Huawei ประกาศเปิดตัว Huawei Mate 20 และ Mate 20 Pro สองสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ในตระกูล Mate Series อย่างเป็นทางการที่เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ
โดยมาพร้อมชิปเซ็ท Kirin 980 บนสถาปัตยกรรม 7nm รุ่นแรกของสมาร์ทโฟน Android และกล้องเลนส์ LEICA ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่
สเปก Huawei Mate 20
ตัวเครื่องใช้วัสดุที่ทำจากโลหะครอบทับด้วยกระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ด้วยขนาด 158.2 x 77.2 x 8.3 มม. และน้ำหนัก 188 กรัม
มาพร้อมจอ Huawei Dewdrop Display ความละเอียด FHD+ 2244 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.53 นิ้ว ในอัตราส่วน 18.7:9 รองรับ DCI-P3 HDR
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Kirin 980, หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G76 MP10, RAM 4GB/6GB, หน่วยความจำภายใน 128GB เพิ่มได้ด้วย Nano Memory และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 9 Pie ครอบทับด้วย EMUI 9
ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัวที่พัฒนาร่วมกับ LEICA พร้อมไฟแฟลช LED โดยกล้องหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, เลนส์มุมกว้าง Wide Angle และรูรับแสง f/1.8
กล้องตัวที่สองความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง Ultra Wide Angle และรูรับแสง f/2.2 และกล้องตัวที่สามความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เลนส์ Telephoto 2 เท่า ขนาด 52 มม. รูรับแสง f/2.4 และระบบกันสั่น OIS
รวมทั้งรองรับการถ่ายวิดีโอในโหมด slow-mo ที่ 720@960fps, รองรับการซูมแบบออฟติคอล 3 เท่า, ระบบ EIS, เทคโนโลยี Variable Aperture, โหมด Portrait และสามารถถ่ายได้นานโดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ที่พัฒนาร่วมกับ LEICA ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 และรองรับโหมด Portrait แบบ live bokeh effects
รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังเครื่อง, รองรับการกันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP53, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G LTE, Wi-Fi a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0, NFC,
พอร์ต USB Type-C, พอร์ต IR blaster, ช่องหูฟัง 3.5 มม. และแบตเตอรี่ความจุ 4,000mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Super Charge 22.5W และชาร์จแบบไร้สาย Wireless Charger
ทั้งนี้ Huawei Mate 20 มีให้เลือก 5 สีคือ Emerald Green, Midnight Blue, Black, Pink Gold และ Twilight
โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 800 ยูโรหรือประมาณ 30,125 บาทสำหรับรุ่น RAM 4GB, ROM 128GB และราคา 850 ยูโรหรือประมาณ 32,000 บาทสำหรับรุุ่น RAM 6GB, ROM 128GB เริ่มวางจำหน่ายในยุโรปตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคมเป็นต้นไป
สเปก Huawei Mate 20 Pro
ตัวเครื่องใช้วัสดุที่ทำจากโลหะครอบทับด้วยกระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ด้วยขนาด 157.8 x 72.3 x 8.6 มม. และน้ำหนัก 189 กรัม
มาพร้อมจอ Huawei FullView Display แบบ HDR OLED ขอบโค้ง ความละเอียด QHD+ 3120 x 1440 พิกเซล ขนาด 6.53 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.5:9 รองรับ DCI-P3 HDR และมีรอยบากหรือ Notch อยู่ตรงกลางด้านบน
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Kirin 980, หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G76 MP10 GPU, RAM 6GB, หน่วยความจำภายใน 128GB เพิ่มได้ด้วย Nano Memory และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 9 Pie ครอบทับด้วย EMUI 9
ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัวที่พัฒนาร่วมกับ LEICA พร้อมไฟแฟลช LED โดยกล้องหลักความละเอียด 40 ล้านพิกเซล, เลนส์มุมกว้าง Wide Angle และรูรับแสง f/1.8
กล้องตัวที่สองความละเอียด 20 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง Ultra Wide Angle และรูรับแสง f/2.2 และกล้องตัวที่สามความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เลนส์ Telephoto 3 เท่า ขนาด 80 มม. รูรับแสง f/2.4 และระบบกันสั่น OIS
รวมทั้งรองรับการถ่ายวิดีโอในโหมด slow-mo ที่ 720@960fps, รองรับการซูมแบบออฟติคอล 5 เท่า, ระบบ OIS + EIS, เทคโนโลยี Variable Aperture, โหมด Portrait และสามารถถ่ายได้นานโดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ที่พัฒนาร่วมกับ LEICA ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 และรองรับโหมด Portrait แบบ live bokeh effects
รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังไว้ใต้หน้าจอ, รองรับ 3D Face Unlock, รองรับการกันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G LTE, Wi-Fi a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0, NFC,
พอร์ต USB Type-C, พอร์ต IR blaster, ช่องลำโพงคู่สเตอริโอ, ช่องหูฟัง 3.5 มม. และแบตเตอรี่ความจุ 4,200mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Super Charge 40W และชาร์จแบบไร้สาย Wireless Charger
ทั้งนี้ Huawei Mate 20 Pro มีให้เลือก 5 สีคือ Emerald Green, Midnight Blue, Black, Pink Gold และ Twilight
โดยมีราคาอยู่ที่ 1.050 ยูโรหรือประมาณ 39,540 บาท เริ่มวางจำหน่ายในยุโรปตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคมเป็นต้นไป