หากคุณเป็นเกมเมอร์ที่ชื่นชอบการเล่นเกมบนสมาร์ตโฟน ซึ่งหากต้องการให้เล่นเกมดีๆ หน่อยแล้ว ส่วนใหญ่ในท้องตลาดก็ต้องมีค่าตัวระดับสองหมื่นอัพแทบทั้งสิ้น ยิ่งต้องการเล่นเกมด้วยเฟรมเรทสูงๆ ด้วยแล้ว แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยครับสำหรับอุปกรณ์ราคาค่าตัวระดับหมื่นต้น
แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าฝันของเกมเมอร์จะเป็นจริงแล้วครับ ด้วยการมาของ Infinix GT 20 Pro 5G เกมมิ่งโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจากค่ายอินฟินิกซ์ ที่ในงบหมื่นต้นๆ แต่สามารถเล่นเกมระดับ 120 FPS ได้เป็นเครื่องแรก ให้การแสดงผลที่ลื่นไหลระดับ PC กันเลยทีเดียว
ซึ่ง Infinix GT 20 Pro 5G นี้ยังถูกเลือกให้เป็น Official Gaming Smartphone ของ RoV Pro League 2024 Winter ดังนั้นใครที่เป็นแฟนเกม RoV แล้วอยากสัมผัสประสบการณ์ขั้นสุดของ RoV 120 FPS รุ่นนี้ถือว่าน่าสนใจมากครับ แต่การใช้งานจริงไม่ว่าจะเป็นทั้งในส่วนของการเล่นเกม หรือการใช้งานทั่วไปจะเป็นอย่างไรนั้น เดี๋ยวพวกเราทีมงาน MobileOcta จะเล่าให้ฟังกันในรีวิวนี้ครับ ไปติดตามกันได้เลย
สเปค Infinix GT 20 Pro 5G
- หน้าจอขนาด 6.78 นิ้ว AMOLED LTPS FHD+ 2436×1080 พิกเซล DCI-P3 WIDE COLOUR GAMUT สัดส่วนหน้าจอต่อบอดี้ 94.30%
- ความสว่างสูงสุด 1300nit
- อัตรารีเฟรท 60/120/144Hz
- ความไวสัมผัส 360Hz
- CPU MediaTek Dimensity 8200 Ultimate (Octa-Core 1×3.1GHz Cortex-A78, 3×3.0 GHz Cortex-A78, 4×2.0 GHz Cortex-A55)
- GPU Mali-G610 MC6
- Gaming Display Chip Pixelworks X5 Turbo
- RAM 12GB LPDDR5X พร้อม RAM เสมือนเลือกได้ระหว่าง 6/9/12GB
- ROM 256GB UFS 3.1
- ไม่รองรับ microSD Card
- ซอฟท์แวร์ XOS 14 for GT บนพื้นฐาน Android 14
- กล้องถ่ายภาพ
- กล้องหลัง
- 108MP, OIS, AF, Samsung HM6 6P lens, รองรับการถ่ายวีดีโอ 4K @60FPS
- กล้อง Macro 2MP
- กล้อง Depth 2MP
- กล้องหน้า 32MP, Fixed Focus, ถ่ายวีดีโอ 2K @30FPS
- กล้องหลัง
- รองรับ 5G / 4G / 3G / 2G
- รองรับ 2 ซิมการ์ด, Wi-Fi 802.11 (a/b/g/n/ac/ax), FM, NFC
- ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม.
- ขนาด 164.26 x 75.43 x 8.15 มม.
