iOS 15 เปิดตัววิธีใหม่ๆ ที่จะช่วยให้ต่อติดกับทุกเรื่อง พร้อมด้วยการอัปเดตอันทรงพลังที่จะช่วยผู้ใช้โฟกัสและสำรวจ รวมถึงคุณสมบัติอันชาญฉลาดที่จะช่วยให้ทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้นด้วย iPhone
นอกจากนี้ยังมีการอัปเดต FaceTime เพื่อวิดีโอคอลที่เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น, “โฟกัส” ที่จะช่วยลดการรบกวน, คุณสมบัติใหม่อย่าง “ข้อความในรูปภาพ” หรือ Live Text ซึ่งใช้ระบบอัจฉริยะบนอุปกรณ์เพื่อดึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ออกมาแสดง, การอัปเกรดแอปแผนที่เพื่อเพิ่มวิธีใหม่ๆ ในการท่องโลก และอีกมากมาย iOS 15 พร้อมให้ใช้งานแล้ววันนี้ในรูปแบบของการอัปเดตซอฟต์แวร์ฟรี
ยกระดับการโทร FaceTime ให้เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น
FaceTime มีความสำคัญมากยิ่งกว่าที่เคย เพราะช่วยให้ผู้ใช้ติดต่อกับคนสำคัญได้ง่าย จึงมีการอัปเดตระบบเสียงและวิดีโอของ FaceTime ครั้งใหญ่เพื่อให้การโทรรู้สึกเป็นธรรมชาติและสมจริงยิ่งขึ้น โดยมีการใช้ระบบเสียงตามตำแหน่งเพื่อให้เสียงพูดขณะโทร FaceTime แบบกลุ่มฟังเหมือนกับว่าทิศทางของเสียงมาจากตำแหน่งที่ผู้พูดอยู่บนหน้าจอจริงๆ1 และยังมีโหมดแยกเสียง ซึ่งเป็นโหมดใหม่ของไมโครโฟน ที่ใช้การเรียนรู้ของระบบเพื่อขจัดเสียงรบกวนรอบข้างและเน้นเสียงของผู้ใช้เป็นหลัก
ในขณะที่โหมดสเปกตรัมกว้างจะปล่อยให้ทุกเสียงรอบข้างผ่านเข้ามาได้ และยังมีโหมดภาพถ่ายบุคคลใน FaceTime ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากภาพถ่ายบุคคลสวยๆ ที่ถ่ายด้วย iPhone โดยที่โหมดนี้จะเบลอฉากหลังและโฟกัสที่ผู้ใช้2 นอกจากนี้ยังสามารถใช้โหมดแยกเสียง สเปกตรัมกว้าง และภาพถ่ายบุคคลกับแอปของบริษัทอื่นอย่าง Webex, Zoom และ WhatsApp ได้ด้วย ส่วนการโทร FaceTime แบบกลุ่มก็มีตัวเลือกใหม่สำหรับแสดงผู้เข้าร่วมเป็นช่องสี่เหลี่ยมขนาดเท่ากันในแบบตาราง
การโทร FaceTime ไม่ได้จำกัดแค่อุปกรณ์ Apple อีกต่อไป แต่ยังรวมไปถึงผู้ใช้อุปกรณ์ Android หรือ Windows ที่สามารถเข้าร่วมจากเว็บเบราว์เซอร์ของตัวเองได้แล้ว และที่สำคัญคือการโทร FaceTime บนเว็บยังคงได้รับการเข้ารหัสตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางเช่นเดิม จึงมั่นใจได้ในเรื่องความเป็นส่วนตัว หากต้องการเริ่มการโทรก็ทำได้ง่ายๆ โดยให้ผู้ใช้ iPhone, iPad และ Mac สร้างลิงก์ FaceTime แล้วแชร์ผ่านแอปข้อความ ปฏิทิน เมล หรือแอปของบริษัทอื่น เพียงเท่านี้การติดต่อกับเพื่อนๆ และครอบครัวก็ง่ายยิ่งกว่าที่เคย
