คลังเก็บ

เปิดตัว OPPO Reno 13 และ Reno 13 Pro มาพร้อมชิป Dimensity 8350, รองรับ IP69, กล้อง 50MP และแบตเตอรี่ 5,800mAh

OPPO ประกาศเปิดตัว OPPO Reno 13 Series อย่างเป็นทางการที่ประเทศจีน ประกอบด้วย Reno 13 และ Reno 13 Pro ด้วยดีไซน์สวยหรู คุณสมบัติอันทรงพลัง และเทคโนโลยีล้ำสมัย โดยมีเป้าหมายที่จะมอบประสบการณ์สมาร์ตโฟนระดับพรีเมียมในราคาที่สามารถแข่งขันได้

สเปก OPPO Reno 13

ตัวเครื่องมีขนาด 157.9 x 74.7 x 7.2 มม. และน้ำหนัก 181 กรัม หน้าจอแสดงผลจอแบนแบบ AMOLED 1 พันล้านสี ความละเอียด 1.5K 1256 x 2760 พิกเซล ขนาด 6.59 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9

โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz และอัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 240Hz, ความสว่างสูงสุด 1200nits และอัตราการหรี่แสง PWM 3840Hz เพื่อลดอาการปวดตา

ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 3.35GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Mediatek Dimensity 8350 (4 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali G615-MC6, RAM 12GB/16GB แบบ LPDDR5X, หน่วยความจำภายใน 256GB/512GB/1TB แบบ UFS 3.1

มอบประสิทธิภาพการเล่นเกมและการทำงานหลายอย่างพร้อมกันที่ราบรื่น นอกจากนี้ยังมีชิปเร่งความเร็วเครือข่าย X1 ที่กำหนดเองสำหรับการเชื่อมต่อที่ปรับปรุงแล้ว มอเตอร์เชิงเส้นแกน X และเครือข่ายส่วนตัวการประมวลผลบนคลาวด์ที่เน้นการเล่นเกมสำหรับความล่าช้าที่ต่ำเป็นพิเศษและการเล่นเกมความเร็วสูง

และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 15 ครอบทับด้วย Color OS 15 ให้การปรับแต่งที่ปรับปรุงแล้วและอินเทอร์เฟซผู้ใช้ที่ราบรื่น รองรับการแชร์ภาพถ่ายสดกับ iPhone และแอปยอดนิยม เช่น Weibo และ Douyin ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขและแบ่งปันภาพถ่ายสดพร้อมกรอบลายน้ำเพื่อการโต้ตอบบนโซเชียลมีเดียที่ดีขึ้น

ติดตั้งกล้องหลังคู่ Dual Camera และไฟแฟลช LED ประกอบด้วย

  • กล้องหลัก ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX882, รูรับแสง f/1.8, 26mm (wide), 1/1.95″, รองรับระบบ PDAF และระบบกันสั่น OIS
  • กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.2, 15mm, 1/4.0″, 1.12µm และถ่ายมุมกว้างได้ 115 องศา

ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ In-Display Selfie Camera ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.0, 21mm (wide) และระบบ PDAF

รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ, รองรับการกันน้ำกันฝุ่น IP68/69 สำหรับการกันฝุ่นและน้ำที่เหนือกว่า พร้อมฟีเจอร์กล้องใต้น้ำที่เป็นนวัตกรรมใหม่, ลำโพงคู่สเตอริโอ, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G/5G แบบ Dual Mode (SA และ NSA),

Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Bluetooth 5.4, NFC, พอร์ตอินฟราเรด, พอร์ต USB Type-C และใช้แบตเตอรี่ความจุ 5,600 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 80W SuperVOOC

ทั้งนี้ OPPO Reno 13 มีให้เลือก 3 สีคือสี Butterfly Purple, Galaxy Blue และ Midnight Black โดยจะเริ่มวางจำหน่ายที่ประเทศจีนในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป

ส่วนราคามีดังนี้

  • RAM 12GB+256GB ราคา 2,699 หยวนหรือประมาณ 12,940 บาท
  • RAM 12GB+512GB ราคา 2,999 หยวนหรือประมาณ 14,380 บาท
  • RAM 16GB+256GB ราคา 2,999 หยวนหรือประมาณ 14,380 บาท
  • RAM 16GB+512GB ราคา 3,299 หยวนหรือประมาณ 15,280 บาท
  • RAM 16GB+1TB ราคา 3,799 หยวนหรือประมาณ 18,220 บาท

