Infinix ประกาศเปิดตัว Infinix Note 50 Series อย่างเป็นทางการที่ประเทศอินโดนีเซีย ประเดิมด้วย Note 50 และ Note 50 Pro ที่ใช้ชิปเซ็ท Helio G100 Ultimate รองรับ 4G เท่านั้น แต่มีการออกแบบดีไซน์ใหม่และใช้แบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้า
สเปก Infinix Note 50

ตัวเครื่องมีขนาด 163.26×74.43×7.55 มม. และน้ำหนัก 199 กรัม หน้าจอแสดงผล Punch Hole Display แบบ IPS LCD ความละเอียด FHD+ 1080 x 2436 พิกเซล ขนาด 6.78 นิ้ว อัตราส่วน 20:9, อัตราส่วนเครื่องต่อหน้าจอ 93.4%
โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 144Hz, อัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 180Hz, ความสว่างสูงสุด 1300nits, ขอบเขตสี DCI-P3 100% และรองรับ Always-On Display
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.2GHz ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ท MediaTek Helio G100 Ultimate (6nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G57 MC2 จับคู่กับ RAM 8GB + 8GB Extended RAM และหน่วยความจำภายใน 256GB และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 15 ครอบทับด้วย XOS 15
ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว AI Triple Camera พร้อมไฟแฟลชคู่ Dual LED ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันสั่น OIS
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- กล้องตัวที่ 3 ความละเอียด QVGA
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2, FOV 82°
รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังใต้หน้าจอ, รองรับการกันฝุ่นและน้ำตามมาตรฐาน IP64, ลำโพงสเตอริโอคู่ที่ขับเคลื่อนด้วย JBL, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G LTE, Wi-Fi 802.11 (a/b/g/n/ac),
Bluetooth 5.4, NFC, วิทยุ FM, พอร์ต USB Type-C และแบตเตอรี่ความจุ 5,200mAh พร้อมรองรับการเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 45W และชาร์จแบบย้อนกลับ 10W

ทั้งนี้ Infinix Note 50 มีให้เลือก 4 เฉดสี ได้แก่ Titanium Grey, Ruby Red, Mountain Shade และ Shadow Black โดยมีราคาเริ่มต้นในอินโดนีเซียสำหรับรุ่น RAM 8/256 GB คือ 2,699,000 รูเปียห์หรือประมาณ 5,550 บาท
สเปก Infinix Note 50 Pro

ตัวเครื่องมีขนาด 163.26×74.43×7.32 มม. และน้ำหนัก 198 กรัม หน้าจอแสดงผล Punch Hole Display แบบ AMOLEd ความละเอียด FHD+ 1080 x 2436 พิกเซล ขนาด 6.78 นิ้ว อัตราส่วน 20:9, อัตราส่วนเครื่องต่อหน้าจอ 93.4%
โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 144Hz, อัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 180Hz, ความสว่างสูงสุด 1300nits, ขอบเขตสี DCI-P3 100% และรองรับ Always-On Display
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.2GHz ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ท MediaTek Helio G100 Ultimate (6nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G57 MC2
จับคู่กับ RAM 8GB + 8GB Extended RAM, RAM 12GB + 12GB Extended RAM และหน่วยความจำภายใน 256GB และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 15 ครอบทับด้วย XOS 15

ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว AI Triple Camera พร้อมไฟแฟลชคู่ Dual LED ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันสั่น OIS
- กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultrawide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- กล้องตัวที่ 3 ความละเอียด QVGA
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2, FOV 89°
รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังใต้หน้าจอ, รองรับการกันฝุ่นและน้ำตามมาตรฐาน IP64, ลำโพงสเตอริโอคู่ที่ขับเคลื่อนด้วย JBL, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G LTE,Wi-Fi 802.11 (a/b/g/n/ac),
Bluetooth 5.4, NFC, วิทยุ FM, พอร์ต USB Type-C และแบตเตอรี่ความจุ 5,200mAh พร้อมรองรับการเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 90W และชาร์จแบบย้อนกลับ 10W

ทั้งนี้ Infinix Note 50 Pro มีให้เลือก 4 เฉดสี ได้แก่ Titanium Grey, Enchanted Purpl, Racing Edition และ Shadow Black โดยมีราคาเริ่มต้นในอินโดนีเซียสำหรับรุ่น RAM 8/256 GB คือ 2,999,000 รูเปียห์หรือประมาณ 6,170 บาท
ที่มา : Gsmarena