OnePlus ประกาศเปิดตัว OnePlus 10T 5G อย่างเป็นทางการ โดยเป็นสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นภาคต่อของ OnePlus 9T ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว มาพร้อมจุดเด่นใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 8+ Gen 1 ใหม่ล่าสุด, RAM สูงสุด 16GB, ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัวความละเอียด 50 ล้านพิกเซล และรองรับชาร์จไว 150W
สเปก OnePlus 10T 5G
ตัวเครื่องมีขนาด 163 x 75.4 x 8.8 มม. และน้ำหนัก 204 กรัม หน้าจอแสดงผล Punch Hole Display แบบ Fluid AMOLED 1 พันล้านสี ความละเอียด FHD+ 1080 x 2412 พิกเซล ขนาด 6.7 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz, อัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 360Hz, ขอบเขตสี DCI P3 100%, รองรับ HDR10+, ความสว่างสูงสุด 1,000nits และครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 3.19GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Qualcomm SM8475 Snapdragon 8+ Gen 1 (4 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 730, RAM 8GB/12GB/16GB แบบ LPDDR5, หน่วยความจำภายใน 128GB/256GB แบบ UFS 3.1 และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย OxygenOS 12.1
ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว AI Triple Camera พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX766 รูรับแสง f/1.8, 24mm (wide), 1/1.56″, 1.0µm, ระบบ PDAF และระบบกันสั่น OIS
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 และถ่ายมุมกว้างได้ 120 องศา
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ, มอเตอร์แนวราบแกน X และระบบระบายความร้อน 3D Cooling ใหม่, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G/5G แบบ Dual Mode (SA และ NSA), Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, ฺBluetooth 5.3, NFC และพอร์ต USB Type-C
ส่วนแบตเตอรี่ของ OnePlus 10T 5G มีความจุ 4,500mAh พร้อมฟีเจอร์ Battery Health Engine ซึ่งจะช่วยลดการสึกหรอของเซลล์ได้อย่างมากในระยะยาว แบตเตอรี่จะคงความจุไว้ประมาณ 80% หลังจากรอบการชาร์จ 1,600 รอบ
และรองรับชาร์จเร็ว 150W SuperVOOC โดยในกล่องมาพร้อมกับอะแดปเตอร์ 160W อย่างไรก็ตามกำลังชาร์จสูงสุดของอุปกรณ์ในประเทศที่ใช้ปลั๊กไฟ 110V คือ 125W
ทั้งนี้ OnePlus 10T 5G มีให้เลือก 2 สีคือ สีดำ Moonstone Black และสีเขียว Jade Green โดยเปิดให้สั่งจองในยุโรป สหราชอาณาจักร และอินเดีย แล้ววันนี้ และจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 25 สิงหาคม 2565 ขณะที่สหรัฐอเมริกาจะเริ่มเปิดให้สั่งจองในวันที่ 1 กันยายน 2565 และจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 29 กันยายน 2565
ส่วนราคามีดังนี้
ราคายุโรป
- RAM 8GB+128GB ราคา 699 ยูโรหรือประมาณ 25,700 บาท และราคา 629 ปอนด์หรือประมาณ 27,700 บาท
- RAM 16GB+256GB ราคา 799 ยูโรหรือประมาณ 29,400 บาท และราคา 729 ปอนด์หรือประมาณ 32,100 บาท
ราคาอินเดีย
- RAM 8GB+128GB ราคา 49,999 รูปีหรือประมาณ 22,900 บาท
- RAM 12GB+256GB ราคา 54,999 รูปีหรือประมาณ 25,150 บาท
- RAM 16GB+256GB ราคา 55,999 รูปีหรือประมาณ 25,600 บาท
และราคาในสหรัฐอเมริกาเริ่มต้นที่ 649 ดอลล่าร์สหรัฐหรือประมาณ 23,500 บาท สำหรับรุ่น RAM 8GB+128GB และ 749 ดอลล่าร์สหรัฐหรือประมาณ 27,160 บาท สำหรับรุ่น RAM 16GB+256GB
ที่มา : Gsmarena