- น้ำหนัก 194 กรัม
- ตัวเครื่องกันน้ำ IP54
- ตัวเลือกสี Mecha Blue / Mecha Orange / Mecha Silver
- ระบบเสียง JBL/DTS/ Hi-RES/ WIDVINE L1+
- แบตเตอรี่ 5000mAh
- ชาร์จเร็ว 45W แถมที่ชาร์จในกล่อง
- ราคาเปิดตัว 12,999 บาท
แกะกล่อง
- สมาร์ตโฟน Infinix GT 20 Pro 5G
- ที่ชาร์จเร็ว 45W
- สายดาต้า USB-C
- เคสดีไซน์สุดเท่
- ฟิล์มกันรอย
- ที่ถอดซิม
- คู่มือและใบรับประกัน
ความพิเศษของแพ็คเกจยังถูกออกแบบในธีมของ RoV Pro League 2024 Winter ที่ใช้การแกะกล่องแบบแหวกออกเท่ๆ แบบนี้ครับ
ดีไซน์ของเคสมีการเจาะรูไว้สำหรับการแสดงไฟ RGB สวยๆ ที่ด้านหลัง ใส่แล้วก็จะเท่แบบนี้เลย
นอกจากนี้ยังมีการแถมอุปกรณ์มาให้พร้อมใช้งานครับ ไม่ว่าจะเป็นที่ชาร์จเร็วที่หลายแบรนด์ไม่ค่อยแจกให้ในช่วงหลัง รวมไปถึงฟิล์มกันรอยก็ยังให้มา เรียกได้ว่าใส่ซิมก็พร้อมใช้งานทันที ไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มแล้ว
ที่น่าสนใจอีกอย่างคือตัวสายชาร์จที่จะมีลักษณ์เป็นตัว L พร้อมกับอุปกรณ์ยังรองรับการ Bypass ทำให้สามารถเสียบชาร์จไปเล่นเกมไปได้โดยที่ไม่ทำให้เครื่องร้อน และเป็นการถนอมแบตเตอรี่ด้วยครับ ปลอดภัยแน่นอน
ดีไซน์การออกแบบ
Infinix GT 20 Pro 5G ด้วยความที่เป็นเกมมิ่งโฟนจ๋าขนาดนี้ ทำให้การออกแบบของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้มีความเป็น Futuristic สูงมาก ดีไซน์ดูทันสมัย เอาใจวัยรุ่น ด้านหลังเล่นเส้นเล่นสายแบบจัดเต็มไม่เกรงใจใคร
ซึ่งดีไซน์นี้ทาง Infinix เรียกว่า Cyber Mecha ที่ดูเหมือนหุ่นยนต์ มีส่วนที่สะท้อนแสงในเฉดต่างๆ และไฟ LED สุดล้ำสำหรับแสดงสีสันในแบบต่างๆ ที่เราสามารถตั้งค่าเองได้ด้วยนะ
เช่น เวลาที่สายเรียกเข้าจะให้แสดงสีสันแบบไหน เล่นเกมเป็นแบบไหน ไปจนถึงเลือกแบบการแสดงแสงเฉพาะสำหรับบุคคลได้ เป็นต้น ดูแล้วน่าจะถูกใจคนชอบอุปกรณ์ดีไซน์ล้ำๆ แน่นอน
ที่บริเวณด้านหน้าถือว่ามีหน้าจอขนาดใหญ่ทีเดียวครับ มีขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ และเป็นหน้าจอแบบ LTPS AMOLED สีสันสดใสแน่นอน โดยขอบหน้าจอจะบางมากทุกด้าน และมีสัดส่วน Screen-to-Body Ratio เยอะถึง 94.30% จัดว่าสวยไม่แพงเรือธงราคาหลายหมื่นเลยทีเดียว
และหน้าจอยังมีความสว่างสูงสุดถึง 1300nit ถือว่าสู้แสง Outdoor ได้ดีครับ และที่เด่นที่สุดน่าจะเป็นในส่วนของอัตรารีเฟรชที่สูงถึง 144Hz ให้การแสดงผลที่นุ่ม ลื่น สบายตา โดยเฉพาะการเล่นเกม RoV 120Hz นั่นล่ะครับ ซึ่งเราจะเล่าให้ฟังในส่วนถัดไป
