คลังเก็บ

เปิดตัว Nothing Phone (2a) มาพร้อมชิป Dimensity 7200 Pro, ดีไซน์ Glyph Interface และกล้องหลังคู่ 50MP

Nothing ประกาศเปิดตัว Nothing Phone (2a) อย่างเป็นทางการ โดยเป็นสมาร์ตโฟนระดับกลางรุ่นแรก และรุ่นที่ 3 ของบริษัท โดยมีความแตกต่างจากรุ่นเรือธงเล็กน้อยในส่วนของดีไซน์ และยังคงอัดแน่นด้วยคุณสมบัติหลักระดับพรีเมี่ยม ในราคาเพียงหมื่นนิดๆ เท่านั้น !!!

สเปก Nothing Phone (2a)

Nothing Phone (2a)

ตัวเครื่องมีขนาด 161.7 x 76.3 x 8.6 มม. และน้ำหนัก 190 กรัม หน้าจอแสดงผล Punch Hole Display แบบ Flexible AMOLED 1 พันล้านสี ความละเอียด FHD+ 1080 x 2412 พิกเซล ขนาด 6.7 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz, รองรับ HDR10+, ความสว่างสูงสุด 1300nits, ครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5 และรองรับ Always On Display

ด้านหลังของ Nothing Phone (2a) มาในคอนเซ็ปต์โปร่งใสโชว์การจัดวางของขดลวดและสายแพร์ พร้อมด้วยเส้นไฟ LED (Glyph) อันเป็นเอกลักษณ์ โดยมีการจัดวางกล้องหลังตรงกลางเครื่อง ล้อมด้วยขดลวด NFC และเส้นไฟ Glyph ช่วยขับตัวกล้องให้โดดเด่น คล้ายดวงตาที่กำลังจ้องมอง กระจกฝาหลังของ Nothing Phone (2a) ออกแบบให้ครอบทับไปถึงตัวเฟรมด้านข้าง ช่วยเพิ่มความทนทานต่อการกระแทก

สำหรับเส้นไฟ LED หรือ Glyph Interface สามารถแสดงแจ้งเตือน และเป็นลูกเล่นสำหรับฟีเจอร์การจับเวลา, ไฟฉาย และ Glyph Progress ในการติดตามสถานะของแอป

ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.8GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Mediatek Dimensity 7200 Pro (4 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G610 MC4, RAM 8GB/12GB แบบ LPDDR4X, หน่วยความจุภายใน 128GB/256GB แบบ UFS 3.1 และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 14 ครอบทับด้วย Nothing OS 2.5 รองรับการอัปเดตระบบปฏิบัติการ 3 ปี และแพตช์ความปลอดภัย 4 ปี

ติดตั้งกล้องหลังคู่ Dual Camera พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย

  • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9, 24mm (wide), 1/1.56″, ระบบ PDAF และระบบกันสั่น OIS
  • กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2, 1/2.76″, 0.64µm และถ่ายมุมกว้างได้ 114 องศา

พร้อมอัดแน่นด้วยฟีเจอร์ UltraXDR, Motion Capture, Night Mode, Action Mode และ Portrait Optimizer

ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2

รวมทั้งรองรับการกันน้ำกันฝุ่น IP54, ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G/5G แบบ Dual Mode (SA และ NSA), Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, ฺBluetooth 5.3, NFC, พอร์ต USB Type-C, และใช้แบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 45W ชาร์จ 50% ภายใน 23 นาที และชาร์จ 100% ภายใน 60 นาที

ทั้งนี้ Nothing Phone (2a) มีให้เลือก 2 สีคือ สีดำ และสีขาว โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยวันที่ 12 มีนาคม 2024 ซึ่งในล็อตแรกจะอยู่ภายใต้แคมเปญ #THE100 Drop จำนวนจำกัด 100 เครื่อง ใช้วิธีวางขายแบบใครมาก่อนได้ก่อน

ส่วนราคามีดังนี้

  • รุ่น RAM 8 + 128GB ราคา 11,499 บาท
  • รุ่น RAM 12 + 256GB ราคา 12,999 บาท

ที่มา : Nothing