ASUS ประกาศ ASUS Zenfone 10 อย่างเป็นทางการ โดยเป็นสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นใหม่ตระกูล Zenfone Series ภาคต่อของ Zenfone 9 ที่มาพร้อมจุดเด่นขนาดกระทัดรัด, ใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 8 Gen 2, ติดตั้งกล้องหลังคู่ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันสั่น Gimbal และรองรับชาร์จไว 30W
สเปก ASUS Zenfone 10
ตัวเครื่องมีขนาด 146.5 x 68.1 x 9.4 มม. และน้ำหนัก 172 กรัม หน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED ความละเอียด FHD+ 1080 x 2400 พิกเซล (445ppi) ขนาด 5.92 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 144Hz,
รองรับ HDR10+, ครอบคลุม 112% DCI-P3 และ 151.9% sRGB, ความสว่างสูงสุด 1,100 nits ให้สีสันที่แม่นยำด้วยค่าเฉลี่ย DeltaE < 1, ครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass Victus และรองรับ Always-on display
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 3.2GHz โดยใข้ชิปเซ็ท Qualcomm SM8550-AB Snapdragon 8 Gen 2 (4 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 740, RAM 8GB/16GB แบบ LPDDR5, หน่วยความจำภายใน 128GB/256/512GB แบบ UFS 4.0 และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย ZenUI
ติดตั้งกล้องหลังคู่ Dual Camera พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX766, รูรับแสง f/1.9, 23.8mm (wide), ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.56″, ขนาดพิกเซล 2.0µm, ระบบ PDAF และระบบกันสั่น Gimbal Stabilizer 2.0 แบบไฮบริด 6 แกน
- กล้องรองเลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2, 12.5mm, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/3.06″, ขนาดพิกเซล 1.12µm และถ่ายมุมกว้างได้ 120˚
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.5, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/3.2″, ขนาดพิกเซล 0.7µm และรองรับเทคโนโลยี RGBW
รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ, รองรับการกันน้ำกันฝุ่น IP68, ลำโพงคู่สเตอริโอ พร้อมระบบเสียง Qualcomm AptX แบบไม่สูญเสียข้อมูล, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G/5G Dual Band (SA/NSA), Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6e/7, tri-band, Wi-Fi Direct, Bluetooth 5.3, NFC, ช่องหูฟัง 3.5 มม., พอร์ต USB Type-C
และใช้แบตเตอรี่ความจุ 4,300mAh รองรับการชาร์จเร็ว HyperCharge 30W รวมทั้งรองรับ PD3.0, PPS, Quick Charge 4.0, รองรับการชาร์จแบบไร้สาย 15W และรองรับชาร์จแบบย้อนกลับ Reverse charging 5W
ทั้งนี้ ASUS Zenfone 10 มีให้เลือก 5 สีคือ Midnight Black, Aurora Green, Eclipse Red, White และ Stary Blue โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 799 ยูโร หรือประมาณ 30,950 บาท สำหรับรุ่น RAM 8GB+128GB, ราคา 849 ยูโร หรือประมาณ 32,890 บาทสำหรับรุ่น RAM 16GB+512GB และราคา 929 ยูโร หรือประมาณ 35,990 บาทสำหรับรุ่น RAM 16GB+512GB และจะวางจำหน่ายทั่วโลกเร็วๆ นี้
ที่มา : Gsmarena