SharePlay ซึ่งจะพร้อมใช้งานภายในปีนี้ คือวิธีใหม่ที่จะช่วยให้ผู้ใช้แชร์ประสบการณ์ร่วมกับเพื่อนๆ และครอบครัวขณะโทร FaceTime ได้ อย่างการฟังเพลงด้วยกัน ดูรายการทีวีหรือภาพยนตร์ด้วยกัน ออกกำลังกายด้วยกัน หรือแชร์หน้าจอเพื่อดูแอปต่างๆ โดยที่ SharePlay จะใช้งานได้กับแอปอย่าง Apple Music, Apple TV+ และ Apple Fitness+ รวมถึง Disney+, ESPN+, HBO Max, Hulu, MasterClass, Paramount+, Pluto TV, SoundCloud, TikTok, Twitch และอีกหลายแอป SharePlay สามารถใช้งานผ่าน iPhone, iPad และ Mac อีกทั้งยังมีปุ่มควบคุมการเล่นแบบแชร์ที่ให้ใครก็ได้ในเซสชั่น SharePlay นั้นกดเล่น หยุด หรือข้ามไปข้างหน้าได้ ยิ่งกว่านั้น SharePlay ยังใช้งานบน Apple TV ได้ด้วย ผู้ใช้จึงสามารถดูรายการทีวีหรือภาพยนตร์บนจอใหญ่ได้
อีกหลายวิธีในการต่อติดกับทุกเรื่องด้วยแอปข้อความ
“แชร์กับคุณ” ซึ่งเป็นส่วนใหม่ที่จะปรากฏในแอปรูปภาพ, Safari, Apple News, เพลง, Apple Podcasts และ Apple TV จะแสดงรูปภาพ บทความ และคอนเทนต์อื่นๆ ที่เพื่อนและครอบครัวแชร์มาทางแอปข้อความ โดยที่ “แชร์กับคุณ” จะแสดงรูปภาพที่แชร์มาในแอปรูปภาพ, แสดงบทความใหม่ๆ ใน Apple News และแสดงคอนเทนต์อื่นๆ ในแอปสำหรับคอนเทนต์นั้นโดยอัตโนมัติ และ “แชร์กับคุณ” ยังแสดงด้วยว่าใครเป็นผู้ส่งคอนเทนต์นั้น ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เปิดดูข้อความที่เกี่ยวข้องแล้วกลับไปคุยเรื่องเดิมต่อได้ง่าย
Memoji ใน iOS 15 ให้ผู้ใช้บ่งบอกความเป็นตัวเองในรูปแบบใหม่ๆ ด้วยอุปกรณ์สวมศีรษะหลากสีสัน แว่นตาที่มีให้เลือกเพิ่มหลายแบบ และตัวเลือกใหม่สำหรับการช่วยการเข้าถึง อย่างประสาทหูเทียม สายออกซิเจน และหมวกนิรภัยแบบบุนุ่ม อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งสติกเกอร์ Memoji ด้วยเครื่องแต่งกายมากกว่า 40 แบบ และมีสติกเกอร์ท่าทางใหม่ๆ อีก 9 แบบ อย่างการชูนิ้วหัวแม่มือและนิ้วก้อย โบกมือ และจังหวะปิ๊งไอเดีย
เครื่องมืออันทรงพลังที่จะช่วยโฟกัสความสนใจ
iOS 15 มาพร้อมคุณสมบัติ “โฟกัส” ซึ่งเป็นวิธีใหม่ที่จะช่วยลดการรบกวนโดยรองการแจ้งเตือนตามสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการโฟกัสในขณะนั้น เช่น ผู้ใช้สามารถตั้งโฟกัส “เวลางาน” ในช่วงเวลางานเพื่อรับการแจ้งเตือนเฉพาะที่มาจากเพื่อนร่วมงานและแอปที่ใช้สำหรับการทำงานเท่านั้น แล้วตั้งโฟกัส “เวลาส่วนบุคคล” ในช่วงที่อยากพักและใช้เวลากับเพื่อนๆ หรือครอบครัว หรือตั้งโฟกัส “เวลาเล่นฟิตเนส” เพื่อช่วยให้ผู้ใช้จดจ่ออยู่กับการออกกำลังกายจนเสร็จ โดยที่ผู้ใช้สามารถสร้างโฟกัสของตัวเอง หรือเลือกจากโฟกัสที่มีให้ ซึ่งใช้ระบบอัจฉริยะบนอุปกรณ์เพื่อแนะนำว่าควรอนุญาตการแจ้งเตือนจากใครและจากแอปใดบ้าง
