คลังเก็บ

แอลจี ชวนคนไทยรับมือฝุ่น PM 2.5 ด้วยเครื่องฟอกอากาศ LG PuriCare หลากหลายดีไซน์ พร้อมนวัตกรรมล้ำสมัย ตอบโจทย์การใช้งานทั่วทุกมุมบ้าน

เพราะนวัตกรรมไม่จำกัดแต่เพียงเรื่องเทคโนโลยี แต่ยังรวมไปถึงการพัฒนาดีไซน์ ฟังก์ชันการใช้งานเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งแอลจี มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งานด้วย “นวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดีกว่า” ตามสโลแกน “Innovation for a Better Life” 

จึงได้มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ทั้งในแง่ของเทคโนโลยีควบคู่ไปกับการรังสรรค์ดีไซน์และฟังก์ชันที่รองรับทุกไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้ที่หลาย ๆ คนอาจได้รับผลกระทบจากปัญหามลพิษฝุ่น PM2.5 ซึ่งกลายเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่คนไทยและผู้คนในหลายประเทศทั่วโลกประสบปัญหาอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ของปี

แอลจี จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องฟอกอากาศออกมาหลากหลายรุ่น  ครอบคลุมทั้งความสามารถในการกรองฝุ่น การกำจัดเชื้อแบคทีเรียและไวรัส พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ที่โดดเด่นด้วยฟังก์ชันอันครบครันและดีไซน์ที่ทันสมัย เข้าได้กับการตกแต่งบ้านหลายรูปแบบ จนเป็นมากกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้า

วันนี้ แอลจีจึงขอรวบรวมผลิตภัณฑ์เครื่องฟอกอากาศดีไซน์ต่าง ๆ ที่เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลาย เข้ากับพื้นที่อยู่อาศัยหลายสไตล์ เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนหันมาใส่ใจการยกระดับคุณภาพอากาศภายในบ้านและส่งเสริมสุขภาพอนามัยที่ดี

LG

แอลจี ได้เล็งเห็นเทรนด์การเลือกพื้นที่อยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะในกลุ่มวัยเรียนและวัยทำงานที่มีแนวโน้มย้ายเข้ามาใช้ชีวิตในเมืองมากขึ้น เลือกพักอาศัยในอพาร์ทเมนท์ คอนโดมิเนียม หรือพื้นที่อยู่อาศัยขนาดเล็ก

เราจึงได้เปิดตัวเครื่องฟอกอากาศ LG PuriCare 360 Hit เครื่องฟอกอากาศขนาดกะทัดรัด ประหยัดพื้นที่ใช้สอย ด้วยความสูง 51 เซนติเมตร และความกว้างเพียง 31.5 เซนติเมตร ทำให้ผู้ใช้สามารถวางได้ทุกพื้นที่ในห้อง

โดดเด่นด้วยทรงกระบอกสีขาว ตัดกับสีดำด้านบน โดยมีระบบเซ็นเซอร์อัจฉริยะแสดงคุณภาพอากาศโดยรวม และที่ด้านบนของเครื่องฟอกอากาศ ยังแสดงผลให้เห็นเป็นสีที่เปลี่ยนแปลงไปตามคุณภาพอากาศ แผงควบคุมการทำงานสีเงินมีปุ่มกดสำหรับเลือกความเร็วของใบพัด และโหมดการใช้งานต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย

คงเอกลักษณ์ด้วยดีไซน์แบบ 360 องศา ช่วยฟอกอากาศได้ทั้งห้องไม่ว่าจะตั้งที่มุมไหนหรือในพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้นก็ตาม โดยสามารถกรองและฟอกฝุ่นขนาดเล็ก ก๊าซ กลิ่นไม่พึงประสงค์และสารระเหยได้ถึง 99.9% ปกป้องจากสารก่อภูมิแพ้ ช่วยลดแบคทีเรียด้วย Ionizer ไวรัส ฝุ่นละเอียด และช่วยกระจายอากาศสะอาดบริสุทธิ์ได้อย่างรอบทิศทาง

นอกจากนี้ แอลจีขอมอบอากาศบริสุทธิ์ได้รวดเร็วและครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างยิ่งขึ้นด้วยเครื่องฟอกอากาศ LG PuriCare New 360 มาพร้อมเทคโนโลยี Clean Booster เทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะของแอลจี ส่งลมได้เร็วขึ้น 24 เปอร์เซ็นต์[1] ในระยะไกลสูงสุดถึง 7.5 เมตร

โดดเด่นด้วยการใช้สีขาวตัดกับสีดำ ดีไซน์แบบเรียบง่าย เข้าได้กับทุกห้อง มาพร้อมใบพัดลมทรงพลัง 360 องศา โดยปีกของใบพัดถูกออกแบบให้เป็นรอยหยักเพื่อลดแรงต้านของอากาศ ช่วยให้ฟอกอากาศได้ทรงพลังยิ่งขึ้นอย่างรอบทิศทาง สามารถใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้นด้วยเซ็นเซอร์และจอแสดงผลอัจฉริยะ ส่งมอบคุณภาพอากาศที่ดีที่สุด

และให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบคุณภาพอากาศภายในห้องได้แบบเรียลไทม์ ผ่านจอแสดงผลอัจฉริยะ 4 สี มาพร้อมระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับ PM 1.0 และยังมีการฟอกอากาศอีกหลายขั้นตอน

พร้อมกรองฝุ่นที่มีละอองขนาดเล็กถึง 1.0 ไมครอน (PM1.0) ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าฝุ่น PM2.5 ถึง 2.5 เท่า ได้ถึง 99.999 เปอร์เซ็นต์[2] และสามารถกำจัดเชื้อไวรัส[3]และแบคทีเรีย[4]ได้ 99.9 เปอร์เซ็นต์  ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพในการลดปริมาณเชื้อไวรัสและแบคทีเรียด้วยเทคโนโลยี Plasmaster Ionizer