ขอบด้านบนไม่มีอะไร ยกเว้นแต่สัญลักษณ์ Sound by JBL การันตีคุณภาพเสียงที่ปรับจูนโดย JBL ซึ่งคุณภาพเสียงของลำโพงนอก Infinix GT 20 Pro 5G ทำได้ค่อนข้างดีครับ เสียงมีมิติพอสมควร มีความดังใช้ได้เลยทีเดียว
ช่องใส่ซิมการ์ดจะอยู่บริเวณด้านล่างครับ ถัดไปมีไมค์สนทนา พอร์ต USB-C และลำโพงนอก
บริเวณด้านซ้ายไม่มีอะไร และด้านขวามีปุ่มควบคุมเสียง และปุ่ม Power
โดยรวมด้านการออกแบบของ Infinix GT 20 Pro 5G ทำมาค่อนข้างสวยทันสมัยครับ มีดีไซน์ขอบแบนราบตามสมัยนิยม และมีความโค้งมนเล็กน้อย
ประสิทธิภาพการใช้งาน
Infinix GT 20 Pro 5G มาพร้อมชิปเซ็ตดีเกินตัวครับ คือ Dimensity 8200 Ultimate ของ MediaTek ที่เป็นชิปแบบ Octa-Core 1×3.1GHz Cortex-A78, 3×3.0 GHz Cortex-A78, 4×2.0 GHz Cortex-A55 ความเร็วสูงสุด 3.1GHz ทำงานร่วมกับชิปกราฟฟิก Mali-G10 MC6 แถมยังมีชิปสำหรับการแสดงผลแยกเฉพาะ Pixelworks X5 Turbo
ในส่วนของ RAM ในเครื่องให้มาที่ 12GB LPDDR 5X และรองรับฟีเจอร์ RAM เสมือนที่เลือกได้ระหว่าง 6, 9, และ 12GB ทำให้สามารถมี RAM ไว้ใช้งานได้สูงสุด 12+12GB หรือเยอะถึง 24GB เลยทีเดียว และหน่วยความจำภายในได้อยู่ 256GB แบบ UFS 3.1 จัดว่าเยอะพอสมควรครับ ส่วนข้อสังเกตในส่วนนี้คือจะไม่รองรับ microSD Card เสริมได้
ด้วยขุมพลังระดับนี้จัดว่าเหลือสำหรับการเล่นเกมต่างๆ ใน Google Play Store ได้สบายพร้อมการเปิดกราฟฟิกระดับสูงครับ โดยเฉพาะการใช้งาน Multi-Tasking จัดว่าเหลือเฟือเพราะได้ RAM ไว้ทำงานเยอะถึง 24GB จะเล่นเกมหรือทำงานก็สบาย
และด้วยสมาร์ตโฟน GT-Series ถูกเลือกให้เป็นสมาร์ตโฟนสำหรับการแข่งขันอย่างเป็นทางการ อย่างเช่นเกม RoV เกมยอดนิยมของบ้านเราก็สามารถดึงประสิทธิภาพการประมวลผลได้ในระดับสูงบนชิปเซ็ต 4nm ที่ทรงพลัง และโหมด Esports ที่ยกระดับการประมวลผลให้เล่นเกมได้ในระดับคอนโซล ทำงานร่วมกับชิปการแสดงผลที่รองรับ MEMC ชดเชยการเคลื่อนไหว ทำให้สามารถดันเฟรมเรตได้สูงถึง 120 FPS ในเกม RoV โดยเล่นจริงเฟรมเรทก็จะอยู่ในระดับ 119-120 FPS ซึ่งจัดอยู่ในระดับสูงมากครับ
ความแรงสุดขนาดนี้ ในส่วนของระบบระบายความร้อนก็ดีไม่ใช่น้อยครับ เพราะมีการระบายความร้อนด้วยแผ่นกราไฟท์ที่ใหญ่ขึ้น เช่นเดียวกับห้องไอ VC ที่ใหญ่ขึ้น ช่วยกระจายและลดความร้อนขณะเล่นเกมได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยให้ชิปเซ็ตไม่ถูกขัดด้วยปัญหาความร้อน ช่วยให้เล่นเกมได้ค่อนข้างลื่นไหลเป็นเวลานานขึ้นครับ
