Xiaomi ประกาศเปิดตัว Redmi Note 11 Series อย่างเป็นทางการที่ประเทศจีน ประกอบด้วย Redmi Note 11, Note 11 Pro และ Note 11 Pro+ มาพร้อมการอัปเกรดครั้งใหญ่ทั้งรูปลักษณ์ดีไซน์ สเปก และราคา
สเปก Redmi Note 11
ตัวเครื่องมีขนาด 163.56×75.78×8.75 มม. และน้ำหนัก 195 กรัม หน้าจอแสดงผล Punch Hole Display แบบ IPS LCD ความละเอียด FHD+ 1080 x 2400 พิกเซล ขนาด 6.6 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 90Hz และเจาะรูฝังกล้องเซลฟี่ที่ตรงกลางด้านบน
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.4GHz โดยใช้ชิปเซ็ท MediaTek Dimensity 810 5G (6 nm), หน่วยประมวลกราฟิก Mali-G57 MC2, RAM 4GB/6GB/8GB, หน่วยความจำภายใน 128GB/256GB และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 12.5
ติดตั้งกล้องหลังคู่ Dual Camera พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, 26mm (wide) และระบบ PDAF
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
รวมทั้งติดต้้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างเครื่อง, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G LTE/5G dual band (SA/NSA), Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5.1, พอร์ตอินฟราเรด, พอร์ต USB Type-C และแบตเตอรี่ความจุ 5.000mAh รองรับขาร์จเร็ว 33W ชาร์จ 0-100% ในเวลา 62 นาที
ทั้งนี้ Redmi Note 11 มีให้เลือก 3 สีคือ Mysterious Black, Milky Way Blue และ Mint Green โดยจะวางจำหน่ายที่ประเทศจีน 1 พฤศจิกายน 2021 ส่วนราคามีดังนี้
- RAM 4GB+128GB ราคา 1,199 หยวนหรือประมาณ 6,200 บาท
- RAM 6GB+128GB ราคา 1,299 หยวนหรือประมาณ 6,800 บาท
- RAM 8GB+128GB ราคา 1,499 หยวนหรือประมาณ 7,800 บาท
- RAM 6GB+256GB ราคา 1,699 หยวนหรือประมาณ 8,800 บาท
สเปก Redmi Note 11 Pro และ Note 11 Pro+
ตัวเครื่องมีความบางเพียง 8.3 มม. และน้ำหนัก 207 กรัม (Note 11 Pro)/ 204 กรัม (Note 11 Pro+) หน้าจอแสดงผล Punch Hole Display แบบ AMOLED ความละเอียด FHD+ 1080 x 2400 พิกเซล ขนาด 6.67 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1200nits, ครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5 และเจาะรูฝังกล้องเซลฟี่ที่ตรงกลางด้านบน
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.5GHz โดยใช้ชิปเซ็ท MediaTek Dimensity 920 5G (6 nm), หน่วยประมวลกราฟิก Mali-G68 MC4, RAM 6GB/8GB, หน่วยความจำภายใน 128GB/256GB และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 12.5
ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว Triple Camera พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/1.9, 26mm (wide), 1/1.52″, 0.7µm และระบบ dual pixel PDAF
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และถ่ายมุมกว้างได้ 120 องศา
- กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Telephoto Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล, 50mm และรูรับแสง f/2.4
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
รวมทั้งติดต้้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างเครื่อง, ลำโพงสเตอริโอที่ได้รับการปรับจูนโดย JBL, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G LTE/5G dual band (SA/NSA), Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 5.2, พอร์ตอินฟราเรด, พอร์ต USB Type-C
และใช้แบตเตอรี่ความจุ 5,160mAh รองรับการชาร์จเร็ว 67W ชาร์จ 0-100% ในเวลา 43 นาที (Note 11 Pro) / 4,500mAh รองรับการชาร์จเร็ว 120W ชาร์จ 0-100% ในเวลา 15 นาที (Note 11 Pro+)
ทั้งนี้ Redmi Note 11 Pro มีให้เลือก 4 สีคือ Mysterious Black, Forest Green, Timeless Purple และ Milky Way Blue (Glossy) โดยจะวางจำหน่ายที่ประเทศจีน 5 พฤศจิกายน 2021 ส่วนราคามีดังนี้
- RAM 6GB+128GB ราคา 1,599 หยวนหรือประมาณ 8,300 บาท
- RAM 8GB+128GB ราคา 1,899 หยวนหรือประมาณ 9,900 บาท
- RAM 6GB+256GB ราคา 2,099 หยวนหรือประมาณ 10,900 บาท
ส่วน Redmi Note 11 Pro+ มีให้เลือก 3 สีคือ Mysterious Black, Forest Green และ Timeless Purple โดยจะวางจำหน่ายที่ประเทศจีน 1 พฤศจิกายน 2021 ส่วนราคามีดังนี้
- RAM 6GB+128GB ราคา 1,999 หยวนหรือประมาณ 9,900 บาท
- RAM 8GB+128GB ราคา 2,099 หยวนหรือประมาณ 10,900 บาท
- RAM 6GB+256GB ราคา 2,299 หยวนหรือประมาณ 11,900 บาท
และ Redmi Note 11 Pro+ ยังมีรุ่นพิเศษ Trend Limited Edition YIBO Design ครั้งแรกในโลกกับ Holographic suspension technology บนสมาร์ตโฟน โดยจะวางจำหน่ายที่ประเทศจีน 11 พฤศจิกายน 2021 ในราคา 2,699 หยวนหรือประมาณ 14,000 บาท (RAM 8GB+256GB)
ที่มา : Gsmarena