ในงานเปิดตัว Redmi K50 และ K50 Pro ยังมีการเปิดตัว Redmi K40S สมาร์ตโฟนเรือธงอีกรุ่นภาคต่อของ K40 ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว และมียอดขายรวมกว่า 10 ล้านเครื่อง โดยมาพร้อมจุดเด่นหน้าจอที่มีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz,ใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 870, กล้องหลัง 3 ตัวความละเอียด 48 ล้านพิกเซลพร้อมระบบกันสั่น OIS และรองรับชาร์จไว 67W
สเปก Redmi K40S
ตัวเครื่องมีขนาด 163.2 x 76 x 7.7 มม. และน้ำหนัก 195 กรัม หน้าจอแสดงผล Punch Hole Display แบบ AMOLED ความละเอียด FHD+ 1080 x 2400 พิกเซล ขนาด 6.67 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz รองรับ Dolby Vision รองรับ HDR10+ ความสว่าง 1300nits และครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5 และเจาะรูฝังกล้องเซลฟี่ที่ตรงกลางด้านบน
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 3.2GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Qualcomm SM8250-AC Snapdragon 870 5G (7 nm), หน่วยประมวลกราฟิก Adreno 650, RAM 6GB/8GB/12GB, หน่วยความจำภายใน 128GB/256GB และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย MIUI 13
ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว AI Triple Camera พร้อมไฟแฟลชคู่ Dual LED ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล (wide), ระบบ PDAF และระบบกันสั่น OIS
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ถ่ายมุมกว้างได้ 119 องศา
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล
นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว VC ขนาด 3112 มม. แทนการใช้ท่อทองแดงระบายความร้อนด้วยของเหลวที่ใช้กับ K40 พื้นที่ทำความเย็นใหม่เพิ่มขึ้น 400% อันเป็นผลมาจากระบบระบายความร้อนที่ปรับปรุงใหม่ และ มอเตอร์สั่นแบบแกน X
รวมทั้งติดต้้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างเครื่อง, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G LTE/5G dual band (SA/NSA), Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 5.2, พอร์ตอินฟราเรด, NFC, พอร์ต USB Type-C และแบตเตอรี่ความจุ 4,500mAh รองรับขาร์จเร็ว 67W ชาร์จ 0-80% ในเวลา 38 นาที
ทั้งนี้ Redmi K50 มีให้เลือก 4 สีคือ Black, Gray, Blue และ Green โดยจะวางจำหน่ายที่ประเทศจีนในวันที่ 21 มีนาคม 2565 ส่วนราคามีดังนี้
- RAM 8GB+128GB ราคา 1,999 หยวนหรือประมาณ 10,460 บาท
- RAM 8GB+256GB ราคา 2,199 หยวนหรือประมาณ 11,500 บาท
- RAM 12GB+256GB ราคา 2,399 หยวนหรือประมาณ 12,550 บาท
ที่มา : Gizmochina