ในส่วนของหน้าจอยังตอบสนองได้ค่อนข้างดีครับ โดยมีอัตราความไวสัมผัส 360Hz และอัตราการสุ่มตัวอย่างสัมผัสทันที 1500Hz เพิ่มการควบคุมตอบสนองได้อย่างใจ
สำหรับการเล่นเกม ระบบเสียงก็ถือว่าสำคัญครับ โดยรุ่นนี้จะให้ไมค์ 2 ตัว, ลำโพงคู่ และระบบเสียงที่สมจริงจาก JBL รองรับระบบเสียง Hi-Res Audio และ dts ให้เสียงที่มีมิติและไมค์ที่เชื่อถือได้ ทำให้การสนทนาในเกมคมชัด ไม่ขาดตอน
ระบบการเชื่อมต่อของรุ่นนี้ถูกออกแบบให้อยู่ในตำแหน่งที่รับสัญญาณได้ดีที่สุดโดยที่มือขณะเล่นเกมไม่บดบัง พร้อมโซลูชั่นการปรับจูนเสาอากาศ ซิม 5G คู่ และรองรับ Wi-Fi 6 เพื่อให้รับสัญญาณได้แรงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
โหมดที่สำคัญอีกหนึ่งโหมดคือ Hyper Charge ครับ ซึ่งรองรับการชาร์จแบตได้เร็วถึง 45W พร้อมเทคโนโลยีการชาร์จปลอดภัยอัจฉริยะ รองรับ Bypass ชาร์จที่สามารถชาร์จไปเล่นไปได้อย่างปลอดภัย และเครื่องไม่ร้อน
ที่ผู้รีวิวค่อนข้างชอบ Infinix GT 20 Pro 5G อีกอย่างคือ Software บนมือถือเครื่องนี้ค่อนข้างเบาครับ คือไม่มีแอปติดตั้งมามากมายเหมือนเจ้าตลาดหลายรุ่น โดยที่ติดตั้งมาให้เฉพาะแอปพลิเคชันที่สำคัญและจำเป็นเท่านั้น ไม่หนักเครื่องกับแอปที่ไม่จำเป็น รวมถึงยังได้รับการอัพเดต Android หลัก 2 ปี และอัพเดตแพตความปลอดภัย 3 ปีเต็ม ใช้งานกันได้ยาวๆ เลยครับ
การล็อคอุปกรณ์ทำได้โดยการใส่รหัสพื้นฐาน การสแกนนิ้วบนหน้าจอ และการสแกนใบหน้า
ซอฟท์แวร์ยังมีคอนเท้นต์พิเศษสำหรับแฟนๆ RoV อย่างเช่นภาพพื้นหลังเอาไว้ใช้อีกด้วย
ส่วนการทดสอบด้วยแอป Benchmark ต่างๆ ก็ดังด้านล่างนี้เลยครับ
ผลการทดสอบ Geekbench 6
ผลการทดสอบด้วยโปรแกรม 3D Mark
ผลการทดสอบด้วยโปรแกรม PCMark
ผลการตรวจสอบอุปกรณ์ด้วยโปรแกรม CPU-Z
การถ่ายภาพ
Infinix GT 20 Pro 5G มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว และกล้องหน้า 1 ตัวครับ โดยกล้องด้านหลังประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันสั่น OIS รองรับการโฟกัสภาพอัตโนมัติ เซ็นเซอร์ใช้เป็น Samsung HM6 รองรับการถ่ายวีดีโอ 4K ได้สูงสุดที่ 60FPS กล้องเสริมอีก 2 ตัวมีความละเอียด 2 ล้านพิกเซลทั้งคู่ ในขณะที่กล้องหน้ามีความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รองรับการโฟกัสแบบ Fixed Focus และถ่ายวีดีโอได้ที่ 2K @30FPS และ Full HD ได้ที่ 60FPS
