือเป็นไฟฉายดีมากเลยฮะ 

นอกจากนี้ในส่วนของด้านหลังจะไม่ใช่พลาสติกลื่นๆ ธรรมดาครับ แต่จะมีลวดลายกราฟฟิกสะท้อนแสงเหมือนลายหินขัด ให้ผิวสัมผัสที่ด้านจับแล้วไม่ลื่นดีครับ มีความแวววาว แต่ไม่ทำให้เกิดรอยนิ้วมือได้ง่าย จัดว่าดีมาก โทนสีมองผ่านๆ จะเป็นสีเหลืองทอง แต่จะมีประกายเป็นสีฟ้า สวยดีครับ

โดยรวมด้านการออกแบบของ Infinix HOT 40 Pro ดูสวยทันสมัย น่าใช้ดีครับ ตัวเครื่องถือว่ามีขนาดใหญ่พอสมควร สำหรับผู้รีวิวที่เป็นผู้ชายมือใหญ่ก็ดูจะพอเหมาะดี จับแล้วเข้ามือเล่นเกมถนัดดีมากบนหน้าจอขนาดใหญ่ น้ำหนักตัวเครื่องก็ถือว่าไม่เบาไม่หนัก กำลังถือสบาย แต่ถ้าเป็นผู้หญิงหรือเด็กอาจจะรู้สึกใหญ่และหนักไปบ้าง และด้วยตัวเครื่องที่เป็นเหลี่ยมขอบแบน ทำให้สามารถตั้งมือถือบนพื้นผิวเรียบๆ ได้เลยฮะ ก็สะดวกไปอีกแบบนะ

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ และประสิทธิภาพการใช้งาน

ด้านการใช้งาน Infinix HOT 40 Pro ที่ทีมงานได้ทดสอบมาระยะหนึ่ง ต้องบอกว่ารุ่นนี้เหมาะมากสำหรับคนชอบเล่นหรือรับชมคอนเท้นต์บนหน้าจอขนาดใหญ่ครับ แถมรุ่นนี้ยังรองรับความถี่สูงถึง 120Hz จัดว่าลื่นมากสำหรับมือถืองบแค่นี้เลยฮะ การแสดงผลสีสันถือว่าทำได้ดี การสู้แสงถือว่าพอใช้งานได้ดีในที่แสงสว่างมากเช่นกลางแดดก็พอใช้ได้ครับ ในงบนี้ต้องบอกว่าการแสดงผลถือว่าทำได้ดีครับ

หน้าจอมาลื่นแล้ว ชิปเซ็ตก็ตอบโจทย์คนชอบความลื่นเช่นกันครับ โดยชิปเซ็ตที่ได้ก็คือ Helio G99 ของ MediaTek ที่เป็นชิปแบบ Octa-Core ซึ่งแบ่งเป็นคอร์ Cortex A76 ความเร็ว 2.2GHz x2 และ Cortex A55 ความเร็ว 2.0GHz x6 ทำงานร่วมกับ GPU Mali-G57 MC2 และมี RAM จริง 8GB และ RAM เสมือนอีก 8GB รวมเป็น 16GB ให้มาเยอะสูสีกับรุ่นแพงๆ หลักหมื่นเลยฮะ ส่วนซอฟท์แวร์ก็ใช้เป็น XOS 13.5 บนพื้นฐาน Android 13 จากในกล่อง

สำหรับการเล่นเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเป็นแฟนเกม FreeFire แล้วล่ะก็ คุณจะรักมือถือรุ่นนี้แน่นอนครับ เพราะ Infinix จับมือกับ Garena นอกจากจะได้คอนเท้นต์พิเศษต่างๆ แล้ว การเล่นเกมก็จะรองรับการเปิดหน้าจอความถี่ 90Hz ด้วยครับ จัดว่าแจ่มแมวมากๆ ใครเมนเกมนี้ เล่นเพลินแน่นอน

ส่วนเกมอื่นๆ ที่เราทดสอบอย่าง RoV เกมมหาชน ก็ถือว่าทำได้ลื่นไหลดีครับ เปิดเล่น 60fps ได้เลย ตัวเฟรมเรทก็จะวิ่งอยู่ประมาณ 59-60 fps โดยรวมถือว่ากำลังสวย ใช้งานได้ดีครับ ถ้าทั้ง FreeFire และ RoV เล่นลื่น เกมส่วนใหญ่ใน Play Store ก็ใส่ได้แทบทุกเกมครับ รับรองได้ ในงบนี้จัดว่าแจ่ม

คะแนนการเทส Benchmark จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีสำหรับมือถือระดับเริ่มต้นครับ คะแนนระดับนี้ถือว่าสามารถใช้งานทั่วไปได้ลื่นไหลดี เล่นเกมได้ โซเชียลดีเกินงบครับ