นอกจากนี้ แอลจียังได้เปิดตัวเครื่องฟอกอากาศ LG PuriCare Aero Series ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ล้ำสมัย และฟังก์ชันครบครัน เป็นมากกว่าเครื่องฟอกอากาศ ซึ่งประกอบไปด้วย LG PuriCare AeroTower และ LG PuriCare AeroFurniture

เพิ่มอากาศสะอาดและเย็นสบายด้วยเครื่องฟอกอากาศดีไซน์ทันสมัยอย่าง LG PuriCare AeroTower ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการทั้งฟังก์ชันแบบ 2-in-1 ทั้งนวัตกรรมเครื่องฟอกอากาศและพัดลม ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ในรูปทรงกระบอกสูง

โดยตัวฐานของเครื่องสามารถดึงอากาศได้จากทุกทิศทางเพื่อกระจายลมได้ 360 องศา โดยใช้เทคโนโลยี Air-Valley ที่สร้างและกระจายลมได้ราวกับสายลมที่ไหลผ่านหุบเขา ทำให้เกิดการไหลเวียนอากาศที่ทรงพลัง แต่กลับทำงานด้วยเสียงที่เบาเพียง 23 เดซิเบล  จึงไม่รบกวนการพักผ่อน

ทั้งยังมาพร้อมโหมดกระจายลมแบบ 2-Way ไม่ว่าจะเป็นการกระจายลมแบบกว้าง และแบบสายลมธรรมชาติ โดยโหมดกระจายลมกว้างจะช่วยกระจายอากาศภายในห้องขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนโหมดสายลมธรรมชาติจะให้สายลมที่อ่อนโยนอย่างพอดี จึงรองรับการใช้งานในห้องต่าง ๆ ภายในบ้านได้หลากหลายสไตล์

ส่วน LG PuriCare AeroFurniture คือคำจำกัดความอันสมบูรณ์แบบสำหรับการเป็นมากกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะมาในรูปทรงของโต๊ะที่จะช่วยเพิ่มประโยชน์ใช้สอยพร้อมกับดีไซน์ที่สวยงาม การันตีด้วยรางวัล Red Dot Design 2023 สาขาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมด้านการออกแบบ

โดยมีให้ลูกค้าเลือกถึง 3 สีเพื่อรองรับทุกสไตล์การแต่งห้อง ได้แก่ สีขาว สีเหลือง และสีแดง เพิ่มสีสัน ทั้งยังพร้อมสร้างบรรยากาศให้กับทุกการใช้งานได้ด้วยโคมไฟ Mood Lighting ที่สามารถเปลี่ยนแสงไฟด้วยการควบคุมอย่างง่ายดายเพียงกดปุ่ม

หรือสั่งงานผ่านแอปพลิเคชัน LG ThinQ และมีระบบฟอกอากาศที่เปี่ยมประสิทธิภาพจากตัวกรอง HEPA 360 ที่กำจัดแบคทีเรียในอากาศได้ถึง 99 เปอร์เซ็นต์

ทำงานด้วยเสียงเบาเพียง 21 เดซิเบล ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ด้วยฟีเจอร์แท่นชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย นี่จึงเป็นเครื่องฟอกอากาศที่ช่วยสร้างอากาศบริสุทธิ์ และเติมเต็มดีไซน์และการใช้งานให้กับห้องของคุณได้แบบไม่เหมือนใคร

นอกจากนี้ เครื่องฟอกอากาศรุ่นใหม่จากแอลจียังมอบความสะดวกสบายด้วยฟีเจอร์การเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชัน LG ThinQ บนสมาร์ทโฟนของผู้ใช้ เพื่อให้คุณสามารถควบคุมและตรวจสอบการทำงานและคุณภาพอากาศให้คนที่บ้านได้อย่างสะดวกสบายจากทุกที่

มาพร้อมดีไซน์และฟังก์ชันทันสมัยเข้ากับทุกการตกแต่ง เหมาะเป็นอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้ที่หลายพื้นที่ในประเทศไทยปกคลุมไปด้วยมลพิษจากฝุ่น PM 2.5 การเลือกใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีเทคโนโลยีที่กรองและฟอกฝุ่นขนาดเล็กได้อย่างแท้จริง

จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม เพื่อสุขอนามัยที่ดีของทุกคนในครอบครัวและคนที่คุณรัก โดยผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลแอลจี 02-057-5757 


[1] ทดสอบโดยห้องปฏิบัติการภายในของ LG ที่มีพื้นที่ปิด 259 ลูกบาศก์เมตร (9.8 x 9.8 x 2.7 เมตร) โดยใช้ PuriCare 360° (รุ่น AS309DWA) โดยเปิดโหมด Clean Booster โดยวัดความเร็วลมที่ความสูง 1.5 เมตรที่ความสูง ห่างจากสินค้า 7.5 เมตร

[2] ทดสอบและได้รับการรับรองโดยศูนย์วิจัย Korea Conformity Laboratories (KCL) ประเทศเกาหลีใต้ ว่าสามารถกำจัดฝุ่นละอองขนาด 0.01μm ได้ถึง 99.999 เปอร์เซ็นต์ ภายใน 60 นาที หลังจากใช้งานเครื่องฟอกอากาศ LG PuriCare™ รุ่น AS309DWA ในโหมด Clean Booster เป็นเวลา 20 นาที ในห้องขนาด 30.3m3

[3] ทดสอบและได้รับการรับรองโดยสถาบัน Korea Testing and Research (KTR) ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2563

[4] ทดสอบและได้รับการรับรองโดยบัณฑิตวิทยาลัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2563