และถ้าอยากโฟกัสยิ่งกว่าเดิม ก็สามารถทำได้โดยการสร้างหน้าจอโฮมแบบเฉพาะที่มีเพียงแอปและวิดเจ็ตที่เกี่ยวข้องกับโฟกัสนั้นนอกจากนี้ในขณะใช้งานโฟกัสก็จะมีการแสดงสถานะให้ผู้ติดต่อเห็นโดยอัตโนมัติในแอปข้อความและแอปสื่อสารของบริษัทอื่นที่รองรับอย่าง Slack เพื่อให้คนอื่นรู้ว่าไม่ควรรบกวน เท่านั้นยังไม่พอ เพราะผู้ใช้จะได้รับคำแนะนำให้เปิดโฟกัสตามปัจจัยต่างๆ อย่างช่วงเวลาของวันหรือสถานที่ และเมื่อตั้งค่าโฟกัสในอุปกรณ์ Apple เครื่องหนึ่งแล้ว ก็จะมีผลกับอุปกรณ์ Apple อื่นๆ ของผู้ใช้โดยอัตโนมัติ
การแจ้งเตือนโฉมใหม่
การแจ้งเตือนได้รับการออกแบบใหม่โดยการเพิ่มรูปของผู้ติดต่อในกรณีที่มาจากบุคคลและมีไอคอนที่ใหญ่ขึ้นในกรณีที่มาจากแอป ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้ผู้ใช้ระบุได้ง่ายขึ้นว่าเป็นการแจ้งเตือนอะไร และมีสรุปการแจ้งเตือน ซึ่งจะรวมการแจ้งเตือนเป็นคอลเลกชั่นที่มีประโยชน์แล้วส่งให้ทุกวันตามเวลาที่ผู้ใช้กำหนดไว้ โดยที่สรุปการแจ้งเตือนจะใช้ระบบอัจฉริยะบนอุปกรณ์เพื่อจัดเรียงการแจ้งเตือนตามลำดับความสำคัญ และแสดงการแจ้งเตือนที่ผู้ใช้น่าจะสนใจที่สุดไว้บนสุด อ้างอิงตามการโต้ตอบระหว่างผู้ใช้กับแอปต่างๆ ส่วนการแจ้งเตือน ข้อความ และสายเรียกเข้าที่สำคัญต่อเวลาจะแสดงในทันที เพื่อให้ผู้ใช้ไม่พลาดการแจ้งเตือนที่ควรได้รับในเวลานั้น และถ้าอยากปิดเสียงแอปหรือประเด็นการสนทนาใดเป็นการชั่วคราว ไม่ว่าจะเพียงหนึ่งชั่วโมงหรือตลอดวัน ก็ทำได้ง่ายๆ
ระบบอัจฉริยะบนอุปกรณ์คือขุมพลังเบื้องหลังคุณสมบัติ “ข้อความในรูปภาพ”, การค้นหาขั้นสูงด้วย Spotlight และ “ความทรงจำ”
คุณสมบัติ “ข้อความในรูปภาพ” ช่วยให้ผู้ใช้โต้ตอบกับข้อความในรูปภาพได้ คุณสมบัติ “ข้อความในรูปภาพ” หรือ Live Text ใช้ระบบอัจฉริยะบนอุปกรณ์เพื่ออ่านข้อความในรูปภาพทั่วทั้งระบบ รวมถึงบนเว็บ และช่วยให้ผู้ใช้ทำสิ่งต่างๆ อย่างการคัดลอกและวาง ค้นข้อมูล หรือแปลได้ โดยที่ผู้ใช้สามารถแตะภาพหมายเลขโทรศัพท์เพื่อโทรติดต่อ หรือแตะภาพของที่อยู่เว็บเพื่อเปิดใน Safari ได้
ยิ่งกว่านั้นยังมี Neural Engine อันทรงพลังที่ทำให้แอปกล้องสามารถตรวจหาและคัดลอกข้อความได้อย่างรวดเร็วขณะใช้งานอยู่ เช่น รหัสผ่าน Wi-Fi ที่แสดงอยู่ในร้านกาแฟ และยังมีคุณสมบัติ “ค้นดูจากภาพ” ที่ให้ผู้ใช้ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานศิลปะยอดนิยม สถานที่สำคัญ หนังสือ พืชและดอกไม้ที่พบตามธรรมชาติ และพันธุ์ของสัตว์เลี้ยงได้
