คลังเก็บ

LINE ผ่านการรับรองมาตรฐาน OpenChain ISO/IEC 5230 สำหรับการปฏิบัติตามข้อกำหนดของ Open Source

LINE Corporation ประกาศได้รับการผ่านการรับรองมาตรฐาน OpenChain ISO/IEC 5230 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลในการปฏิบัติตามกฎข้อกำหนดด้านซอฟต์แวร์บนระบบโอเพนซอร์ส

โดยโครงการ OpenChain เป็นหนึ่งในแคมเปญที่พัฒนาขึ้นโดย Linux Foundation ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกําไรชั้นนําที่มุ่งเน้นการส่งเสริมนวัตกรรมผ่านโอเพนซอร์สและเพื่อร่วมพัฒนาแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด รวมถึงกำหนดมาตรฐานต่าง ๆ สําหรับซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส ฮาร์ดแวร์ เกณฑ์มาตรฐาน และการจัดการข้อมูล

LINE

จากการได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 5230 ทำให้ LINE ได้รับการยอมรับทั่วโลกว่ามีการใช้งานที่มีการจัดการที่เป็นระบบและน่าเชื่อถือ โดยนักพัฒนาของ LINE จำนวนหลายพันคนทั่วโลก ที่ทำงานอยู่ในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม ต่างใช้งานและพัฒนาระบบโอเพนซอร์สตามมาตรฐานสากล นอกจากนี้ ทีมงานโอเพนซอร์สของ LINE ยังยึดหลักปฏิบัติงานตามกฎระเบียบหลักในการจัดการด้านโอเพนซอร์สอย่างเคร่งครัด

ก่อนหน้านี้ LINE ยังเคยนำเอาเทคโนโลยีที่พัฒนาเองภายในมาออกเป็นซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สให้นักพัฒนาภายนอกได้ใช้งานอย่างเช่น Armeria ซอฟต์แวร์เฟรมเวิร์คที่ทำงานแบบ Asynchronous (ทำงานแบบไม่เป็นลำดับ) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหลักของระบบแชทของ LINE 

นอกจากนี้ LINE ยังเป็นผู้สนับสนุนระดับซิลเวอร์ของ Apache Software Foundation ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกําไรของอเมริกาที่สนับสนุนด้านการพัฒนาโอเพนซอร์สตั้งแต่ปี 2022 โดยตั้งแต่ปี 2021 LINE ได้จัดงาน LINE Open Source Sprint ซึ่งเป็นกิจกรรมภายในที่นักพัฒนาระบบของ LINE สามารถเข้าร่วมในโครงการโอเพนซอร์สต่างๆ ได้เป็นเวลาถึงหนึ่งเดือน การจัดกิจกรรมเช่นนี้ไม่เพียงช่วยให้ LINE ได้มีโอกาสสนับสนุนการเติบโตของนักพัฒนาแบบรายบุคคล แต่ยังช่วยตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะสร้างวัฒนธรรมด้านโอเพนซอร์สที่เต็มไปด้วยความร่วมมือกับผู้ให้บริการระบบนิเวศโอเพนซอร์สต่างๆ ในทั่วโลก

สโนว์ ควอน CTO แห่ง LINE Plus กล่าวว่า “LINE มีประวัติความสำเร็จอันยาวนานในการบุกเบิกเทรนด์เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในทุกสาขา ได้แก่ ด้าน การส่งข้อความปัญญาประดิษฐ์, บล็อกเชน และฟินเทค ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการนี้ เราจึงรักษามาตรฐานสูงสุดในการปฏิบัติตามข้อกําหนดและกฎเกณฑ์ของโอเพนซอร์สอย่างเคร่งครัด โดยการผ่านการรับรอง OpenChain ในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่แสดงถึงการยอมรับในความสามารถที่เรามีมาอย่างยาวนานในด้านนี้ และยังเป็นสัญญาณความมุ่งมั่นของเราในการก้าวไปข้างหน้าสู่การพัฒนาระบบโอเพนซอร์สที่ดียิ่งขึ้น”