OPPO ประกาศเปิดตัว OPPO Reno 13 Series อย่างเป็นทางการที่ประเทศจีน ประกอบด้วย Reno 13 และ Reno 13 Pro ด้วยดีไซน์สวยหรู คุณสมบัติอันทรงพลัง และเทคโนโลยีล้ำสมัย โดยมีเป้าหมายที่จะมอบประสบการณ์สมาร์ตโฟนระดับพรีเมียมในราคาที่สามารถแข่งขันได้
สเปก OPPO Reno 13
ตัวเครื่องมีขนาด 157.9 x 74.7 x 7.2 มม. และน้ำหนัก 181 กรัม หน้าจอแสดงผลจอแบนแบบ AMOLED 1 พันล้านสี ความละเอียด 1.5K 1256 x 2760 พิกเซล ขนาด 6.59 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9
โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz และอัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 240Hz, ความสว่างสูงสุด 1200nits และอัตราการหรี่แสง PWM 3840Hz เพื่อลดอาการปวดตา
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 3.35GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Mediatek Dimensity 8350 (4 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali G615-MC6, RAM 12GB/16GB แบบ LPDDR5X, หน่วยความจำภายใน 256GB/512GB/1TB แบบ UFS 3.1
มอบประสิทธิภาพการเล่นเกมและการทำงานหลายอย่างพร้อมกันที่ราบรื่น นอกจากนี้ยังมีชิปเร่งความเร็วเครือข่าย X1 ที่กำหนดเองสำหรับการเชื่อมต่อที่ปรับปรุงแล้ว มอเตอร์เชิงเส้นแกน X และเครือข่ายส่วนตัวการประมวลผลบนคลาวด์ที่เน้นการเล่นเกมสำหรับความล่าช้าที่ต่ำเป็นพิเศษและการเล่นเกมความเร็วสูง
และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 15 ครอบทับด้วย Color OS 15 ให้การปรับแต่งที่ปรับปรุงแล้วและอินเทอร์เฟซผู้ใช้ที่ราบรื่น รองรับการแชร์ภาพถ่ายสดกับ iPhone และแอปยอดนิยม เช่น Weibo และ Douyin ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขและแบ่งปันภาพถ่ายสดพร้อมกรอบลายน้ำเพื่อการโต้ตอบบนโซเชียลมีเดียที่ดีขึ้น
ติดตั้งกล้องหลังคู่ Dual Camera และไฟแฟลช LED ประกอบด้วย
- กล้องหลัก ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX882, รูรับแสง f/1.8, 26mm (wide), 1/1.95″, รองรับระบบ PDAF และระบบกันสั่น OIS
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.2, 15mm, 1/4.0″, 1.12µm และถ่ายมุมกว้างได้ 115 องศา
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ In-Display Selfie Camera ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.0, 21mm (wide) และระบบ PDAF
รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ, รองรับการกันน้ำกันฝุ่น IP68/69 สำหรับการกันฝุ่นและน้ำที่เหนือกว่า พร้อมฟีเจอร์กล้องใต้น้ำที่เป็นนวัตกรรมใหม่, ลำโพงคู่สเตอริโอ, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G/5G แบบ Dual Mode (SA และ NSA),
Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Bluetooth 5.4, NFC, พอร์ตอินฟราเรด, พอร์ต USB Type-C และใช้แบตเตอรี่ความจุ 5,600 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 80W SuperVOOC
ทั้งนี้ OPPO Reno 13 มีให้เลือก 3 สีคือสี Butterfly Purple, Galaxy Blue และ Midnight Black โดยจะเริ่มวางจำหน่ายที่ประเทศจีนในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป
ส่วนราคามีดังนี้
- RAM 12GB+256GB ราคา 2,699 หยวนหรือประมาณ 12,940 บาท
- RAM 12GB+512GB ราคา 2,999 หยวนหรือประมาณ 14,380 บาท
- RAM 16GB+256GB ราคา 2,999 หยวนหรือประมาณ 14,380 บาท
- RAM 16GB+512GB ราคา 3,299 หยวนหรือประมาณ 15,280 บาท
- RAM 16GB+1TB ราคา 3,799 หยวนหรือประมาณ 18,220 บาท
สเปก OPPO Reno 13 Pro