สเปก OPPO Reno 13 Pro

ตัวเครื่องมีขนาด 162.8 x 76.6 x 7.6 มม. และน้ำหนัก 197 กรัม หน้าจอแสดงผลจอขอบโค้งแบบ AMOLED 1 พันล้านสี ความละเอียด 1.5K 1272 x 2760 พิกเซล ขนาด 6.83 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9

โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz และอัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 240Hz, ความสว่างสูงสุด 1200nits และอัตราการหรี่แสง PWM 3840Hz เพื่อลดอาการปวดตา

ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 3.35GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Mediatek Dimensity 8350 (4 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali G615-MC6, RAM 12GB/16GB แบบ LPDDR5X, หน่วยความจำภายใน 256GB/512GB/1TB แบบ UFS 3.1

มอบประสิทธิภาพการเล่นเกมและการทำงานหลายอย่างพร้อมกันที่ราบรื่น นอกจากนี้ยังมีชิปเร่งความเร็วเครือข่าย X1 ที่กำหนดเองสำหรับการเชื่อมต่อที่ปรับปรุงแล้ว มอเตอร์เชิงเส้นแกน X และเครือข่ายส่วนตัวการประมวลผลบนคลาวด์ที่เน้นการเล่นเกมสำหรับความล่าช้าที่ต่ำเป็นพิเศษและการเล่นเกมความเร็วสูง

และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 15 ครอบทับด้วย Color OS 15 ให้การปรับแต่งที่ปรับปรุงแล้วและอินเทอร์เฟซผู้ใช้ที่ราบรื่น รองรับการแชร์ภาพถ่ายสดกับ iPhone และแอปยอดนิยม เช่น Weibo และ Douyin ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขและแบ่งปันภาพถ่ายสดพร้อมกรอบลายน้ำเพื่อการโต้ตอบบนโซเชียลมีเดียที่ดีขึ้น

ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว AI Triple Camera และไฟแฟลช LED ประกอบด้วย

  • กล้องหลัก ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX890, รูรับแสง f/1.8, 24mm (wide), 1/1.56″, 1.0µm, รองรับระบบ multi-directional PDAF และระบบกันสั่น OIS
  • กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Periscope Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.8, 85mm, ระบบ PDAF, ระบบกันสั่น OIS และซูมแบบออปติคอล 3.5 เท่า และซูมดิจิทัล 100 เท่า
  • กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.2, 15mm, 1/4.0″, 1.12µm และถ่ายมุมกว้างได้ 116 องศา

ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ In-Display Selfie Camera ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.0, 21mm (wide) และระบบ PDAF

รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอแบบออปติคัล, รองรับการกันน้ำกันฝุ่น IP68/69 สำหรับการกันฝุ่นและน้ำที่เหนือกว่า พร้อมฟีเจอร์กล้องใต้น้ำที่เป็นนวัตกรรมใหม่, ลำโพงคู่สเตอริโอ, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G/5G แบบ Dual Mode (SA และ NSA),

Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Bluetooth 5.4, NFC, พอร์ตอินฟราเรด, พอร์ต USB Type-C และใช้แบตเตอรี่ความจุ 5,800 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 80W SuperVOOC, ชาร์จเร็วแบบไร้สาย AIRVOOC 50W และชาร์จแบบย้อนกลับ

ทั้งนี้ OPPO Reno 13 Pro มีให้เลือก 3 สีคือสี Butterfly Purple, Starlight Pink และ Midnight Black โดยจะเริ่มวางจำหน่ายที่ประเทศจีนในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป

ส่วนราคามีดังนี้

  • RAM 12GB+256GB ราคา 3,399 หยวนหรือประมาณ 16,300 บาท
  • RAM 12GB+512GB ราคา 3,699 หยวนหรือประมาณ 17,740 บาท
  • RAM 16GB+512GB ราคา 3,999 หยวนหรือประมาณ 19,180 บาท
  • RAM 16GB+1TB ราคา 4,499 หยวนหรือประมาณ 21,580 บาท

ที่มา : Gsmarena