ด้วยกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยมของ The Freestyle โปรเจคเตอร์พกพาพร้อมสมาร์ททีวีฟีเจอร์จากซัมซุง จนทำให้กลายเป็นไอเท็มฮิตครองใจคนรุ่นใหม่ทั่วโลกอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะในแถบอเมริกาเหนือ ลาตินอเมริกา เกาหลีใต้ รวมถึงประเทศไทย ล้วนมีจุดเริ่มต้นจากการที่ทีมพัฒนาของซัมซุงได้ศึกษาไลฟ์สไตล์ และนำความคิดเห็นจากชาวมิลเลนเนียลและซูมเมอร์ (Gen Z) มาปรับใช้ตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการออกแบบ
ออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่จากเทรนด์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป
ทีมนักพัฒนาของซัมซุงเผยว่า พวกเขาได้ศึกษาเทรนด์พฤติกรรมของชาวมิลเลนเนียลและซูมเมอร์ ซึ่งเป็นเจเนอเรชันที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น มีแพสชันในการค้นหาตนเองผ่านไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างและกล้าที่จะแสดงความเป็นตัวเองออกมา ในด้านการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ พวกเขาให้ความสำคัญอย่างมากกับเรื่องความคล่องตัว รวมถึงมู้ดและสไตล์ที่เติมเต็มการใช้งาน ซึ่งซัมซุงได้นำข้อมูลเหล่านี้มาเป็นจุดเริ่มต้นของการออกแบบและพัฒนา The Freestyle
ในขณะเดียวกัน ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปในช่วงสถานการณ์โรคระบาด Covid-19 ก็เป็นหนึ่งในที่มาของการออกแบบ The Freestyle ด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อผู้คนใช้เวลาส่วนใหญ่ที่บ้านมากขึ้น จากที่เคยเป็นเพียงพื้นที่พักผ่อนอยู่อาศัยก็กลายเป็นสถานที่สำหรับกิจกรรมเอนเตอร์เทนเมนท์ต่างๆ ด้วย อีกทั้งกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น แคมปิ้ง ก็ได้รับความนิยมมากขึ้น จึงเกิดเป็นคอนเซ็ปต์ของ ‘หน้าจอไร้ขอบขนาดพกพาที่สามารถพกติดตัวไปด้วยได้ทุกที่’
ประสบการณ์รับชมทีวีที่แปลกใหม่ และสนุกยิ่งขึ้น
หากจะให้นิยามว่า The Freestyle คืออะไรในคำเดียวคงเป็นเรื่องยาก เพราะอุปกรณ์เครื่องนี้คือเทคโนโลยีใหม่อย่างสิ้นเชิง ไม่เคยมีรุ่นตัวอย่างมาก่อน เห็นได้จากการที่บางคนใช้ The Freestyle เป็นหน้าจอ ในขณะที่บางคนใช้เป็นเอฟเฟกต์ไฟสร้างบรรยากาศ หรือในบางสถานการณ์อาจใช้เป็นแผ่นป้ายดิจิทัลก็ได้เช่นกัน ซึ่งรูปแบบการใช้งานและวัตถุประสงค์ที่หลากหลายไร้ข้อจำกัดนี้ได้สะท้อนผ่านชื่อผลิตภัณฑ์ ที่ผู้ใช้สามารถประยุกต์ได้ตามไลฟ์สไตล์ของตัวเองอย่าง ’ฟรีสไตล์’ นั่นเอง
และเมื่อถามถึงเหตุผลว่าอะไรที่ทำให้ The Freestyle ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทีมผู้เชี่ยวชาญทุกคนได้ลงความเห็นตรงกันว่า เพราะเป็นอุปกรณ์ผสมผสานประสบการณ์ใช้งานที่ออกแบบเองได้เข้ากับประสบการณ์ของสมาร์ททีวี ซึ่งผู้ใช้สามารถสตรีมคอนเทนต์บนแอปพลิเคชัน OTT มากมายจากพาร์ทเนอร์ชั้นนำในตัว รวมถึงการแคสต์และมิเรอร์หน้าจอจากสมาร์ทโฟนก็เป็นเรื่องง่าย เพราะรองรับทั้งระบบ Android และ iOS
สะท้อนความชอบของผู้ใช้เจเนอเรชันใหม่อย่างแท้จริง
เนื่องจาก The Freestyle เป็นผลิตภัณฑ์ที่คิดค้นขึ้นใหม่อย่างสิ้นเชิง จึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับการออกแบบทิศทางและฟีเจอร์จากศูนย์ ซึ่งเมื่อทีมพัฒนาต้องเจอกับอุปสรรคระหว่างทาง สิ่งที่ช่วยพวกเขาได้มากที่สุดก็คือไอเดียจากเพื่อนร่วมงานในช่วงวัย 20-30 ปี ที่ช่วยกันระดมความคิดและแบ่งปันบน community board