โดยรวมแม้ว่าจะเป็นเกมมิ่งโฟนที่อาจไม่เน้นด้านการถ่ายภาพมากมาย แต่ Infinix GT 20 Pro 5G ก็ใช้ถ่ายภาพได้ดีไม่เลวครับ โดยเฉพาะกล้องหลัก 108MP ที่จับภาพได้ค่อนข้างไว โฟกัสภาพได้แม่นยำ ให้สีสันของภาพที่ดี พร้อมการปรับปรุงภาพด้วย AI ช่วยปรับซีนภาพให้เหมาะสมกับภาพที่ถ่าย ส่วนกล้องเสริมทั้งสองตัวก็พอถ่ายได้ขำๆ ครับ ลองชมภาพถ่ายจากสมาร์ตโฟนได้ด้านล่างนี้เลยครับ
บทสรุป
Infinix GT 20 Pro 5G เป็นสมาร์ตโฟนสำหรับการเล่นเกมที่น่าสนใจมากครับ เพราะได้ชิปเซ็ตค่อนข้างดีคุ้มค่ามากในราคานี้ โดยเฉพาะคนที่เป็นแฟนเกมอย่าง RoV จัดว่าน่าสนใจมากครับ เพราะการได้เล่นเกมโปรดในแบบ 120 FPS บอกเลยว่าเนียนตาสุดๆ ซึ่ง 60 FPS ก็ถือว่าแจ่มแล้ว แต่พอได้เล่น 120 FPS เรียกได้ว่าแทบจะติดจนกลับไปเล่นแบบเดิมไม่ได้เลย
ในส่วนของการใช้งานด้านต่างๆ ก็ถือว่าทำได้ค่อนข้างดี ลื่นไหล จอภาพแสดงผลได้อย่างสวยงาม คมชัด เล่นโซเชียลเน็ตเวิร์คได้ดี ทำงานก็โอเค รองรับ Multi-Tasking ที่ยอดเยี่ยม มีแบตค่อนข้างเยอะ ชาร์จไวพร้อมโหมด Bypass และซอฟท์แวร์ที่ดี รองรับการอัพเดต Android ใหญ่ 2 ปี และมีแพตความปลอดภัยอีก 3 ปี จัดว่าใช้คุ้มใช้กันได้ยาวๆ เลยครับ
ส่วนจุดสังเกตของรุ่นนี้ก็อาจเป็นในส่วนของการไม่รองรับ microSD Card ซึ่งหน่วยความจำ 256GB ที่ให้มาก็ถือว่าเยอะในระดับหนึ่งแล้วครับ ถ้าไม่เก็บหนังเก็บไฟล์เยอะๆ ก็ถือว่าเหลือๆ ส่วนอีกหนึ่งจุดคือการไม่มีพอร์ต 3.5 มม. ดังนั้นหากต้องการใช้หูฟังแบบมีสายก็ต้องเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB-C แทนนั่นเอง
โดยสรุปแล้ว Infinix GT 20 Pro 5G เหมาะกับคนที่มีงบประมาณหมื่นนิดๆ แต่ต้องการอุปกรณ์ที่เล่นเกมได้ในระดับสูง มีสเปคค่อนข้างคุ้มค่า ใช้งานได้ดีในเวลานาน กับราคาเปิดตัว 12,999 บาท จัดว่าหาตัวเทียบยากจริงๆ ครับ เกมเมอร์ที่สนใจแนะนำว่าไปหาลองจับเครื่องจริงกันได้ รับรองว่าใจบางกันแน่นอน
ทั้งนี้ Infinix GT 20 Pro 5G เปิดตัวพร้อมกับสามสีสันให้เลือก ได้แก่ Mecha Blue (ฟ้า) Mecha Orange (ส้ม) และ Mecha Silver (เงิน) ในราคา 12,999 บาท วางจำหน่ายแล้วผ่านช่องทาง Shopee, Lazada, TikTok Shop, BaNANA, Jaymart, IT City และ TG Fone
พิเศษ! สำหรับทุกการสั่งซื้อทุกช่องทาง จะได้รับฟรี Game Power Gift Boxset มูลค่า 1,599 บาท พร้อมหูฟัง TWS และ Phone Cooling Fan