เรียกว่าก้าวข้ามกระโดดจาก P10 Series ไป P20 Series เลยสำหรับสมาร์ทโฟน Huawei เรือธงรุ่นล่าสุดอย่าง Huawei P20 และ P20 Pro ที่ยังคงจุดเด่นเรื่องกล้องถ่ายภาพที่พัฒนาร่วมกับ Leica ผู้ผลิตกล้องชั้นนำระดับโลก
ซึ่งรุ่นที่นำมารีวิวคือ Huawei P20 Pro ที่มาพร้อมเทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพที่ก้าวล้ำไปอีกขั้นด้วยกล้องหลัง 3 ตัวเลนส์ Leica และรองรับ AI จน DxOMark สถาบันทดสอบกล้องถ่ายภาพชื่อดังของโลกได้ให้คะแนนที่สูงลิ่วถึง 109 คะแนน สูงกว่าสมาร์ทโฟนที่ DxOMark เคยทดสอบมาเลยทีเดียว ว่าแล้วเราไปดูรีวิวกันเลยดีกว่า
อุปกรณ์ในกล่อง
กล่องแพ็คเกจ Huawei P20 Pro เป็นกล่องกระดาษแข็งสีขาว ด้านหน้ากล่องสลักโลโก้ และชื่อรุ่นสีทอง โดยด้านล่างมีโลโก้ Leica สีแดง และตัวอักษร Triple Camera
เมื่อเปิดฝากล่องออกมาจะเห็นตัวเครื่องก่อน เมื่อหยิบเครื่องขึ้นมาก็จะเป็นกล่องที่บรรจุเข็มจิ้มซิมการ์ด และชั่นล่างสุดจะมีสายชาร์จไฟแบบ USB Type-C, หัวอะแด็ปเตอร์แบบชาร์จเร็ว SuperCharge, ชุดหูฟังที่เป็นพอร์ต USฺ Type-C และอะแดปเตอร์แปลงพอร์ต USB Type-C เป็นแจ็ค 3.5 มม.
รูปลักษณ์ดีไซน์
Huawei P20 Pro มาพร้อมดีไซน์ใหม่ที่ดูสวยล้ำ ใช้เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ 3D Curved Metal-Glass ด้วยกรอบโลหะผสานกระจกที่ด้านหน้า และด้านหลัง ด้วยขนาด 155 × 73.9 × 7.8 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 180 กรัม ที่กระทัดรัด สามารถจับถือใช้งานด้วยมือเดียวได้ถนัด แต่ด้วยความที่เป็นกระจก จึงอาจทำให้เกิดรอยนิ้วมือ และอาจลื่นหลุดจากมือได้ง่ายเช่นเดียวกัน แนะนำให้ใส่เคสเพื่อความปลอดภัย
ด้านหน้าเครื่อง ด้านบนสุดตรงกลางมีรอยบากสำหรับเป็นตำแหน่งของเลนส์กล้องดิจตอลความละเอียด 24 ล้านพิกเซล พร้อมไฟ LED แจ้งเตือนสถานะต่างๆ, เซ็นเซอร์ Proximity, เซ็นเซอร์ Ambient Light และช่องลำโพงสนทนา
ถัดลงมาเป็นหน้าจอแสดงผล FullView Display แบบ OLED ความละเอียด FHD+ 2240 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.1 นิ้ว ในอัตราส่วน 18.7:9 และตรงกลางด้านล่างด้านล่างมีปปุ่ม Home Edgeless Fingerprint แบบใหม่ ที่ใช้งานแบบ Smart Navigation พร้อมติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ในตัว
พลิกมาด้านหลังมาพร้อมขอบโค้งมน โดยมีเลนส์กล้องดิจิตอล 3 ตัว Triple Camera ความละเอียด 40+20+8 ล้านพิกเซล และมีไฟแฟลชคู่ Dual Tone LED อยู่ถัดลงมา ตามด้วยโลโก้ Leica และข้อมูล และมีโลโก้ Huawei ที่ถูกวางเรียงลงมาในแนวตั้งทั้งหมด
ด้านซ้ายข้างเครื่องมีช่องสำหรับใส่ SIM card โดยรองรับ 2 SIM แบบ Nano SIM และไม่มีช่องใส่ microSD Card
ด้านขวาข้างเครื่องมีปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง กับปุ่ม Power สำหรับเปิดและปิดเครื่อง
ด้านบนเครื่องมีแถบเส้นเสาอากาศ 2 เส้น พร้อมพอร์ตอินฟราเรด และไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับการตัดเสียงรบกวนขณะสนทนา
ด้านล่างเครื่องมีแถบเส้นเสาอากาศ 2 เส้น, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา, พอร์ต USV Type-C และช่องลำโพงเสียง
สเปก Huawei P20 Pro
ขนาด | 155 x 73.9 x 7.8 มิลลิเมตร |
น้ำหนัก | 180 กรัม |