ซึ่งในช่วงแรกของการออกแบบผลิตภัณฑ์ คอนเซ็ปต์หลักของ The Freestyle จะเน้นไปที่การดูคอนเทนต์ผ่านโปรเจคเตอร์ แต่เมื่อได้เห็นข้อเสนอแนะจากกลุ่มมิลเลนเนียลและซูมเมอร์ว่า หากสามารถใช้ The Freestyle เป็นอุปกรณ์สร้างบรรยากาศปรับมู้ดภายในห้องของพวกเขาได้คงจะเป็นเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อย นี่จึงเป็นที่มาของฟีเจอร์ Ambient Mode ใน The Freestyle นั่นเอง เช่นเดียวกับลำโพงคุณภาพสูงที่ได้แรงบันดาลใจมาจากความคิดเห็นบน community board ว่าประสิทธิภาพของลำโพงก็เป็นส่วนที่ผู้ใช้รุ่นใหม่ให้ความสำคัญอย่างมากเช่นกัน
ทลายทุกข้อจำกัดด้วยความกะทัดรัดและฟีเจอร์ครบครัน
เพราะคอนเซ็ปต์ของ The Freestyle นั้นจำเป็นต้องใช้งานสะดวกและง่าย จึงถูกออกแบบให้มีขนาดเล็กกะทัดรัดพอที่จะใส่กระเป๋าถือได้และมีน้ำหนักเบาเพียง 830 กรัม พร้อมทั้งยังแตกต่างจากโปรเจคเตอร์ทั่วไป เพราะ The Freestyle ใช้งานง่ายด้วยฟีเจอร์ Auto Keystone สามารถปรับภาพและโฟกัสได้โดยอัตโนมัติ รวมถึงปรับระดับหน้าจอให้ขนานกับพื้นผิวแม้ตำแหน่งการวางเครื่องจะเอียงก็ตาม นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Scale & Move ให้ผู้ใช้เลือกปรับขนาดจอและเลื่อนตำแหน่งภาพที่ต้องการได้โดยไม่ต้องคอยขยับโปรเจคเตอร์เอง รวมถึงฟังก์ชัน Smart Calibration ปรับโทนสีของภาพให้ดูสมจริงยิ่งขึ้นแม้ไม่ใช่ผนังหรือพื้นผิวสีขาวก็ตาม ในขณะเดียวกัน The Freestyle ยังมอบคุณภาพที่คมชัดระดับ Full HD และมาในหน้าจอขนาดใหญ่สูงสุดถึง 100 นิ้ว มอบประสบการณ์เต็มอื่มเสมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์
อุปกรณ์อเนกประสงค์ ใช้งานได้ตามความต้องการทุกที่ทุกเวลา
ทีมผู้เชี่ยวชาญของซัมซุงกล่าวว่า อุปกรณ์เครื่องนี้ได้ปลดล็อครูปแบบการใช้งานที่หลากหลาย พร้อมยกตัวอย่างในแบบฉบับของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็น การใช้ The Freestyle เป็นลำโพงคุณภาพสูงเพื่อฟังเพลงไปพร้อมกับฉายภาพปกอัลบั้มศิลปิน หรือฉายวิดีโอท้องฟ้ายามค่ำคืนไปบนเพดานเหนือเตียงและใช้คำสั่งเสียงเพื่อปิดเครื่องเมื่อเข้านอน ในขณะที่บางท่านใช้เป็นภาพประกอบการเล่านิทานก่อนนอนกับลูก โดยการวาง The Freestyle บนหัวเตียงและฉายคอนเทนต์ไปยังเพดาน
ความอเนกประสงค์ที่สามารถปรับใช้ได้ในทุกสถานการณ์ตามต้องการ ไปจนถึงดีไซน์ที่กะทัดรัด ใช้งานง่าย จึงทำให้ The Freestyle ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามไม่เฉพาะแค่กลุ่มคนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ใช้ในทุกช่วงอายุและทั้งครอบครัว สะท้อนเป้าหมายของซัมซุงในการสร้างสรรค์ The Freestyle ให้เป็นอุปกรณ์ที่มอบประสบการณ์เฉพาะตัว สามารถเคลื่อนย้ายได้ และเป็นหน้าจออันชาญฉลาด ที่ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุด
ผู้ที่สนใจสามารถเป็นเจ้าของ The Freestyle โปรเจคเตอร์พกพาพร้อมสมาร์ททีวีฟีเจอร์จากซัมซุงได้แล้ววันนี้ ทาง samsung.com และร้านค้าที่ร่วมรายการ โดยสำหรับประเทศไทยพร้อมวางจำหน่ายในสีขาว ราคา 34,990 บาท สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมของ Samsung The Freestyle ได้ทาง