รีวิว Baseus Bass 15 Clip หูฟังไร้สายแบบคลิป สวมใส่ได้นานไม่เจ็บหู

Baseus (เบซุส) แบรนด์สมาร์ทแกดเจ็ตชั้นนำ โดยนำเสนอเทคโนโลยี “ใช้งานง่าย มั่นใจได้ ใส่ใจคุณ” ซึ่งเปรียบเสมือนแอคเซสเซอรี่ ที่เสริมลุคและตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ได้อย่างโดดเด่น ทันสมัย และไม่ซ้ำใคร

โดยครั้งนี้ทาง MobileOcta ได้ Baseus Bass 15 Clip Open-Ear True Wireless Earphones หูฟังไร้สายแบบคลิป ดีไซน์สปอร์ต สวยเท่ สวมใส่สบาย ในราคาเบา ๆ มารีวิว ไปติดตามกันเลยครับ

สเปกเบื้องต้น Baseus Bass 15 Clip

ขนาดสินค้ารวมบรรจุภัณฑ์ : (ก x ย x ส) 3.9×8.6×13.1 ซม.
น้ำหนักรวมบรรจุภัณฑ์ : 0.1 กก.
วัสดุ : ABS + PC
เวอร์ชันบลูทูธ : V5.4
ระยะการสื่อสาร : ประมาณ 10 ม
เหมาะสำหรับ : เข้ากันได้กับอุปกรณ์ไร้สายส่วนใหญ่
เวลาเล่นเพลง : ประมาณ 7-8 ชั่วโมง
เวลาเล่นเพลงพร้อมเคสชาร์จ : ประมาณ 28-30 ชั่วโมง
เวลาในการชาร์จ : ประมาณ 1.5-2 ชั่วโมง
อินพุตหูฟังพิกัด : DC5V = 80mA
เคสชาร์จสำหรับชาร์จอินพุตพิกัด : DC5V = 330mA
พอร์ตชาร์จ : USB-C
ความจุแบตเตอรี่ : 40mAh / 0.148Wh (เอียร์บัด)
400mAh / 1.48Wh (เคสสำหรับชาร์จ)
ช่วงตอบสนองความถี่ : 20Hz-20kHz
ราคา 1,699 บาท

อุปกรณ์ภายในกล่อง

หูฟังไร้สาย Baseus Bass 15 Clip
สายเคเบิล USB-A to C
สติกเกอร์ Baseus
เอกสารคู่มือและใบรับประกัน

รูปลักษณ์ดีไซน์

เริ่มจากตัวเคสชาร์จจะมาในทรงวงรีที่มีตัดเหลี่ยมบน-ล่างไว้เพื่อให้วางตั้งได้ วัสดุของเคสจะเป็นพลาสติกแบบด้าน ช่วยในการหยิบถือใช้งานได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องกลัวเรื่องเลอะคราบรอยนิ้วมือแบบผิวสัมผัสมันวาว

ด้านบนของเคสชาร์จมีโลโก้ Baseus วางเด่นเห็นชัด

ด้านหลังมีพอร์ตชาร์จแบบ USB-C ซึ่งด้านในเป็นสีเหลืองที่เป็นสีของแบรนด์ Baseus ด้วย

เมื่อเปิดเคสชาร์จขึ้นมาจะเห็นวง ๆ 2 วงของหูฟัง Over Ear รูปทรง “หนีบ” ตามชื่อรุ่นที่มี “Clip” ตามท้าย

ซึ่งตัวหูฟังทรงนี้ดีไซน์มาเพื่อให้สวมใส่ได้สบาย ไม่เจ็บหู เพราะจะไม่ได้ยัดเข้าไปในหูแบบหูฟัง EarBuds หรือ In-Ear เพียงแค่คล้องไปที่ใบหูเท่านั้น

ที่ตัวหูฟังยังมีส่วนที่เป็นลำโพงซึ่งเป็นฝั่งเดียวกับที่มีไฟสถานะอยู่ ส่วนอีกฝั่งจะมีตัวอักษร L กับ R เพื่อบ่งบอกข้างของหูฟัง

วิธีการใส่ Baseus Bass 15 Clip นี้ให้เอาด้านลำโพงเข้าหูและให้ฝั่งที่ระบุตัวอักษร L R อยู่หลังหู โดยอาจปรับองศาเมื่อหนีบเข้ากับใบหูนิดหน่อย เพื่อให้มั่นคงและมอบเสียงที่ชัดเจน