หน้าจอ | OLED FullView Display ความละเอียด FHD+ 2240 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.1 นิ้ว |
หน่วยประมวลผล | ชิปเซ็ท Huawei Hisilicon Kirin 970, ซีพียู Octa-core ความเร็ว 2.36GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G72 MP12 |
RAM | 6GB |
หน่วยความจำภายในเครื่อง | 128GB |
microSD Card | – |
กล้องถ่ายภาพ | กล้องด้านหลัง 3 ตัว (Triple-Camera) ความละเอียด 40+20+8 ล้านพิกเซล โดยมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.8+F/1.6+F/2.4 พร้อมฟีเจอร์ Super Slow Motion 960fps และเทคโนโลยี Huawei AIS (AI Image Stabilization) ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0 |
ระบบปฏิบัติการ | Android 8.1 Oreo ครอบทับด้วย EMUI 8.1 |
เชื่อมต่อ | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, WiFi Direct, hotspot, Bluetooth 4.2, NFC, Infrared Port, USB Type-C |
รองรับระบบ | 4G LTE band 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 12, 17, 18, 19, 20, 26, 28, 32, 34, 38, 39,40 และ 3G 850/900/2100 MHz ( 4G และ 3G ทุกเครือข่ายในไทย) |
แบตเตอรี่ | 4,000 mAh รองรับระบบ SuperCharge |
ราคา | 27,990 บาท |
คุณสมบัติการใช้งาน
Huawei P20 Pro รันบนระบบปฏิบัตการ Android 8.1 Oreo ครอบทับด้วย EMUI 8.1 มาตั้งแต่แกะกล่อง ใช้งานง่ายและลื่นไหล โดยหน้าจอหลักมาพร้อมไอคอนแอปที่โค้งมน และมีสีสันสดใส ถ้ากดค้างที่หน้าจอโฮมสกรีนจะเข้าสู่การปรับแต่งหน้าจอ สามารถเลือกปรับแต่งธีม และภาพพื้นหลังได้ตามใจชอบ และเลือกใช้งาน Widget ที่ต้องการได้
เมื่อปัดนิ้วจากด้านบนลงมาจะเป็นส่วนแจ้งเตือน Notification และถ้าปัดนิ้วลงมาอีกครั้งจะเป็นการเปิดเมนู Quick Setting ทั้งหมด นอกจากนี้ยีงสามารถแบ่งปรับรูปแบบของหน้าหลักให้มีหรือไม่มี App Drawer ก็ได้ (ค่าเริ่มต้นไม่มี) โดยเข้าไปตั้งค่าได้จาก Settings > Display > Home Screen Style > Drawer
Huawei P20 Pro มาพร้อมจอที่มีรอยบาก (์Notch) ตรงกลางด้านบนของหน้าจอ แต่ถ้าใครไม่ชอบอยากได้จอแบบปกติก็สามารถทำได้ โดยเข้าไปที่เมนุ Settings > Display > Notch > แล้วเลือกเปิด หรือซ่อนได้ เมื่อซ่อนแถบด้านบนหน้าจอที่เป็นรอยบากก็จะหายไป เหมือนสมาร์ทโฟนทั่วๆ ไปทันที
เลือกปรับเปลี่ยนธีมหน้าจอได้ตามใจชอบด้วยแอปธีม ที่มีให้เลือกใช้งานอย่างหลากหลาย โดยมีทั้งแบบฟรี และแบบจ่ายเงิน
รองรับเทคโนโลยี Dual 4G Dual VoLTE สามารถใช้งาน 4G ได้พร้อมกันทั้งซิมหนึ่ง และซิมสอง
มาพร้อมแอป Phone Manager ที่ช่วยดูแลจัดการตัวเครื่องด้วยการ Cleanup ข้อมูลการใช้งานต่างๆ และ Optimize ตัวเครื่องให้ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอยู่ตลอดเวลา
จัดการไฟล์ต่างๆ ในเครื่องผ่านแอปพลิเคชัน Files
Huawei P20 Pro มาพร้อมกับหน้าจอ FullView Display สามารถตั้งแค่าแอปพลิเคชั่นให้แสดงผลแบบเต็มจอในอัตราส่วน 18:9 ได้ แต่บางแอปอาจจะยังไม่รองรับ
ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนปุ่มโฮม สามารถใช้นิ้วสแกนเพื่อปลดล็อคตัวเครื่องได้อย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่วินาที นอกจากนี้ยังใช้เป็นปุ่มควบคุมได้อีกด้วย
