ในที่สุด Huawei ก็ได้เปิดตัว Smart watch ซีรี่ย์ 3 ออกสู่สายตาชาวโลกเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เป็นการออกตัวครั้งล่าสุดที่ท้าชนสมาร์ทว็อท์ชทุกแบรนด์ในระดับบน ด้วย Harmony OS 2 ระบบปฏิบัติการใหม่ที่มาพร้อมกับ feature โคตรเทพที่ Huawei ขนออกมาครบเครื่อง
มาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรที่เข้าท่าหรืออะไรที่ต้องขมวดคิ้วกันบ้าง
HUAWEI WATCH 3 เรียบหรูดูดีมีระดับท้าชนทุกสถาบัน
ดีไซน์ของ HUAWEI WATCH 3 มีลุคที่ทันสมัยเหมาะกับวัยทีนจนถึงวัยทำงาน เพราะดูล้ำสมัยมากๆ เมื่อสวมอยู่บนข้อมือช่วยสะท้อนความไฮเทคและความไม่ธรรมดาให้กับผู้สวมใส่ ด้วยดีไซน์ที่ดูโค้งมนทรงกลม หน้าจอที่โค้งแบบนุ่มนวล ตัวเครื่องเป็นสแตนเลสทำสีดำแบบเนี้ยบๆที่ทำให้มองดูแล้วมีน้ำหนักมีราคา รับกับสีดำของสายรัด Fluoroelastomer ที่พัฒนาจนมีลักษณะภายนอกดูหรูเรียบให้ผิวสัมผัสไม่กระด้างมีความมันวาวที่ประณีตให้ความรู้สึกวัสดุรุ่นใหม่อย่างแท้จริง
Hamorny OS กับ eSim ยกมือถือมาอยู่บนข้อมือ
HUAWEI WATCH 3 เป็นสมาร์ทว็อท์ชเครื่องแรกของ HUAWEI ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Harmony OS 2 ที่มีลูกเล่นใหม่ๆเพิ่มเติมเข้ามาให้ สมาร์ทว็อท์ชเป็นอะไรที่มากกว่าสมาร์ทว็อท์ช พูดง่ายๆก็คือเหมือนนำเอา feature ที่โทรศัพท์มือถือรุ่นปกติทำได้มาบรรจุไว้ใน Watch 3 ที่ชัดเจนสุดๆ ก็คือสามารถใส่ eSim ได้
ปกติแล้วในสมาร์ทว็อท์ชรุ่นอื่นทำงานโดยอาศัยการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ ทำให้มีข้อจำกัดก็คือห่างออกจากสมาร์ทโฟนไม่ได้เลย ไม่เช่นนั้นฟังก์ชั่นบางอย่างจะไม่ทำงานเช่นการโทรศัพท์ที่ต้องเชื่อมกับมือถือตลอด หรือระบบ GPS ที่ต้องอาศัยสัญญาณอินเตอร์เน็ตในการบอกตำแหน่ง แต่ Watch 3 มี eSim เป็นของตัวเองเท่ากับมีระบบสัญญาณทั้งโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต ทำให้ไม่ต้องพึ่งพามือถือใกล้ตัว เรียกว่าถ้าออกจากบ้านไปออกกำลังกายคราวหน้าไม่ต้องเอามือถือใส่กระเป๋ากางเกงไปวิ่งด้วยให้เกะกะกวนใจ
ส่วน eSim นั้นสามารถไปสั่งทำหนึ่งเบอร์สองซิมได้จากทุกค่ายโทรศัพท์มือถือ เพียงแต่ว่าอาจมีค่าบริการสำหรับการใช้บริการแต่ละเดือนเพิ่มขึ้นมาได้ ยกตัวอย่าง ค่ายสีฟ้าที่ฟรี6เดือนแรก หลังจากนั้นจ่ายเดือนละไม่เกินสองร้อยบาท
แต่ถ้าเป็นสายออกกำลังกายก็ต้องถือว่าราคาที่ต้องจ่ายเพิ่มแค่นี้คุ้มมากๆกับการที่ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง ไปออกกำลังได้อย่างสบายใจว่าจะขาดการติดต่อ