ตัวเครื่องมีขนาด 162.8 x 76.6 x 7.6 มม. และน้ำหนัก 197 กรัม หน้าจอแสดงผลจอขอบโค้งแบบ AMOLED 1 พันล้านสี ความละเอียด 1.5K 1272 x 2760 พิกเซล ขนาด 6.83 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9
โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz และอัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 240Hz, ความสว่างสูงสุด 1200nits และอัตราการหรี่แสง PWM 3840Hz เพื่อลดอาการปวดตา
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 3.35GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Mediatek Dimensity 8350 (4 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali G615-MC6, RAM 12GB/16GB แบบ LPDDR5X, หน่วยความจำภายใน 256GB/512GB/1TB แบบ UFS 3.1
มอบประสิทธิภาพการเล่นเกมและการทำงานหลายอย่างพร้อมกันที่ราบรื่น นอกจากนี้ยังมีชิปเร่งความเร็วเครือข่าย X1 ที่กำหนดเองสำหรับการเชื่อมต่อที่ปรับปรุงแล้ว มอเตอร์เชิงเส้นแกน X และเครือข่ายส่วนตัวการประมวลผลบนคลาวด์ที่เน้นการเล่นเกมสำหรับความล่าช้าที่ต่ำเป็นพิเศษและการเล่นเกมความเร็วสูง
และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 15 ครอบทับด้วย Color OS 15 ให้การปรับแต่งที่ปรับปรุงแล้วและอินเทอร์เฟซผู้ใช้ที่ราบรื่น รองรับการแชร์ภาพถ่ายสดกับ iPhone และแอปยอดนิยม เช่น Weibo และ Douyin ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขและแบ่งปันภาพถ่ายสดพร้อมกรอบลายน้ำเพื่อการโต้ตอบบนโซเชียลมีเดียที่ดีขึ้น
ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว AI Triple Camera และไฟแฟลช LED ประกอบด้วย
- กล้องหลัก ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX890, รูรับแสง f/1.8, 24mm (wide), 1/1.56″, 1.0µm, รองรับระบบ multi-directional PDAF และระบบกันสั่น OIS
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Periscope Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.8, 85mm, ระบบ PDAF, ระบบกันสั่น OIS และซูมแบบออปติคอล 3.5 เท่า และซูมดิจิทัล 100 เท่า
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.2, 15mm, 1/4.0″, 1.12µm และถ่ายมุมกว้างได้ 116 องศา
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ In-Display Selfie Camera ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.0, 21mm (wide) และระบบ PDAF
รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอแบบออปติคัล, รองรับการกันน้ำกันฝุ่น IP68/69 สำหรับการกันฝุ่นและน้ำที่เหนือกว่า พร้อมฟีเจอร์กล้องใต้น้ำที่เป็นนวัตกรรมใหม่, ลำโพงคู่สเตอริโอ, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G/5G แบบ Dual Mode (SA และ NSA),
Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Bluetooth 5.4, NFC, พอร์ตอินฟราเรด, พอร์ต USB Type-C และใช้แบตเตอรี่ความจุ 5,800 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 80W SuperVOOC, ชาร์จเร็วแบบไร้สาย AIRVOOC 50W และชาร์จแบบย้อนกลับ
ทั้งนี้ OPPO Reno 13 Pro มีให้เลือก 3 สีคือสี Butterfly Purple, Starlight Pink และ Midnight Black โดยจะเริ่มวางจำหน่ายที่ประเทศจีนในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป
ส่วนราคามีดังนี้
- RAM 12GB+256GB ราคา 3,399 หยวนหรือประมาณ 16,300 บาท
- RAM 12GB+512GB ราคา 3,699 หยวนหรือประมาณ 17,740 บาท
- RAM 16GB+512GB ราคา 3,999 หยวนหรือประมาณ 19,180 บาท
- RAM 16GB+1TB ราคา 4,499 หยวนหรือประมาณ 21,580 บาท
ที่มา : Gsmarena