เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา realme ได้เปิดตัว realme 10 5G ที่มาพร้อมชิปเซ็ท Dimensity 700 ที่ประเทศจีน ล่าสุดได้เปิดตัว realme 10 Pro และ realme 10 Pro+ ที่มาพร้อมจุดเด่นหน้าจอที่มีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz, ติดตั้งกล้องหลังโดยกล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 13
สเปก realme 10 Pro
ตัวเครื่องมีขนาด 163.7 x 74.2 x 8.1 มม. และน้ำหนัก 190 กรัม หน้าจอแสดงผล Punch Hole Display แบบ IPS LCD ความละเอียด FHD+ 1080 x 2400 พิกเซล (391PPI) ขนาด 6.72 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีสัดส่วนจอต่อเครื่องที่ 93,76% โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz, อัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 240Hz, ช่วงสี DCI-P3 100% และความสว่างสูงสุด 680nits
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.2GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Qualcomm SM6375 Snapdragon 695 5G (6 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 619 จับคู่กับ RAM 8GB/12GB แบบ LPDDR4x, หน่วยความจำภายใน 256GB แบบ UFS 2.2 เพิ่มได้ด้วย microSD Card และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย realme UI 4.0
ติดตั้งกล้องหลังคู่ Dual Camera พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL HM6, รูรับแสง f/1.8, 24mm (wide), 1/1.67″, 0.64µm และระบบ PDAF
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และรูรับแสง f/2.4
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.5 และ 25mm (wide)
รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านข้างเครื่อง, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G LTE/5G Dual Band (SA/NSA), Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Bluetooth 5.2, ช่องหูฟัง 3.5 มม., พอร์ต USB Type-C และใช้แบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh รองรับการชาร์จไว 33W ชาร์จ 50% ภายใน 29 นาที
ทั้งนี้ realme 10 Pro มีให้เลือก 3 สีคือ Sea Blue, Night Black และ Starlight (สีขาว) โดยจะวางจำหน่ายที่ประเทศจีนในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 ส่วนราคามีดังนี้
- RAM 8GB+256GB ราคา 1,599 หยวนหรือประมาณ 8,040 บาท
- RAM 12GB+256GB ราคา 1,899 หยวนหรือประมาณ 9,550 บาท
สเปก realme 10 Pro+
ตัวเครื่องมีขนาด 161.5 x 73.9 x 7.8 มม. และน้ำหนัก 173 กรัม หน้าจอแสดงผลจอขอบโค้ง 2160Hz Flagship Curved Screen แบบ AMOLED ความละเอียด FHD+ 1080 x 2412 พิกเซล (394PPI) ขนาด 6.7 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีสัดส่วนจอต่อเครื่องที่ 93.65% โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz, อัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 360Hz (อัตราการสุ่มตัวอย่างทันที 1260Hz), ช่วงสี DCI-P3 100% และความสว่างสูงสุด 800nits
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.6GHz โดยใช้ชิปเซ็ท MediaTek Dimensity 1080 (6 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G68 MC4 จับคู่กับ RAM 8GB/12GB, หน่วยความจำภายใน 128GB/256GB และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย realme UI 4.0
ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว Triple Camera พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL HM6, รูรับแสง f/1.8, 24mm (wide), 1/1.67″, 0.64µm และระบบ PDAF
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 และถ่ายมุมกว้างได้ 112 องศา
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และรูรับแสง f/2.4
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.5 และ 25mm (wide)
รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังใต้หน้าจอ, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G LTE/5G Dual Band (SA/NSA), Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Bluetooth 5.2, ช่องหูฟัง 3.5 มม., NFC, พอร์ต USB Type-C และใช้แบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh รองรับการชาร์จไว 67W ชาร์จ 50% ภายใน 17 นาที
ทั้งนี้ realme 10 Pro+ มีให้เลือก 3 สีคือ Sea Blue, Night Black และ Starlight (สีขาว) โดยจะวางจำหน่ายที่ประเทศจีนในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 ส่วนราคามีดังนี้
- RAM 8GB+128GB ราคา 1,699 หยวนหรือประมาณ 8,040 บาท
- RAM 8GB+256GB ราคา 1,999 หยวนหรือประมาณ 9,550 บาท
- RAM 12GB+256GB ราคา 2,299 หยวนหรือประมาณ 9,550 บาท
ที่มา : Gsmarena