WATCH 3 รู้จักคุณยิ่งกว่าตัวคุณเอง
แทบไม่กล้าบอกว่ารู้จักตัวเองดีพอเมื่อได้เห็นความสามารถของ HUAWEI WATCH 3 เพราะว่าตรวจจับทุกรูขุมขนการเคลื่อนไหว ลองไล่เรียงกันดูคือ
- การตรวจจับชีพจร (heart rate) ที่สามารถเก็บข้อมูลหัวใจเต้นของเราได้ทั้งวันแบบยาวนานเป็นปีๆ และยังทำงานร่วมกับโปรแกรมออกกำลังกายด้วย
- ตรวจวัดความร้อนบนผิว (Skin temperature check) ความสามารถนี้คือการวัดว่าขณะนั้นเราร้อนหรือไม่ ซึ่งต้องบอกว่าไม่ได้มีประโยชน์โดยตรงเท่าไหร่ (ก็ถ้าร้อนเราก้รู้อยู่แล้ว!) แต่ก็เป็นลูกเล่นอย่างหนึ่งที่น่าสนใจ และน่าจะมีการใช้ร่วมกับโปรแกรมวัดผลอื่นๆเพื่อประมวลค่าและประเมินบางอย่าง
- วัดระดับออกซิเจน (Measuring blood oxygen levels (SpO2)) ความสามารถนี้ที่มาพร้อมกับ Optical sensor ที่สามารถตรวจวัดการเปลี่ยนแปลงของเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังเพื่อดูว่าออกซิเจนในเลือดมีอยู่ในระดับปกติหรือเปล่า ซึ่งเหมาะมากกับยุคสมัยแห่งโควิด ทำให้ WATCH 3 ทำหน้าที่เป็นสัญญานเตือนภัยจากโรคร้ายได้แบบส่วนตัว
- ตรวจคุณภาพการนอนหลับ (Tracking sleep) เพียงสวมใส่ Watch 3 เข้านอนก็จะเก็บข้อมูลการนอนหลับ ซึ่งจากการทดสอบสามารถทำได้ค่อนข้างแม่นยำ ช่วยให้ดูคุณภาพการนอนได้ แถมยังเก็บบันทึกไว้เตือนเราในด้านสุขภาพในภายหลังได้ด้วยเมื่อใช้ร่วมกับแอพพลิเคชั่นอื่นๆ
- ตรวจวัดความเครียด (Tracking Stress levels) เป็น feature ใหม่ที่บอกเราว่าตอนไหนที่เรากำลังเครียดอยู่ ซึ่งต้องบอกว่าบางครั้งแม้ว่าผู้ใส่จะไม่รู้ตัว แต่การวัดค่าของร่างกายแล้วนำมาประมวลผลของ HAUWEI สามารถบอกได้โดยละเอียดว่าช่วงเวลาใดของวันที่มีความเครียดเกิดขึ้น ช่วยให้ผู้ใช้เฝ้าระวังความคิดของตัวเองที่จะสร้างผลเสียสุขภาพในระยะยาว
เรียกว่ารู้จักเราดีเสียยิ่งกว่าเรารู้จักตัวเราเองเสียอีก
ระบบควบคุมและสัมผัสบนหน้าจอ
มาว่ากันเฉพาะการควบคามบนหน้าปัทม์ Watch 3 มีกระจกด้านหน้ากันรอยขีดขูดทำให้ไม่ต้องกังวลกับการใช้งานมากนัก ขอบด้านข้างโค้งมนลงสัมผัสสบายมือ หน้าจอเป็น AMOLED แสดงผล แบบสวยสดหมดจด ความสว่าง 1000 nits สู้แสงอาทิตย์ได้สบายๆ
หน้าจอแสดงผลหลักมีให้เลือกใช้เป็นร้อยแบบหลากสไตล์ให้ผู้ใช้เลือกตั้งแต่แบบคลาสสิคไปจนถึงหน้าจอเน้นสุขภาพ เรียกว่าไม่มีทางเบื่อ
สัมผัสหน้าจอลื่นไถลไม่มีความหน่วงสไลด์ง่ายสบายมือ ควบคุมการทำงานทั่วไปด้วยการลากบนลงล่าง ลากล่างขึ้นบน และลากซ้ายไปขวา หรือขวาไปซ้าย