รองรับการปลดล็อคด้วยใบหน้าที่เมื่อตั้งค่าแล้วสามารถปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว เมื่อกดปุ่มเปิดปิดเครื่องแล้วมองไปที่เซ็นเซอร์หน้าจอเพียงไม่กี่วินาที
สามารถย้ายข้อมูลจากเครื่องเดิม มาเครื่องใหม่นี้ได้ด้วยแอปพลิเคชัน Phone Clone
เปิดใข้งาน 2 หน้าจอกับแอปพลิเคชั่นชั่นที่รองรับ สำหรับการใช้งาน 2 หน้าจอทำได้โดยการกดที่ปุ่มแอปก่อนหน้า จากนั้นแอปไหนที่ใช้งานได้ที่แถบด้านบนจะมีสี่เหลี่ยมซ้อนกัน 2 อัน นอกจากนี้ ยังสามารถปรับขนาดได้ตามที่ต้องการ
รองรับการกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67 สามารถกันได้แบบโดนน้ำ หรือฝุ่นกระเด็นแบบไม่ได้ตั้งใจ
มาพร้อมระบบเสียง Dolby Atmos ที่แสดงผลเสียงได้สมจริง และคมชัด โดยผู้ใช้สามารถเลือกปรับแต่งได้ 3 แบบ คือ Smart, Film และ Music และถ้าเลือกโหมด Music ก็จะมีเมนูปรับ Equaliser เพิ่มมาด้วย (ต้องเสียบชุดหูฟังจึงจะใช้งานได้เท่านั้น)
ติดตั้งพอร์ตอินฟราเรด สำหรับใช้งานเป็นรีโมทควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ภายในบ้าน
แอป Translator โดยทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AI ที่หัวเหว่ยร่วมกับ Microsoft รองรับการแปลภาษาแม้ออฟไลน์อยู่ได้ถึง 50 ภาษา โดยใช้งานแปลได้จากทั้งรูป เสียง และตัวอักษร และรองรับการใช้งานแปลภาษาไทยได้
คุณสมบัติอื่นๆ ก็มีมาให้อย่างครบถ้วน
ด้านการถ่ายภาพ
Huawei P20 Pro มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว Trรple Camera พร้อมไฟแฟลชคู่ Dual Tone LED โดยใช้เลนส์ Leica รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมระบบซูมแบบออพติคัลจาก Leica ที่มาก 3 เท่า (VARIO-SUMMILUX-H 1:1.6-2.4/27-80ASPH) และระบบซูมแบบไฮบริดถึง 5 เท่า สำหรับการถ่ายภาพระยะไกล
โดยแบ่งเป็นกล้องหลักแบบสี RGB ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8, กล้อง Monochrone สำหรับถ่ายภาพขาวดำ ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.6 และกล้อง Telephoto ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สำหรับถ่ายภาพระยะไกล ซูมแบบออฟติคอลได้ 3 เท่า และรูรับแสง f/2.4
รวมทั้งรองรับการซูมแบบไฮบริดได้ถึง 5 เท่า สำหรับการถ่ายภาพระยะไกล แบบไม่สูญเสียรายละเอียด โดยจะต้องปรับกล้องให้เลือกใช้ความละเอียด 10 ล้านพิกเซลถึงใช้งานได้ สำหรับภาพที่ได้จากการซูมก็มีความคมชัด รายละเอียดต่างๆ ไม่ผิดเพี้ยน ถือว่าทำได้ดี
นอกจากนี้ยังรองรับฟีเจอร์การบันทึกวิดีโอแบบ Super Slow Motion 960fps และด้วยเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/1.7 นิ้ว (ประมาณ 7.76 x 5.82 มม.) ช่วยให้สามารถบันทึกภาพในสภาพแสงน้อยได้ถึงระดับ ISO 102400 รวมถึงเทคโนโลยี Huawei AIS (AI Image Stabilization) สำหรับป้องกันภาพสั่นไหวที่พัฒนาขึ้นเองอีกด้วย
ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 พร้อมเทคโนโลยี AI ที่จะช่วยแต่งภาพให้สวย และเทคโนโลยี 3D Portrait Lighting ช่วยให้ถ่ายเซลฟี่ได้สวยเป็นธรรมชาติ เก็บรายละเอียดได้ครบถ้วน และถูกต้องตามองค์ประกอบแบบ 3 มิติ
ตัวอย่างภาพจากกล้อง
ประสิทธิภาพ
