Xiaomi ประกาศเปิดตัว Redmi Note 11E 5G และ Redmi Note 11E Pro 5G อย่างเป็นทางการที่ประเทศจีน โดยเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ตระกูล Note 11 Series ซึ่ง Note 11E 5G มาพร้อมชิปเซ็ท Dimensity 700, จอที่มีอัตรารีเฟรชเรท 90Hz, กล้องหลังคู่ 50 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ 5,000mAh ส่วน Note 11E Pro 5G มาพร้อมชิปเซ็ท Snapdragon 695, จอที่มีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz, กล้องหลัง 3 ตัว 180 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ 5,000mAh รองรับชาร์จไว 67W
สเปก Redmi Note 11E 5G
มาพร้อมหน้าจอแสดงผลทรงหยดน้ำแบบ IPS LCD ความละเอียด FHD+ ขนาด 6.58 นิ้ว โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 90Hz ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ท MediaTek Dimensity 700 5G จับคู่กับ RAM สูงสุด 6GB และหน่วยความจำภายใน 128GB และใช้แบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh รองรับการชาร์จไว
ติดตั้งกล้องหลังคู่ Dual Camera พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล และกล้องรองเลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย MIUI 13
ทั้งนี้ Redmi Note 11E 5G มีให้เลือก 3 สีคือ Green, Mysterious Black และ Ice Milky Way โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 1,199 หยวนหรือประมาณ 6,200 บาทสำหรับรุ่น RAM 4GB+128GB และราคา 1,299 หยวนหรือประมาณ 6,700 บาท สำหรับรุ่น RAM 6GB+128GB และจะวางจำหน่ายที่ประเทศจีนในวันที่ 18 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป
สเปก Redmi Note 11E Pro 5G
เป็นรุ่นรีแบรนด์ของ Redmi Note 11 Pro 5G ที่เปิดตัวในตลาดโลก ใช้สเปกเดียวกัน โดยมาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ความละเอียด FHD+ ขนาด 6.67 นิ้ว โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz และอัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 360Hz, ความสว่างสูงสุด 1200nits, ช่วงสี DCI-P3 และครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5
ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 695 5G จับคู่กับ RAM แบบ LPDDR4x สูงสุด 8GB และหน่วยความจำภายใน 128GB/256GB แบบ UFS 2.2
ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัวประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล, กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และกล้องตัวที่ 3 เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, ใช้แบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh รองรับชาร์จไว 67W และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย MIUI 13
ทั้งนี้ Redmi Note 11E Pro 5G มีให้เลือก 3 สีคือ สีน้ำเงิน สีดำ และสีขาว โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 1,699 หยวนหรือประมาณ 8,800 บาทสำหรับรุ่น RAM 6GB+128GB, ราคา 1,899 หยวนหรือประมาณ 9,800 บาท สำหรับรุ่น RAM 8GB+128GB และราคา 2,099 หยวนหรือประมาณ 10,800 บาท สำหรับรุ่น RAM 8GB+256GB และจะวางจำหน่ายที่ประเทศจีนในวันที่ 4 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป
ที่มา : xiaomiui