เม็ดมะยมด้านบนทางขวา สามารถกดได้ และหมุนได้ การหมุนเพื่อดูแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานอยู่ ปรับเสียงลำโพง ค่าความสว่างและอื่น ส่วนการกดเม็ดมะยมยังใช้ร่วมกับฟังก์ชั่นอื่นๆได้อีก
ยังมีปุ่มช็อทคัท ที่ซ่อนอยุ่ขอบด้านล่างของหน้าปัทม์ สามารถเลือกกำหนดเพื่อเข้าแอพที่ใช้งานประจำได้ตามใจชอบ
เทรนเนอร์ส่วนตัวบนข้อมือ
Watch 3 ยังมีแอพพลิเคชั่นที่ใช้ร่วมกับเซนเซอร์และ GPS ตรวจวัดข้อมูลของร่างกายและระยะทาง สร้างเป็นโปรแกรมการวิ่งออกกำลังกาย แถมยังสะดวกเพราะแอพพลิเคชั่นใช้งานได้บน Watch 3 โดยตรงไม่ต้องพึ่งพาโทรศัพท์มือถือให้เกะกะ หลังจากใช้งานแล้วสามารถนำกลับมาซิงค์ข้อมูลด้วยกันได้เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลในภายหลัง
มือถืออยู่ไหน ให้ Watch 3 บอกให้
ฟังก์ชั่นสุดโปรดของใครหลายคนคือ ฟังก์ชั่นหามือถือ เพราะเรามักจะวางโทรศัพท์มือถือไว้ตรงโน้นตรงนี้ในบ้านแล้วหาไม่เจอ Watch 3 สามารถสั่งการให้มือถือส่งเสียงบอกว่าอยู่ตรงไหนได้แม้ว่าอยู่ในโหมดปิดเสียง
ฉุกเฉินช่วยได้แม้ไร้เครื่องมือสื่อสารอื่น
ด้วยฟังก์ชั่นพิเศษบนปุ่มมะยม เมื่อกดซ้ำๆห้าครั้ง นาฬิกาจะโทรเข้าหา 191 เพื่อแจ้งเหตุร้ายได้ทันที หรือจะกำหนดการโทรฉุกเฉินไปที่ใครก็ได้ เป็นประโยชน์ที่เหมาะกับผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังช่วยตรวจจับการหกล้มได้ด้วยอีกต่างหาก
GPS แม่นยำกว่าเก่า ช่วยระบุตำแหน่งชัดเจน
Watch 3 ยังได้รับการทดสอบจากผู้ใช้หลายคนที่ระบุว่า GPS ของรุ่นนี้มีความแม่นยำสูงกว่า HAUWEI สมาร์ทว็อท์ชรุ่นก่อนๆ แน่นอนว่าถึงอย่างไรก็ยังมีความคลาดเคลื่อนอยู่ แต่ด้วยประสิทธิภาพที่มีให้ก็ถือว่าล้ำหน้าผู้อื่นในการคำนวณระยะทาง โดยเฉพาะในกรณีการออกกำลังกายต้องถือว่ามีความสามารถในการตรวจจับระยะทางและทำการประมวลผลได้ใกล้เคียงมาก
สรุปว่า Watch 3 ครบเครื่องการใช้งาน จะมีให้ขมวดคิ้วเล็กๆก็คือฟังก์ชั่นวัดอุณหภูมิผิวหนังที่ดูแล้วเป็นแค่น้ำจิ้มเท่านั้น แต่อยู่ในหน้าแนะนำฟังก์ชั่นสำคัญ แต่นอกจากนี้แล้วที่เหลือถือว่าดีงามมาก
เหล่านี้เป็นเพียงการรีวิวรูปลักษณ์ดีไซน์และฟังก์ชั่นเด่นๆเท่านั้น ยังมีฟังก์ชั่นอื่นๆที่น่าสนใจอีกมาก รวมถึงแอพพลิเคชั่นเฉพาะของ HAUWEI ที่พร้อมสนับสนุนการใช้งานให้กับ Watch 3 และคาดว่าต่อไปจะเป็นหน่วยเสริมชั้นดีให้กับสมาร์ทว็อท์ชของ HAUWEI ในรุ่นต่อๆไปอีก