ในส่วนของน้ำหนักหูฟังมีน้ำหนักเบาแค่ข้างละ 4.6 กรัม และด้วยดีไซน์แบบนี้ทำให้สามารถใส่ติดหูได้ตลอดทั้งวันแบบไม่ต้องกลัวเจ็บหู และตัวหูฟังยังรองรับมาตรฐานทนละอองน้ำ IPX4 อีกด้วย เรียกว่าใส่นาน ๆ เหงื่อออกมาก็ไม่ต้องกังวล

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ Baseus Bass 15 Clip แล้วถือว่าออกแบบมาได้ดีเลย เป็นหูฟังดีไซน์ Open Ear แบบหนีบที่เบาและเหมาะกับคนที่ไม่ชอบยัดอะไรเข้าไปในหู แถมสวมใส่สบาย ใส่นาน ๆ ไม่เจ็บหู ดูดีทั้งแนวสปอร์ต และแฟชั่นเลยทีเดียว

คุณสมบัติการใช้งาน

การเชื่อมต่อของ Baseus Bass 15 Clip ก็เหมือนหูฟัง TWS ทั่วไป เพียงแค่เปิดฝาเคส หยิบหูฟังออกมาก็พร้อมจับคู่ผ่านการตั้งค่า Bluetooth ได้เลย แถมยังรองรับ Bluetooth 5.4 ตัวใหม่อีกด้วย ทำให้การเชื่อมต่อเสถียร และประหยัดพลังงาน

ด้านคุณภาพเสียงของ Baseus Bass 15 Clip มาพร้อมไดรเวอร์ขนาด 10มม. ถือว่าให้เสียงกลาง มีเบสบ้างเล็กน้อย ด้วยความที่เป็นทรงหูฟังแบบ Open Ear ก็อาจจะไม่ได้เสียงที่แน่นเต็มหูไปเกือบทั้งหมด เพราะอย่างที่บอกว่าข้อดีคือความสวมใส่สบายแบบไม่อึดอัด

แม้ว่าจะเน้นสวมใส่สบาย แต่ในเรื่องความปลอดภัยก็ไม่ต้องกังวลว่าเสียงคอนเทนต์หรือสายสนทนาจะดังลั่นไปถึงคนรอบข้าง เพราะหูฟังไร้สายรุ่นนี้มีเทคโนโลยี Baseus Directional Acoustic ที่ส่งเสียงตรงเข้ากับหูของผู้ใส่ ไม่ดังออกไปกวนใจคนอื่นแน่นอน

ด้านการสนทนาก็จะมีระบบตัดเสียงรบกวนขณะโทรหรือ Dual-Mic ENC ที่ใช้ความสามารถของไมโครโฟนคู่ตัดเสียงรบกวนได้สูงสุด 3dB ให้เราได้สนทนากันอย่างคมชัดยิ่งขึ้นนั่นเอง

แบตเตอรี่

แบตเตอรี่ Baseus Bass 15 Clip สามารถใช้งานได้นานต่อเนื่องสูงสุด 30 ชั่วโมงเมื่อใช้ร่วมกับเคสชาร์จ โดยตัวหูฟังเองสามารถใช้งานได้นานต่อเนื่องถึง 7 ชั่งโมงต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง และตัวเคสก็ยังมีแบตเตอรี่มากพอคอยเติมพลังให้หูฟังอีกหลายรอบด้วย

บทสรุป

Baseus Bass 15 Clip ถือเป็นอีกตัวเลือกหูฟังไร้สายที่เหมาะกับสายใช้งานตลอดเวลาที่ต้องการความเบาและสบายหูเมื่อสวมใส่ เพราะด้วยดีไซน์แบบ Open Ear ที่ไม่ได้ยัดเข้าไปที่ตัวหูจริง ๆ แค่หนีบไว้ที่บริเวณใบหูเท่านั้น และมีน้ำหนักเบาเพียง 4.6 กรัมต่อข้าง ด้านฟีเจอร์อื่น ๆ ก็มีมาเพียงพอต่อการใช้งาน คุณภาพการฟังเพลง กับสนทนาก็สมราคาด้วย

ทั้งนี้ Baseus Bass 15 Clip ราคา 1,699 บาท มีให้เลือก 2 สีคือ สีดำ และสีขาว สัมผัสและทดลองสินค้า Baseus ที่ช็อป AIS telewiz, True dtac ร้านค้าชั้นนำอย่าง BaNANA IT, BeBePhone, Jaymart, Power Mall, Srisook telecom, Stamp Group, Studio7, TG Fone

และตัวแทนจำหน่ายดีลเลอร์ทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางอีคอมเมิร์ซ