ด้านการใช้งาน UI ทั่วไปจัดว่าทำได้ดีครับ ลื่นไหลสบายตาดีบนหน้าจอ 120Hz หน้าตาเมนูถือว่าทำได้สวยงาม ดูทันสมัยใช้งานง่าย ใครที่เคยเล่น Android มาก่อนก็สามารถเรียนรู้ได้ไม่ยากครับ แถมรุ่นนี้อย่างที่บอกไปว่าจะรองรับคอนเท้นต์พิเศษจาก FreeFire ด้วย ดังนั้นในโทรศัพท์ก็จะแถมพื้นหลัง, ธีม, เสียงแจ้งเตือนหรือเสียงเรียกเข้า และที่สำคัญมี AR Camera เป็นกราฟฟิกเจ๋งๆ ให้เราเล่นด้วยครับ

ในส่วนของระบบเสียงรุ่นนี้จะมีลำโพงคู่ Stereo ให้มาด้วยนะครับ เหมาะมากสำหรับรับชมคอนเท้นต์บนหน้าจอใหญ่ๆ สวยๆ แบบนี้ ในส่วนของคุณภาพเสียงลำโพงนอกก็ถือว่าพอใช้ได้ ให้เสียงที่ดังดี โทนเสียงหนักไปทางเสียงกลางและเสียงแหลมเป็นหลัก ในขณะที่การฟังเพลงผ่านหูฟังรุ่นนี้จะรองรับระบบเสียงคุณภาพสูง Hi-Res Audio ด้วย ก็จะช่วยยกระดับการดูหนังฟังเพลงไปด้วย ส่วนการเล่นเกมจริงๆ เราแนะนำให้ใช้หูฟังแบบมีสายนะครับ เพราะเสียงจะไม่ดีเลย์ เหมาะสำหรับการเล่นเกมมากกว่า

ระบบสแกนของรุ่นนี้จะสามารถทำได้สองแบบครับ คือ การสแกนลายนิ้วมือซึ่งจะทำบนปุ่ม Power ด้านข้าง ความเร็วการสแกนและความแม่นก็อยู่ในระดับตามมาตราฐานทั่วไป คือมีความแม่นยำดีมาก และหากมือเปื้อนหรือเปียกน้ำ ก็อาจจะสแกนคลาดเคลื่อนบ้าง ในขณะที่การสแกนอีกอย่างคือการสแกนใบหน้าก็สามารถทำได้ดีเช่นกันครับ โดยขณะที่เราสแกนใบหน้าจะมีกราฟฟิกบน Magic Ring ด้านบนเป็นใบหน้ายิ้มด้วย (ตามภาพกลาง)

แบตเตอรี่รุ่นนี้ก็ให้มาตามมาตราฐานมือถือปี 2024 คืออยู่ที่ 5000mAh พร้อมรองรับการชาร์จเร็ว 33W และที่สำคัญ Infinix เค้าแถมหัวชาร์จมาด้วย!! ดังนั้นไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อเพิ่มเองครับ ถือว่าดีมาก หลายค่ายแม้รุ่นถูกๆ ก็จะเริ่มทำมึนไม่แถมให้กันแล้ว 

การใช้พลังงานก็จัดว่าค่อนข้างอึดครับ ชาร์จเต็ม 100 ใช้งานทั่วไปข้ามวันได้สบายๆ แน่นอน ส่วนการชาร์จ 0-50% ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีครับ ส่วน 0-100% จะใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 20 นาที ก็ถือว่าทำได้ไม่เลวสำหรับมือถือราคาระดับนี้ครับ

ถ่ายภาพสนุกด้วยกล้อง 108MP พร้อม AI

ด้านการถ่ายภาพ Infinix HOT 40 Pro ให้กล้องด้านหลังมาทั้งหมด 3 ตัวครับ ประกอบด้วยกล้องหลัก 108MP รองรับ AutoFocus และกล้อง Macro ตัวที่ 2 ความละเอียด 2MP ส่วนกล้องตัวที่ 3 คือกล้อง AI ที่อาจไม่ได้ใช้โดยตรงเท่าไหร่ แต่จะเป็นส่วนเสริม เพิ่มคุณภาพภาพถ่ายให้กล้องอื่นๆ ด้วย AI ครับ 

โดยรวมด้านการถ่ายภาพด้วยกล้องหลักถือว่าทำได้น่าประทับใจเมื่อเทียบกับราคาค่าตัวครับ โดยสามารถเก็บรายละเอียดได้ค่อนข้างดี ให้สีสันดีใช้ได้ ในขณะที่กล้อง Macro ก็พอใช้ถ่ายวัตถุระยะใกล้ได้แบบขำๆ คุณภาพก็พอใช้ได้ ส่วนด้านการถ่ายวีดีโอด้วยกล้องหลังจะรองรับสูงสุดที่ 1440p @30fps 