Huawei P20 Pro ใข้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.4GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Hisilicon Kirin 970 พร้อมหน่วยประมวลผลพิเศษ Neural Processing Unit (NPU) สำหรับประมวลผล AI เพื่อให้ประสบการณ์สื่อสารที่รวดเร็วทันใจ และยังทำให้การทำงานของสมาร์ทโฟนของคุณคงความเร็วอยู่แม้จะผ่านไป 18 เดือน
พร้อมตอบสนองความต้องการเฉพาะของผู้ใช้แต่ละคนยิ่งขึ้นด้วยระบบ Machine Learning, หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G72 MP12, RAM 6GB และหน่วยความจำภายในเครื่องขนาด 128GB
หลังจากที่ได้ลองทดสอบโดยใช้งานปกติทั่วไปปรากฏว่า สามารถใช้งานได้อย่างไหลลื่นไม่มีสะดุด พร้อมเปิดแอปหลายๆ ตัวพร้อมกันได้ และตอบสนองการใช้งานเป็นอย่างดี ส่วนการเล่นเกมได้ลองกับเกม Marvel Future Fight และเกม PUBG Mobile ที่มีภาพกราฟิกสูงแบบสามมิติ สามารถเล่นได้อย่างไหลลื่น ไม่มีอาการหน่วง หรือกระตุกให้เห็น และเล่นนานๆ เครื่องก็ไม่มีอาการร้อนอีกด้วย โดยรวมแล้วถือว่าสอบผ่าน
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ Huawei P20 Pro ผ่านแอป Antutu
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ Huawei P20 Pro ผ่านแอป Geekbench 4
แบตเตอรี่
แบตเตอรี่ที่ใช้กับเครื่องรุ่นนี้มีขนาดใหญ่ถึง 4,000 mAh โดยมาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงที่มีชื่อว่า Huawei SuperCharge ซึ่งนอกจากจะชาร์จได้อย่างรวดเร็วแล้ว ก็ยังมั่นใจเรื่องความปลอดภัยได้อย่างเต็มที่ สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ 58% ภายในเวลาเพียง 30 นาที
นอกจากนี้ยังมีโหมดประหยัดพลังงานให้เลือกใช้ 2 รูปแบบ คือ Power Saving Mode กับ Ultra Power Saving Mode หรือเราจะปรับลดความละเอียดของการแสดงผลลงมาเป็นที่ระดับ HD+ (1440×710 พิกเซล) เพื่อให้ประหยัดพลังง
หลังจากที่ได้ทำการทดสอบโดยใช้งานต่อเนื่องใน 1 วันปรากฏว่าสามารถใช้งานแบบหนักๆ ได้มากกว่า 1 วัน และสามารถใช้งานแบบทั่วๆ ไปได้ราว 2 วัน บวกกับระบบจัดการพลังงานที่ชาญฉลาด และระดับการบริโภคพลังงานที่ต่ำของชิปเซ็ต Kirin 970 จึงช่วยให้ประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานนั้นอยู่ในระดับสูงสุด โดยรวมแล้วถือว่าดีเยี่ยมเลย
บทสรุป
Huawei P20 Pro ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของ Huawei และรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัวที่พัฒนาร่วมกับ Leica และมาพร้อมเทคโนโลยี AI ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายภาพได้มากขึ้น
นอกจากนี้ยังใช้ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Metal-Glass ที่ครอบทับด้วยกระจกทั้งด้านหน้า และด้านหลัง พร้อมขอบหน้าจอที่บางลง และสีสันสวยสะดุดตาที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใครในรูปแบบของการไล่เฉดสีอย่างมีมิติ ทำให้ Huawei P20 Pro ดูหรูหราพรีเมียมขึ้นเป็นอย่างมาก รวมทั้งครบเครื่องเรื่องฟังก์ชั่นใช้งานต่างๆ อย่างครบถ้วน พร้อมสเปกระดับไฮเอนด์
ทั้งนี้ Huawei P20 Pro ที่วางจำหน่ายในบ้านเรามีให้เลือก 3 สีคือ Black, Midnight Blue และ Twilight ในราคา 27,990 บาท ผู้ที่สนใจสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ที่ หัวเว่ยแบรนด์ช้อป และร้านตั
คลิกช้อปสมาร์ทโฟน Huawei ได้ที่นี่ >>>