Spotlight ให้คุณค้นหาได้ทุกอย่างบน iPhone โดยที่ตอนนี้สามารถเรียกใช้ได้โดยตรงจากหน้าจอล็อค และยังสามารถค้นหารูปภาพตามสถานที่ ผู้คน สภาพแวดล้อม หรือวัตถุได้ด้วย และ Spotlight ก็สามารถหาข้อความและลายมือในรูปภาพได้เช่นกันโดยใช้คุณสมบัติ “ข้อความในรูปภาพ”iOS 15 มาพร้อมการอัปเดตครั้งใหญ่ที่สุดสำหรับคุณสมบัติ “ความทรงจำ” ทั้งหน้าตาที่สดใหม่ อินเทอร์เฟซแบบอินเทอร์แอ็คทีฟ และการทำงานร่วมกับ Apple Music ซึ่งใช้ระบบอัจฉริยะบนอุปกรณ์เพื่อแนะนำเพลง รวมถึงความทรงจำใหม่ในแบบภาพยนตร์ที่ช่วยให้ย้อนดูช่วงเวลาประทับใจหรือช่วงเวลาที่อาจลืมไปแล้วได้ง่ายขึ้น
ประสบการณ์ใหม่ในการท่องเว็บด้วย Safari
Safari พร้อมมอบประสบการณ์การท่องเว็บที่ออกแบบขึ้นใหม่เพื่อให้ผู้ใช้เอื้อมถึงส่วนควบคุมต่างๆ ได้ง่ายขึ้น เริ่มจากรายการแถบแบบใหม่ที่จะแสดงอยู่ด้านล่างของหน้าจอเป็นค่าเริ่มต้น เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสลับไปมาระหว่างแต่ละแถบได้ง่ายด้วยมือเดียว และยังมี “กลุ่มแถบ” หรือ Tab Groups ที่ให้ผู้ใช้จัดระเบียบแถบต่างๆ และเข้าถึงได้ง่ายทุกเมื่อไม่ว่าจะอยู่บน iPhone, iPad หรือ Mac พร้อมด้วยหน้าเริ่มต้นที่ปรับแต่งได้ และส่วนขยายบน iOS ที่ทำให้ Safari ทรงพลังและตอบโจทย์ของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น
นำทางและสำรวจโลกด้วย Apple Maps
แอปแผนที่ใน iOS 15 มาพร้อมวิธีใหม่เอี่ยมในการสำรวจโลก อย่างแผนที่ที่สวยงามน่าทึ่ง ซึ่งจะแสดงรายละเอียดในระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อนสำหรับย่านต่างๆ ย่านการค้า อาคาร รวมถึงสถานที่สำคัญที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ รวมถึงโหมดกลางคืนใหม่ที่มีแสงจันทร์ส่องสว่าง ส่วนการนำทางนั้นมีมุมมองใหม่ขณะขับขี่แบบ 3 มิติ พร้อมด้วยรายละเอียดบนถนนที่จะช่วยให้ผู้ใช้สังเกตเห็นเลนเลี้ยว เกาะกลาง ทางม้าลาย และทางเท้าได้ง่ายขึ้น แผนที่ที่ปรับปรุงใหม่นี้จะมีให้ใช้งานในลอสแอนเจลิส นิวยอร์ก และซานฟรานซิสโก และจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
