realme ประกาศเปิดตัว realme C51 สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ตระกูล C Series ที่ไต้หวัน โดยมาพร้อมจุดเด่นหน้าจอที่มีอัตรารีเฟรชเรท 90Hz, ติดตั้งกล้องหลังคู่ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล และใข้แบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh รองรับการชาร์จเร็ว 50W
สเปก realme C51
![realme C51](https://www.mobileocta.com/wp-content/uploads/2023/07/realme-C51-3-853x1024.jpg)
ตัวเครื่องมีขนาด 167.1 x 76.67 x7.99 มม. และน้ำหนัก 186 กรัม หน้าจอแสดงผลทรงหยดน้ำ Dot Drop Display แบบ IPS LCD ความละเอียด HD+ 720 x 1440 พิกเซล ขนาด 6.7 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9
![](https://www.mobileocta.com/wp-content/uploads/2023/07/realme-C51-5-853x1024.jpg)
โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 90Hz, อัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 180Hz และความสว่างสูงสุด 560 nits พร้อมฟีเจอร์แถบแจ้งเตือน Mini Capsule คล้ายกับ Dynamic Island ของ Apple
![](https://www.mobileocta.com/wp-content/uploads/2023/07/realme-C51-4-853x1024.jpg)
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 1.82GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Unisoc Tiger T612 (12 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก ARM Mali-G57 จับคู่กับ RAM 4GB แบบ LPDDR4x, หน่วยความจำภายใน 64GB แบบ eMMC 5.1 เพิ่มได้ด้วย microSD Card สูงสุด 2TB และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย realme UI T Edition
![](https://www.mobileocta.com/wp-content/uploads/2023/07/realme-C51-7-853x1024.jpg)
ติดตั้งกล้องหลังคู่ AI Dual Camera พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 และระบบ PDAF
- กล้องรองเลนส์ Monochrome ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
รองรับการบันทึกวิดีโอสูงสุด 1080p@30FPS
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ AI ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 รองรับการบันทึกวิดีโอสูงสุด 720p@30FPS
![](https://www.mobileocta.com/wp-content/uploads/2023/07/realme-C51-6-853x1024.jpg)
รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านข้างเครื่อง, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G LTE, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Bluetooth 5.0, ช่องหูฟัง 3.5 มม., พอร์ต USB Type-C และใช้แบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh รองรับการชาร์จเร็ว 33W
![](https://www.mobileocta.com/wp-content/uploads/2023/07/realme-C51-2.jpg)
![](https://www.mobileocta.com/wp-content/uploads/2023/07/realme-C51-1.jpg)
ทั้งนี้ realme C51 มีให้เลือก 2 สีคือ Mint Green และ Carbon Black โดยจะวางจำหน่ายแล้วที่ไต้หวันในราคา 3,990 ดอลลาร์ไต้หวันหรือประมาณ 4,390 บาท
ที่มา : Gizmochina