Nothing ประกาศเปิดตัว Nothing Phone (1) สมาร์ตโฟนเครื่องแรกในตลาดโลก ด้วยจุดเด่นที่ดีไซน์สุดเท่ แหวกแนวไม่เหมือนใคร ด้วยตัวเครื่องด้านหลังที่มีไฟเส้น LED สีขาวสามารถกกะพริบเป็นจังหวะตามเสียงเรียกเข้า หรือ Notification ได้ พร้อมสเปกจัดเต็ม
สเปก Nothing Phone (1)
ตัวเครื่องมีขนาด 159.2 x 75.8 x 8.3 มม. และน้ำหนัก 193.5 กรัม หน้าจอแสดงผล Punch Hole Display แบบ OLED 1 พันล้านสี ความละเอียด FHD+ 1080 x 2400 พิกเซล ขนาด 6.55 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz, รองรับ HDR10+, ความสว่างสูงสุด 1200nits และครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5
ฝาหลัง Nothing phone (1) โปร่งใสมีเส้นไฟ LED สีขาวที่ถูกออกแบบมาให้สามารถกะพริบตามเสียงเรียกเข้าได้ โดย Carl เผยว่ามันสะดวกมากหากตั้งค่าเสียงเรียกเข้าแยกแต่ละคน เพราะเวลาวางมือถือคว่ำหน้าเอาไว้ เราจะเห็นการกะพริบที่แตกต่างออกไปและแยกแยะได้ว่าใครโทรมาแม้ตอนนั้นจะปิดเสียงเอาไว้ก็ตาม
นอกจากนี้ไฟ LED ยังกะพริบตามการแจ้งเตือน หรือเวลาเสียบชาร์จได้ด้วย และหลังจากนี้จะมีฟีเจอร์อื่น ๆ ของ Glyph Interface ตามออกมาอีกเรื่อย ๆ
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.5GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Qualcomm SM7325-AE Snapdragon 778G+ 5G (6 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 642L, RAM 8GB/12GB แบบ LPDDR4X, หน่วยความจุภายใน 128GB/256GB แบบ UFS 3.1 และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย Nothing OS
ติดตั้งกล้องหลังคู่ Dual Camera พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX766 รูรับแสง f/1.9, 24mm (wide), 1/1.56″, 1.0µm, ระบบ PDAF และระบบกันสั่น OIS
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Samsung JN1 รูรับแสง f/2.2 และถ่ายมุมกว้างได้ 114 องศา
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX471 รูรับแสง f/2.5
รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G/5G แบบ Dual Mode (SA และ NSA), Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, hotspot, ฺBluetooth 5.2, NFC, พอร์ต USB Type-C, และใช้แบตเตอรี่ความจุ 4,500mAh รองรับชาร์จเร็ว 33W ชาร์จ 50% ภายใน 30 นาที และชาร์จ 100% ภายใน 70 นาที, รองรับชาร์จแบบไร้สาย 15W, ชาร์จแบบย้อนกลับ 5W, Power Delivery 3.0 และ Quick Charge 4.0
ทั้งนี้ Nothing Phone (1) มีให้เลือก 2 สีคือ สีดำ และสีขาว โดยวางจำหน่ายที่สหราชอาณาจักรผ่านทาง Kiosk, Covent Garden ในวันที่ 16 กรกฎาคม หลังจากนั้นจะวางจำหน่ายที่ร้านค้าปลีกพันธมิตรในวันที่ 18 กรกฎาคม และสามารถซื้อผ่านทางเว็บไซต์ Nothing.tech ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป
ส่วนราคามีดังนี้
- RAM 8GB+128GB ราคา 399 ปอนด์หรือประมาณ 17,200 บาท
- RAM 8GB+256GB ราคา 449 ปอนด์หรือประมาณ 19,300 บาท
- RAM 12GB+256GB ราคา 499 ปอนด์หรือประมาณ 21,500 บาท
และจะวางขายในประเทศไทยเฉพาะรุ่น 8GB / 256GB เท่านั้น โดยมีราคาอยู่ที่ 18,900 บาท โดยจะมีขายแบบจำกัดจำนวนในวันที่ 18 กรกฎาคมนี้ทางร้าน Carnivalbkk ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ส่วนวันที่ 1 สิงหาคมจะวางขายที่ Dotlife และ Lazada ด้วย
ที่มา : Gizmochina