OnePlus ประกาศเปิดตัว OnePlus 11 5G และ OnePlus Buds Pro 2 ในตลาดโลกอย่างเป็นทางการที่งาน Cloud 11 โดยทั้งคู่เปิดตัวที่จีนไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ดังนั้นจึงมีสเปกที่เหมือนกัน
สเปก OnePlus 11 5G
ตัวเครื่องมีขนาด 163.1 x 74.1 x 8.5 มม. และน้ำหนัก 205 กรัม มีโครงสร้างเป็นแซนวิชแก้วที่มีกรอบโลหะ หน้าจอแสดงผล Punch Hole Display แบบ Samsung E4 AMOLED ความละเอียด QHD+ 1440 x 3216 พิกเซล ขนาด 6.7 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz, รองรับ Dolby Vision, รองรับ HDR10+, ความสว่างสูงสุด 1,300nits และรองรับ Always-on display
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 3.2GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Qualcomm SM8550 Snapdragon 8 Gen 2 (4 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 740, RAM 12GB/16GB แบบ LPDDR5, หน่วยความจำภายใน 256GB/512GB แบบ UFS 4.0 และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย OxygenOS 13
ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว AI Triple Camera ที่พัฒนาร่วมกับ Hasselblad รุ่นที่ 3 พร้อมไฟแฟลชคู่ Dual LED ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX890 รูรับแสง f/1.8, 24mm (wide), 1/1.56″, ระบบ PDAF และระบบกันสั่น OIS
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide เซ็นเซอร์ Sony IMX581 ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 พร้อมระบบ AF และถ่ายมุมกว้างได้ 115 องศา
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Telephoto ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0, 48mm, 1/1.56″, ระบบ PDAF และซูมออปติคอล 2x
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
นอกจากนี้ยังรองรับการกันน้ำ IP54, ติดตั้งแถบเลื่อนแจ้งเตือน Alert Slider, ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ, มอเตอร์สั่นสะเทือนไบโอนิค, ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว VC, ลำโพงคู่สเตอริโอ
รวมทั้งรองรับ 2 SIM, รองรับ 4G/5G แบบ Dual Mode (SA และ NSA), Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, ฺBluetooth 5.3, NFC, พอร์ต USB Type-C และใช้แบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh รองรับชาร์จไว SuperVOOC 100W ชาร์จ 100% ภายในเวลาเพียง 25 นาที
ทั้งนี้ OnePlus 11 5G มีให้เลือก 2 สีคือ สีเขียว Eternal Green เขียว และสีดำ Titan Black โดยเปิดให้สั่งจองเป็นเจ้าของในอินเดียเป็นที่แรก พร้อมอเมริกาเหนือ, ยุโรป, อิสราเอล และสิงคโปร์ ส่วนราคามีดังนี้
- RAM 8GB + 128GB ราคา 699 ดอลล่าร์หรือประมาณ 23,500 บาท
- RAM 16GB + 256GB ราคา 799 ดอลล่าร์หรือประมาณ 26,900 บาท
และในงานยังได้ประกาศวันเปิดตัวในโซนเอเชียด้วย ซึ่งระบุว่าประเทศไทยงานจะมีขึ้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ รอลุ้นราคาที่จะวางขายบ้านเราในวันวาเลนไทน์กันครับ
ต่อด้วยหูฟังไร้สาย OnePlus Buds Pro 2 ที่ทำงานร่วมกับ Dynaudio ผู้ผลิตลำโพงจากเดนมาร์ก และเป็นหูฟังที่มีไดรเวอร์คู่ MelodyBoost 11 มม. + 6 มม. รองรับระบบเสียงรอบทิศทางเมื่อใช้ร่วมกับฟีเจอร์ Dolby Head Tracking บน OnePlus 11 5G
OnePlus Buds Pro 2 รองรับระบบเสียงรอบทิศทาง ซึ่งเมื่อใช้ร่วมกับ Dolby Head Tracking บน OnePlus 11 5G จะเปิดใช้งานเอฟเฟกต์เสียง 3 มิติเมื่อคุณหันศีรษะในแอปต่างๆ เช่น YouTube และ Disney+
รวมทั้งมีระบบตัดเสียงรบกวนอัจฉริยะที่ได้รับการรับรองจาก TUV สามารถตัดเสียงรบกวนได้มากถึง 48dB พร้อมโหมด Transparency เพื่อเปิดรับเสียงจากภายนอกโดยไม่ต้องถอดหูฟัง
สำหรับอายุการใช้งานของรุ่นนี้จะอยู่ได้นานสูงสุด 39 ชั่วโมง รองรับการชาร์จไร้สายผ่านแท่นชาร์จมาตรฐาน Qi หรือชาร์จผ่านพอร์ต USB-C
ทั้งนี้ หูฟังไร้สาย OnePlus Buds Pro 2 มีให้เลือก 2 สีคือ สีดำ และเขียว ราคา 179 ดอลล่าร์หรือประมาณ 6,000 บาท วางจำหน่ายผ่านทางเว็บไซต์ของ OnePlus และ Amazon ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้
ที่มา : Gsmarena