อีกทั้งยังมีลูกโลกอินเทอร์แอ็คทีฟที่ออกแบบมาอย่างสวยงามให้แสดงรายละเอียดได้อย่างสมจริง ทั้งเทือกเขา ทะเลทราย ป่าดงดิบ และผืนน้ำ ผู้ใช้ระบบขนส่งสามารถแตะครั้งเดียวเพื่อดูรถที่กำลังจะออกจากสถานีหรือป้ายใกล้ๆ ทั้งหมด พร้อมกับปักหมุดสายที่ใช้บริการบ่อยได้ นอกจากนี้แอปแผนที่จะติดตามผู้ใช้ไปด้วยโดยอัตโนมัติตลอดเส้นทางขนส่งสาธารณะที่เลือกไว้ พร้อมกับแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อใกล้ถีงเวลาที่ต้องลงจากรถ และผู้ใช้ยังสามารถติดตามดูบน Apple Watch ได้อีกด้วย และเพียงแค่หยิบ iPhone ขึ้นมาถือไว้ ผู้ใช้ก็สามารถดูเส้นทางการเดินอย่างละเอียดในรูปแบบความจริงเสริมได้
แอปกระเป๋าสตางค์ของ Apple รองรับกุญแจใหม่ๆ และบัตรประจำตัวของรัฐ
ใน iOS 15 ผู้ใช้สามารถเข้าสถานที่ต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้นโดยการแตะ iPhone เพียงครั้งเดียว เพราะมีทั้งกุญแจสำหรับบ้าน ห้องโรงแรม สำนักงาน และรถ ซึ่งทั้งหมดรวมอยู่ในแอปกระเป๋าสตางค์ ส่วนกุญแจรถดิจิทัลก็ดียิ่งกว่าเดิมด้วยการรองรับเทคโนโลยีอัลตร้าไวด์แบนด์ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถล็อค เปิดล็อค และสตาร์ทรถรุ่นที่รองรับได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องหยิบ iPhone ออกจากกระเป๋าเลย3 อีกทั้งยังสามารถใช้ iPhone เพื่อเปิดล็อคประตูบ้าน ที่ทำงาน หรือแม้แต่ห้องโรงแรมของผู้ใช้ได้อีกด้วยโดยใช้เพียงกุญแจที่เก็บไว้ในแอปกระเป๋าสตางค์4 นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถเพิ่มบัตรประจำตัวและใบขับขี่ของรัฐที่เข้าร่วมไว้ในแอปกระเป๋าสตางค์บน iPhone ได้เมื่อรัฐที่ผู้ใช้อาศัยอยู่รองรับตัวเลือกนี้ในอนาคต5
สัมผัสประสบการณ์ใหม่กับแอปสภาพอากาศ
แอปสภาพอากาศมาพร้อมดีไซน์ใหม่เอี่ยมที่มีทั้งแผนที่แบบเต็มหน้าจอ การแสดงข้อมูลสภาพอากาศแบบกราฟิก และเลย์เอาท์ที่จะปรับเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศ ส่วนแอนิเมชั่นที่สวยงามในฉากหลังก็จะแสดงสอดคล้องกับตำแหน่งของดวงอาทิตย์ ลักษณะเมฆ และปริมาณฝนตกอย่างแม่นยำยิ่งขึ้น และยังมีการแจ้งเตือนด้วยเมื่อฝนหรือหิมะกำลังจะตกหรือหยุดตก
จัดระเบียบและทำงานร่วมกันในแอปโน้ต
แอปโน้ตเพิ่มแท็กที่ผู้ใช้สร้างเองได้ ซึ่งจะช่วยให้จัดประเภทโน้ตได้ง่ายและรวดเร็ว และสมาชิกของโน้ตที่แชร์ไว้สามารถใช้การพูดถึงเพื่อแจ้งให้อีกคนทราบเกี่ยวกับการอัปเดตที่สำคัญได้ และยังมีมุมมอง “กิจกรรม” แบบใหม่หมดที่จะแสดงประวัติการแก้ไขล่าสุดของโน้ตที่แชร์อยู่ รวมถึง “ไฮไลท์” ที่จะแสดงรายละเอียดว่าใครแก้ไขอะไรบ้าง นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถเปิดดูและแก้ไขโน้ตด่วนที่สร้างบน Mac และ iPad ในแอปโน้ตได้ด้วย
ควบคุมความเป็นส่วนตัวได้ดียิ่งขึ้น
คุณสมบัติใหม่ๆ ด้านความเป็นส่วนตัวช่วยเพิ่มความโปร่งใสและสามารถควบคุมข้อมูลที่ผู้ใช้ให้กับแอปต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น และยังมีคุณสมบัติ “การปกป้องความเป็นส่วนตัวของเมล” ที่ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ส่งทราบว่าอีเมลนั้นถูกเปิดอ่านแล้วหรือไม่ พร้อมกับซ่อนที่อยู่ IP เพื่อไม่ให้ผู้ส่งรู้ตำแหน่งของผู้ใช้ หรือใช้ที่อยู่ IP นั้นเพื่อสร้างโปรไฟล์เกี่ยวกับตัวผู้ใช้ ส่วน Siri ก็ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้นด้วยการรู้จำเสียงพูดบนอุปกรณ์ โดยที่เสียงคำขอทั้งหมดจะได้รับการประมวลผลบนอุปกรณ์เป็นค่าเริ่มต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้ปรับแต่งการทำงานให้เหมาะกับผู้ใช้ได้มากขึ้น รวมถึงสามารถส่งคำขอแบบออฟไลน์ และยังทำงานเร็วขึ้นด้วย6
อีกหลายคุณสมบัติที่น่าสนใจ
- Siri เพิ่มคุณสมบัติ “การอ่านการแจ้งเตือน” บน AirPods ทำให้ผู้ใช้สามารถแชร์สิ่งที่อยู่บนหน้าจอได้เพียงแค่บอก Siri และวันนี้ยังสามารถเปิดใช้งาน Siri ในอุปกรณ์เสริม HomeKit ของบริษัทอื่นได้ด้วย ผู้ใช้ HomePod และ HomePod mini จึงสามารถบอกให้ Siri ทำสิ่งต่างๆ จากอุปกรณ์อื่นในบ้านได้มากขึ้นอย่างปลอดภัยและง่ายดาย ไม่ว่าจะส่งข้อความ ตั้งรายการเตือนความจำ หรือประกาศข้อความผ่านอินเตอร์คอมให้ครอบครัวไ้ด้ยิน7
- iCloud+ มีครบทุกอย่างที่ผู้ใช้ชื่นชอบเกี่ยวกับ iCloud เสริมด้วยคุณสมบัติระดับพรีเมียมใหม่ๆ เช่น “ซ่อนอีเมลของฉัน”, การรองรับ “วิดีโอ HomeKit เพื่อความปลอดภัย” ที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น 8 นอกจากนี้สมาชิกพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบน iCloud ปัจจุบันก็จะได้รับการอัปเกรดเป็น iCloud+ อัตโนมัติโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และผู้ใช้สามารถแชร์แผนบริการ iCloud+ ทุกแบบกับสมาชิกกลุ่มการแชร์กันในครอบครัวได้ เพื่อให้ทุกคนได้เพลิดเพลินกับคุณสมบัติใหม่ๆ พื้นที่จัดเก็บข้อมูล และประสบการณ์การใช้งานอันเหนือชั้นที่มาพร้อมกับบริการนี้
- แอปสุขภาพมีแถบการแชร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้แชร์ข้อมูลสุขภาพกับครอบครัว ผู้ดูแล หรือทีมผู้ดูแล พร้อมด้วยการวิเคราะห์แนวโน้มที่ช่วยให้ผู้ใช้มองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับค่าสุขภาพส่วนตัวต่างๆ อย่างมีความหมายและมุ่งเน้นพัฒนาในด้านนั้นได้ และยังมี “ความมั่นคงในการเดิน” ซึ่งเป็นค่าการวัดใหม่ที่จะส่งเสริมให้ผู้คนหันมาตั้งใจจัดการกับความเสี่ยงในการล้มอย่างจริงจัง ยิ่งกว่านั้นผู้ใช้ยังสามารถจัดเก็บข้อมูลการฉีดวัคซีน COVID-19 หรือผลการทดสอบที่ตรวจสอบได้ลงในแอปสุขภาพ แล้วเรียกใช้เมื่อไหร่ก็ได้ง่ายๆ
- แอปแปลภาษาเพิ่มคุณสมบัติ “แปลภาษาโดยอัตโนมัติ” ใหม่ที่จะตรวจจับโดยอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้เริ่มพูด แล้วแปลคำพูดนั้นโดยไม่ต้องแตะปุ่มไมโครโฟน ซึ่งจะช่วยให้การสนทนาต่างภาษามีความลื่นไหลเป็นธรรมชาติมากขึ้น และยังมีการแปลภาษาแบบทั้งระบบที่ทำให้สามารถแปลข้อความจากที่ไหนก็ได้บน iPhone เพียงแค่เลือกข้อความนั้นแล้วแตะ “แปลภาษา”
- การตั้งค่า iPhone เครื่องใหม่ช่วยให้ผู้ใช้เริ่มใช้งาน iPhone ได้ราบรื่นไม่มีสะดุดยิ่งกว่าที่เคย โดยที่ผู้ใช้ iPhone อยู่แล้วสามารถสำรองข้อมูลจากเครื่องเดิมไว้ใน iCloud ชั่วคราว ถึงแม้จะไม่ได้สมัครสมาชิกไว้ แล้วถ่ายโอนข้อมูลมายังเครื่องใหม่ได้ง่ายๆ9 และสำหรับผู้ที่เปลี่ยนมาใช้เป็น iPhone เป็นครั้งแรก ก็มีการปรับปรุงประสบการณ์ “ย้ายไปยัง iOS” ให้สามารถถ่ายโอนอัลบั้มรูป ไฟล์ โฟลเดอร์ และการตั้งค่าการช่วยการเข้าถึงมาได้ง่ายๆ เพื่อให้รู้สึกว่า iPhone นั้นเป็นเครื่องของตัวเองตั้งแต่เริ่มใช้
- คุณสมบัติการช่วยการเข้าถึงมาพร้อมความสามารถที่จะช่วยให้ผู้ใช้สำรวจผู้คน วัตถุ ข้อความ และตารางในภาพได้ละเอียดยิ่งขึ้นด้วย VoiceOver พร้อมด้วยเสียงในเบื้องหลังแบบใหม่ที่จะเล่นอยู่ในเบื้องหลังอย่างต่อเนื่องเพื่อกลบเสียงรอบข้างที่ไม่พึงประสงค์หรือเสียงรบกวนภายนอก และยังมีการทำงานด้วยเสียงสำหรับปรับแต่งคุณสมบัติ “การควบคุมสวิตช์” ให้ทำงานกับเสียงจากปาก รวมถึงปรับการแสดงผลและขนาดข้อความแยกสำหรับแต่ละแอปได้ Apple ยังเพิ่มการรองรับการตรวจสมรรถภาพการได้ยินจากแผนภูมิแสดงผลทดสอบการได้ยินที่อิมพอร์ตเข้ามาให้กับคุณสมบัติ “การช่วยปรับหูฟัง” หรือ Headphone Accommodations อีกด้วย
อุปกรณ์ที่รองรับ iOS 15
- iPhone 12
- iPhone 12 mini
- iPhone 12 Pro
- iPhone 12 Pro Max
- iPhone SE (รุ่นที่ 2)
- iPhone 11
- iPhone 11 Pro
- iPhone 11 Pro Max
- iPhone XS
- iPhone XS Max
- iPhone XR
- iPhone X
- iPhone 8
- iPhone 8 Plus
- iPhone 7
- iPhone 7 Plus
- iPhone SE (รุ่นที่ 1)
- iPhone 6s
- iPhone 6s Plus
- iPod touch (รุ่นที่ 7)
ผู้ใช้ทั่วไปสามารถอัปเดตได้แล้ว ส่วนวิธีการอัปเดต iOS 15 ก็ง่าย ๆ เข้าไปที่การตั้งค่า > ทั่วไป > รายการอัปเดตซอฟต์แวร์ จากนั้นก็กดดาวน์โหลดและติดตั้งได้เลย