ในขณะที่กล้องหน้าจะมีความละเอียด 32MP คุณภาพก็พอใช้ได้เช่นกัน แต่ที่เป็นจุดเด่นของกล้องหน้า คือ ให้ไฟแฟลชมาด้วยซึ่งเป็นไฟ LED 2 ดวง สว่างเพียงพอมากๆ สำหรับการเซลฟี่ในที่มืด ย้ำว่าในที่มืดนะครับ ไม่ใช่แค่ที่แสงน้อยเท่านั้น เอาว่าสายย่ำราตรีก็เซลฟี่ได้สบายแน่นอน 

ว่าแล้วก็ลองชมตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Infinix HOT 40 Pro กันครับ

โหมด Portrait สามารถเบลอฉากหลังได้ดีใช้ได้เลยครับ จัดว่าเนียนอยู่ฮะ

สำหรับโหมด HDR สามารถแสดงรายละเอียดของภาพขณะถ่ายย้อนแสงได้ดี อย่างภาพด้านบนนี้จะถ่ายย้อนแสงกับแสงอาทิตย์จ้าตรงๆ ได้เลย รายละเอียดของมังกรสามารถเก็บรายละเอียดได้ดี

บทสรุป

Infinix HOT 40 Pro ถือเป็นสมาร์ตโฟนอีกรุ่นที่น่าจะโดนใจกลุ่มผู้ใช้ที่มองหามือถือดีๆ ฟีเจอร์ครบๆ คุ้มๆ ในงบประมาณราวครึ่งหมื่นครับ เพราะในงบไม่ถึง 6 พันนี้ (ราคาอาจต่างไปขึ้นอยู่กับตัวแทนจำหน่าย) เราจะได้มือถือที่ตอบโจทย์ทั้งเกมเมอร์ หรือสตรีมเมอร์ที่ชอบท่องโลกออนไลน์ ดูคอนเท้นต์ออนไลน์ ดูหนังฟังเพลง ไปจนถึงคนที่ชอบถ่ายภาพก็ถือว่าพอถ่ายได้สวยในงบนี้ครับ

นอกจากนี้ในกล่องยังให้อุปกรณ์มาพร้อมใช้ทั้งหัวชาร์จเร็ว 33W รวมไปถึงเคสกันรอยที่มาในดีไซน์ของเกม FreeFire พร้อมคอนเท้นต์พิเศษจากตัวเกม ให้แฟนเกมนี้ได้รับประสบการณ์การใช้งานแบบฉ่ำๆ กันไปเลยฮะ ในส่วนของข้อสังเกต จริงๆ ในงบนี้ให้มาเท่านี้ก็ถือว่าคุ้มแล้วฮะ แต่จะให้ติกันจริงๆ ก็อาจจะเป็นในส่วนของหูฟังที่ไม่ได้แถมมาให้ในกล่อง ตัวเครื่องที่ค่อนข้างใหญ่และมีน้ำหนักสักหน่อย และถ้าให้ 5G มาด้วยล่ะก็แจ๋วเลยฮะ 

ทั้งนี้ Infinix HOT 40 Pro มีให้เลือก 4 สีสันคือ  Palm Blue (ฟ้า), Horizon Gold (ทอง), Starlit Black (ดำ) และ Starfall Green (เขียว) เปิดราคาอยู่ที่ 5,799 บาท พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ทางออนไลน์ที่ Shopee: https://cutt.ly/bwZcASnv  Lazada: https://cutt.ly/zwZcSaeD   และ Tiktok Shop: https://cutt.ly/ywZcSbAx. และร้านค้าชั้นนำที่ BaNANA, Jaymart, IT City, TG FONE 


หยุด!! (อ่าน) สักนิด ก่อนทิ้ง E-Waste เมื่อมีขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ได้ใช้งาน AIS แนะนำขั้นตอนการทิ้งอย่างปลอดภัย 3 ขั้นตอนง่ายๆ 1. ลบข้อมูลออกจากมือถือ 2. ถอดเมมโมรี่การ์ด 3. เช็กแบตเตอรี่ หากบวมให้แช่น้ำ 5 ชั่วโมงเพื่อลดประจุพลังงาน สุดท้าย! ใส่ถุงหรือห่อกระดาษก่อนทิ้ง เมื่อพร้อมแล้วก็ใส่กล่อง ฝากทิ้งกับพี่ไปรฯ  ไปรษณีย์ไทยได้เลย  
เช็กรายละเอียด https://sustainability.ais.co.th/th/update/e-waste/319/2-easy-steps-to-take-my-e-waste-away

#AISewaste #Hubofwaste