หลังจากเปิดตัว OPPO Reno10 Series ที่ประเทศจีนไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ล่าสุดได้เปิดตัวในตลาดโลกแล้วโดยเริ่มที่ประเทศมาเลเซีย ประกอบด้วย 3 รุ่นเหมือนกันคือ Reno10, Reno10 Pro และ Reno10 Pro+ ซึ่งรุ่น Reno10 และ Reno10 Pro มีสเปกที่ต่างกับเวอร์ชันจีน ส่วน Reno10 Pro+ มีสเปกที่เหมือนกัน
สเปก OPPO Reno10 Pro+
ตัวเครื่องมีขนาด 162.9 x 74 x 8.3 มม. และน้ำหนัก 194 กรัม หน้าจอแสดงผลจอขอบโค้ง Punch-Hole Display แบบ OLED ความละเอียด 1.5K 1240 x 2772 พิกเซล ขนาด 6.74 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz และอัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 240Hz, สี 10bits, การครอบคลุมช่วงสี DCI-P3 100%. รองรับ HDR10+ และความสว่างสูงสุด 1400nits
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 3.0GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Qualcomm SM8475 Snapdragon 8+ Gen 1 (4 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 730, RAM 12GB, หน่วยความจำภายใน 256GB และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย Color OS 13.1
ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว AI Triple Camera และไฟแฟลช LED พร้อมชิป MariSilicon X NPU ที่มี AI ช่วยลดสัญญาณรบกวนภาพ ประกอบด้วย
- กล้องหลัก ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX890, รูรับแสง f/1.8, 24mm (wide), 1/1.56″, 1.0µm, รองรับระบบ multi-directional PDAF และระบบกันสั่น OIS
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide เซ็นเซอร์ Sony IMX355 ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และรูรับแสง f/2.2 และถ่ายมุมกว้างได้ 120 องศา
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Periscope Telephoto เซ็นเซอร์ OmniVision OV64B ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล และรูรับแสง f/2.5, 1/2″, 0.7µm, ระบบ PDAF และซูมแบบออปติคอล 5 เท่า
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ In-Display Selfie Camera ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX709, รูรับแสง f/2.4, 22mm (wide), 1/2.74″, 0.8µm และระบบ AF
รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ, ติดตั้งลำโพงคู่สเตอริโอระบบเสียง Hi-Res และมอเตอร์การสั่นแบบ X-axis linear 4D, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G/5G แบบ Dual Mode (SA และ NSA), Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, Bluetooth 5.2, NFC, พอร์ตอินฟราเรด, พอร์ต USB Type-C และใช้แบตเตอรี่ความจุ 4,700 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 100W SuperVOOC 2.0 ชาร์จ 0 – 100% ภายใน 27 นาที
ทั้งนี้ OPPO Reno10 Pro+ มีให้เลือก 2 สีคือ Silver Grey และ Glossy Purple ราคา 3,499 ริงกิตหรือประมาณ 26,520 บาท โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศมาเลเซียตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป
สเปก OPPO Reno10 Pro
ตัวเครื่องมีขนาด 163 x 74 x 7.7 มม. และน้ำหนัก 186 กรัม หน้าจอแสดงผลจอขอบโค้ง Punch-Hole Display แบบ OLED ความละเอียด 1.5K 1240 x 2772 พิกเซล ขนาด 6.74 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz และอัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 240Hz, สี 10bits, การครอบคลุมช่วงสี DCI-P3 100%. รองรับ HDR10+ และมีความสว่างสูงสุด 800nits ภายใต้แสงแดด (สูงสุด 950nits สำหรับเนื้อหา HDR10 และ HDR10+)
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core โดยใช้ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 778G, หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 642L, RAM 12GB, หน่วยความจำภายใน 256GB และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย Color OS 13.1
ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว AI Triple Camera และไฟแฟลช LED พร้อมชิป MariSilicon X NPU ที่มี AI ช่วยลดสัญญาณรบกวนภาพ ประกอบด้วย
- กล้องหลัก ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX890, รูรับแสง f/1.8, 24mm (wide), 1/1.56″, 1.0µm, รองรับระบบ multi-directional PDAF และระบบกันสั่น OIS
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide เซ็นเซอร์ Sony IMX355 ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และรูรับแสง f/2.2 และถ่ายมุมกว้างได้ 120 องศา
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Telephoto เซ็นเซอร์ Sony IMX709 ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล และรูรับแสง f/2.0, 1/2.74″, 0.8µm, ระบบ PDAF และซูมแบบออปติคอล 2 เท่า
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ In-Display Selfie Camera ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX709, รูรับแสง f/2.4, 22mm (wide), 1/2.74″, 0.8µm และระบบ AF
รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ, ติดตั้งลำโพงระบบเสียง Hi-Res, มอเตอร์การสั่นแบบ X-axis linear 4D, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G/5G แบบ Dual Mode (SA และ NSA), Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, Bluetooth 5.2, NFC, พอร์ตอินฟราเรด, พอร์ต USB Type-C และใช้แบตเตอรี่ความจุ 4,600 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 80W SuperVOOC 2.0
ทั้งนี้ OPPO Reno10 Pro มีให้เลือก 2 สีคือ Silver Grey และ Glossy Purple ราคา 2,199 ริงกิตหรือประมาณ 16,670 บาท โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศมาเลเซียตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป
สเปก OPPO Reno10
ตัวเครื่องมีขนาด 162.4 x 74.2 x 7.6 มม. และน้ำหนัก 180 กรัม หน้าจอแสดงผลจอขอบโค้ง Punch-Hole Display แบบ AMOLED 1 พันล้านสี ความละเอียด FHD+ 1080 x 2412 พิกเซล ขนาด 6.7 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz และอัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 240Hz, การครอบคลุมช่วงสี DCI-P3 100%. รองรับ HDR10+ และความสว่างสูงสุด 950nits
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core โดยใช้ชิปเซ็ท MediaTek Dimensity 7050, หน่วยประมวลผลกราฟิก ARM Mail-G68 MC4, RAM 8GB, หน่วยความจำภายใน 256GB และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย Color OS 13.1
ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว AI Triple Camera และไฟแฟลช LED ประกอบด้วย
- กล้องหลัก ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/1.7, (wide), 1/2″, 0.7µm และรองรับระบบ PDAF
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และรูรับแสง f/2.2 และถ่ายมุมกว้างได้ 120 องศา
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Telephoto ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล และรูรับแสง f/2.0, 1/2.74″, 0.8µm, ระบบ PDAF และซูมแบบออปติคอล 2 เท่า
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ In-Display Selfie Camera ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4, 22mm (wide), 1/2.74″, 0.8µm และระบบ AF
รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ, ติดตั้งลำโพงระบบเสียง Hi-Res, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G/5G แบบ Dual Mode (SA และ NSA), Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, Bluetooth 5.2, NFC, พอร์ตอินฟราเรด, พอร์ต USB Type-C และใช้แบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 67W SuperVOOC
ทั้งนี้ OPPO Reno10 มีให้เลือก 2 สีคือ Silver Grey และ Ice Blue ราคา 1,799 ริงกิตหรือประมาณ 13,640 บาท โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศมาเลเซียตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป
ที่มา : Gsmarena