ด้านการถ่ายภาพ
กล้องหลัง 4 ตัว AI Quad Camera 48MP
HONOR X7 ติดตั้งกล้อง 4 ตัว พร้อมไฟแฟลชคู่ LED ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 และระบบ PDAF
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- กล้องตัวที่ 4 เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
ส่วนโหมดถ่ายภาพนั้นมีให้เลือกทั้งโหมดปกติ, ภาพบุคคล (Portrait), โหมดกลางคืน, โหมดรูรับแสง, โหมดวิดีโอ, โหมด HDR, โหมดซุปเปอร์มาโคร, โหมดเรื่องราว, โหมด Panorama, โหมดสติ๊กเกอร์, โหมดความละเอียดสูง, โหมดมือโปร, โหมดหน่วงเวลา และโหมดมุมมองคู่ นอกจากนี้ด้านบนของ UI กล้องยังมีโหมด Honor Lens, เปิด/ปิดโหมด AI, เปิด/ปิดแฟลช, เลือกฟิลเตอร์ และต่างค่าต่างๆ
ตัวอย่างภาพจากกล้อง
โหมดปกติ
โหมด Portriat
โหมดฟิลเตอร์
โหมดฟิลเตอร์ จะมีฟิลเตอร์ให้เลือกมากมาย เช่น Sentimental, Impact, Valencia, Blue, Halo, Nostalgia, Dawn เป็นต้น
มาดูภาพจากกล้องหลังกันบ้าง
กล้องหน้า 8MP
ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 พร้อมเทคโนโลยี AI Beauty และมีฟิลเตอร์ให้เลือก 8 แบบ พร้อมโหมด Portrait ที่มีฟีเจอร์ Beauty และ Bokeh ที่ช่วยให้ภาพถ่ายเซลฟี่ออกมาสวยงามโดดเด่น
นอกจากนี้โหมด Video ก็มีฟีเจอร์ Beauty ด้วยเช่นเดียวกัน โดยรองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุด Full HD 1080p ที่อัตรา 30 เฟรมต่อวินาที และด้วยโหมด Dual-View ก็ช่วยให้เปิดใช้งานกล้องหน้าและกล้องหลังพร้อมกัน โดยเลือกแบ่งหน้าจอออกเป็น 2 หน้าต่าง หรือเลือกมุมมองแบบซ้อนหน้าต่างได้
ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า
โหมดปกติ
โหมด Portrait
โหมดฟิลเตอร์
ด้านบันเทิง
HONOR X7 มาพร้อมหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 6.74 นิ้ว ทำให้รับชมความบันเทิงได้อย่างเต็มอรรถรส รวมถึงรองรับฟีเจอร์ HONOR Histen สำหรับหูฟังโดยเฉพาะ ซึ่งช่วยเพิ่มเอฟเฟกต์เสียงแบบต่างๆ ให้มีมิติและสมจริงยิ่งขึ้น โดยเราสามารถตั้งค่าให้เหมาะสมกับประเภทของหูฟังที่ใช้อยู่ ได้แก่หูฟังแบบ In-Ear, แบบ Earbuds และหูฟังแบบ Headset
แบตเตอรี่
แบตเตอรี่ที่ใช้กับเครื่องรุ่นนี้มีขนาด 5,000 mAh สามารถเล่นวิดีโอออนไลน์ได้นานสูงสุด 20 ชั่วโมง หรือโทรคุยได้นานต่อเนื่อง 49 ชั่วโมง และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 22.5W HONOR SuperCharge โดยใช้เวลาชาร์จเพียง 10 นาที ก็เพียงพอต่อการเล่นเกมนาน 2 ชั่วโมง หรือชาร์จเพียง 30 นาที ก็รองรับการชมซีรีส์จบซีซัน หรือ 10 ตอน
รวมทั้งมีโหมดเพิ่มประสิทธิภาพที่ปรับการตั้งค่าให้เหมาะสมกับการใช้งาน และโหมดประหยัดพลังงานที่ช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานขึ้น หลังจากที่ได้ทำการทดสอบโดยใช้งานต่อเนื่องใน 1 วันปรากฏว่าสามารถใช้งานแบบหนักๆ ได้ภายใน 1 วันแบบสบายๆ โดยรวมแล้วถือว่าดีเยี่ยมเลย
บทสรุป
โดยรวมแล้ว HONOR X7 ถือเป็นสมาร์ตโฟนราคาสุดคุ้มที่มาพร้อมสเปกครบครันทั้งหน้าจอ HONOR FullView Display ขนาดใหญ่ 6.74 นิ้ว รับชมคอนเทนต์ต่างๆ ได้อย่างเต็มตา และยังลื่นไหลด้วยอัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 90Hz ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ท Snapdragon 680 6nm ที่เร็วแรง รองรับ HONOR RAM Turbo ขยายความจำ RAM ได้อีก 2GB ทำให้ HONOR X7 ทรงพลัง เร็วและประหยัดพลังงาน
นอกจากนี้ยังติดตั้งกล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียด 48+5+2+2 ล้านพิกเซล คมชัดทุกระยะ บวกกับกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่ถ่ายสวยทั้งกล้องหน้าและหลัง รวมทั้งรองรับ Google Mobile Services (GMS) เต็มรูปแบบ ปิดท้ายด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh ใช้งานได้นาน ไม่ต้องชาร์จบ่อยๆ และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว HONOR SuperCharge 22.5W เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่เน้นความคุ้มค่า
ทั้งนี้ HONOR X7 (4+128GB) มีให้เลือก 3 สีคือ Midnight Black, Ocean Blue และ Titanium Silver โดยเปิดตัวในราคา 6,299 บาท เริ่มวางจำหน่ายวันแรกในวันที่ 27 กรกฎาคม 2565
โปรโมชั่นสุดพิเศษ เมื่อจอง HONOR X9, HONOR X8 และ HONOR X7 ล่วงหน้า ผ่านตัวแทนจำหน่ายทางออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม ถึง 26 กรกฎาคม 2565 พร้อมรับสิทธิประโยชน์ มูลค่ารวมสูงสุด 5,499 บาท
- เมื่อจอง HONOR X9 รับฟรี สายเชื่อมต่อ S-GEAR HDMI+PD+VGA+USB Converter มูลค่า 899 บาท
- เมื่อจอง HONOR X8 หรือ HONOR X7 รับฟรี สายชาร์จ S-GEAR Cable 3-in-1 มูลค่า 359 บาท
โดยไม่ว่าจะจอง HONOR X Series รุ่นใด ก็มั่นใจได้กับคุณภาพเต็มเปี่ยมกับ HONOR X Privilege Card ด้วยสิทธิประโยชน์มูลค่า 4,600 บาท ซึ่งประกอบด้วยประกันหน้าจอแตกคุ้มครอง 90 วัน และ สิทธิรับการซ่อมบำรุง โดยไม่เสียค่าบริการเป็นเวลา 2 ปี และสามารถรับเครื่อง HONOR X Series ได้ตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป