Apple ประกาศเปิดตัว iPhone 11 รุ่นสืบทอดของ iPhone XR ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว โดยมาพร้อมชิปเซ็ทตัวใหม่ที่แรงขึ้น และกล้องหลังคู่เพิ่มเลนส์ Ultra Wide และ Night Mode
ในราคาเริ่มต้น 699 ดอลล่าร์สหรัฐหรือประมาณ 21,400 บาทถูกลงกว่ารุ่นก่อน 50 ดอลล่าร์สหรัฐหรือประมาณ 1,500 บาท
สเปก iPhone 11
ตัวเครื่องมีขนาด 150.9 x 75.7 x 8.3 มม. และน้ำหนัก 194 กรัม หน้าจอแสดงผลแบบ Liquid Retina display ความละเอียด 828 x 1792 พิกเซล (326 ppi) ขนาด 6.1 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.5:9 และมีอัตราส่วนระหว่างตัวเคริื่องกับหน้าจอที่ 79%
ใช้ชิปเซ็ท A13 Bionic ใหม่บนสถาปัตยกรรม 7 nm ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่า A12 20% และแรงกว่าชิปเซ็ท Snapdragon 855 ทั้งในส่วนของซีพียูและ GPU โดยมีหน่วยความจำให้เลือก 3 ความจุด้วยกันคือ 64GB/128GB/256GB และรันบนระบบปฎิบัติการ iOS 13
ติดตั้งกล้องหลังคู่ Dual Camera โดยกล้องหลักเลนส์ Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ 1/2.55″, ขนาดพิกเซล 1.4µm, เลนส์ 26mm, รูรับแส่งf/1.8, PDAF และระบบกันสั่น OIS กล้องรองเลนส์ Ultra Wide 120 องศาความละเอียด 12 ล้านพิกเซล เลนส์ 13mm, รูรับแสง f/2.4 และซูมออปติคอลได้ 2 เท่า
โดยมาพร้อมคุณสมบัติกล้องใหม่อย่าง Smart HDR ที่ได้รับการปรับปรุง และโหมดกลางคืนที่เรียกใช้โดยอัตโนมัติเมื่อจำเป็น รวมถึงใช้ไฟแฟลชแบบ Quad-LED dual-tone ที่สว่างขึ้น 36%
นอกจากนี้ Apple ยังเคลมว่า iPhone 11 สามารถถ่ายวิดีโอคุณภาพสูงสุดเท่าที่เคยมีมาเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนทุกเครื่องที่ความละเอียดสูงสุด 4K @ 60fps
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล เลนส์ Wide ที่สามารถถ่ายเซลฟี่แบบกลุ่มได้เมื่อพลิกโทรศัพท์เข้าสู่โหมดแนวนอน รวมทั้งบันทึกวิดีโอได้ที่ระดับ 4K@60fps และ 4K EDR ที่ 30fps
ไม่เพียงแค่นั้นยังมีความสามารถในการบันทึกแบบ 120fps slow-mo ซึ่ง Apple เรียกว่า “slofies” และมีโหมด Smart HDR เหมือนกล้องหลังด้วย
รวมทั้งรองรับการกันน้ำกันฝุ่น IP68 (กันน้ำได้ลึก 2 เมตรนานสูงสุด 30 นาที), ฟีเจอร์ Face ID ที่ทำงานเร็วขึ้น 30%, ระบบเสียงสมจริง Spatial Audio, ระบบเสียง Dolby Atnos, รองรับ 2 SIM (อีกซิมจะใช้ eSIM, รองรับ Wi-Fi 6 และ Gigabit LTE ที่เร็วขึ้น
ทั้งนี้ iPhone 11 มีให้เลือก 6 สีคือ ดำ, เหลือง, เขียว, ขาว, ม่วง และแดง PRODUCT(RED) โดยลูกค้ากลุ่มแรกในสหรัฐอเมริกา เปอร์โตริโก หมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐอเมริกา และอีกกว่า 30 ประเทศ สามารถพรีออเดอร์ได้ในวันศุกร์ที่ 13 กันยายนนี้ และจะเริ่มวางจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 20 กันยายน
สำหรับราคามีดังนี้
- รุ่นความจุ 64GB ราคา 699 ดอลล่าร์สหรัฐหรือประมาณ 21,400 บาท
- รุ่นความจุ 128GB ราคา 749 ดอลล่าร์สหรัฐหรือประมาณ 23,000 บาท
- รุ่นความจุ 256GB ราคา 849 ดอลล่าร์สหรัฐหรือประมาณ 26,000 บาท
***อัปเดตราคาบ้านเรา iPhone 11 เริ่มต้นที่ 24,900 บาท ส่วนวันวางจำหน่ายรอประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้งนะครับ
ที่มา : Gsmarena