หัวเว่ยได้จัดงานสัมมนาผ่านช่องทางออนไลน์สำหรับนักพัฒนาแอปพลิเคชัน “Huawei Developer Webinar” เพื่อเปิดตัวโซลูชันที่จะมายกระดับประสิทธิภาพด้านไลฟ์สตรีมให้กับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
สืบเนื่องจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซทั่วโลกมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากเดิม 2.39 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 74.5 ล้านล้านบาท) ในปี 2018 เป็น 3.46 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 107.9 ล้านล้านบาท) ในปี 2019[1] รวมถึงมีผู้ค้าปลีกและผู้บริโภคใช้การสตรีมออนไลน์เพื่อซื้อขายสินค้ากันมากขึ้นเรื่อยๆ
ทำให้มีการคาดการณ์ว่า “ไลฟ์อีคอมเมิร์ซ” หรือการซื้อขายออนไลน์ผ่านไลฟ์สตรีมจะยังคงได้รับความนิยมและเป็นแหล่งรายได้ก้อนใหญ่ของภาคการค้าปลีก โซลูชันอันสร้างสรรค์ของหัวเว่ยได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักพัฒนาแอปฯ ได้ปลดล็อกโอกาสอีกนานัปการในยุคที่อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมทั้งยังสามารถเสริมประสบการณ์ให้ผู้ค้าปลีกได้ทำไลฟ์สตรีมที่ดีขึ้นไปอีกระดับ ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และสมจริงมากยิ่งขึ้น
การไลฟ์สตรีมมีอัตราการเปลี่ยนแปลงผู้ชมเป็นผู้ซื้อที่นับว่าประสบความสำเร็จมากกว่าเมื่อเทียบกับการซื้อขายออนไลน์แบบเดิมๆ และยังมีประสิทธิภาพกว่าในด้านของการกระตุ้นให้เกิดยอดขายและการสร้างแรงจูงใจ นายรูสเวลต์ นาสซิเมนโต (Roosevelt Nascimento) ผู้อำนวยการฝ่าย Product and Business Intelligence บริษัท ดาฟิตี (Dafiti) กล่าวภายในงานว่า “การระบาดของโควิด-19 บังคับให้เราในฐานะผู้บริโภคต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตตามมาตรการล็อคดาวน์และกฎข้อบังคับต่างๆ ความต้องการในโลกออนไลน์จึงเติบโตและเต็มไปด้วยความหลากหลายของสินค้า และธุรกิจดิจิทัลก็ได้กลายมาเป็นธุรกิจหลักของอุตสาหกรรมทุกประเภท”
โซลูชันสำหรับการไลฟ์สตรีมที่ทันสมัยนี้ จะมีชุดอุปกรณ์ถ่ายทำไลฟ์สตรีมของหัวเว่ยซึ่งจะสามารถทำให้กล้องกลายเป็นกล้องเสริมของสมาร์ทโฟน และทำให้ผู้ใช้สามารถสับเปลี่ยนไปมาระหว่างกล้องสองตัวได้อย่างง่ายดายด้วยการแตะบนโทรศัพท์ของผู้จัดรายการเพียงครั้งเดียว ผู้จัดรายการสามารถแสดงสินค้าได้จากหลากหลายมุมและทำให้ผู้ชมมีส่วนร่วมได้อย่างเต็มที่ เทคโนโลยีดังกล่าวนี้นับว่าคุ้มค่าคุ้มราคาและยังควบคุมได้ง่ายโดยใช้อุปกรณ์เพียงชิ้นเดียวในห้องไลฟ์สตรีมเท่านั้น
โซลูชันจากหัวเว่ยเป็นการทำงานร่วมกับ HMS HiAI เพื่อยกระดับประสบการณ์ไลฟ์สตรีมในธุรกิจอีคอมเมิร์ซด้วยเทคนิคการขายแบบเรียลไทม์ตามสถานการณ์ ทำให้สามารถเปลี่ยนภาพพื้นหลังที่เป็นดิจิทัลให้เข้ากับทุกสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ชมไลฟ์สตรีมได้รับชมการสาธิตการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างเป็นธรรมชาติ
และด้วยประสิทธิภาพของ AR จากหัวเว่ยผสานกับเทคโนโลยีไลฟ์สตรีม ทำให้สามารถโชว์ผลิตภัณฑ์ได้อย่างชัดเจนกว่าที่เคย เช่น การโชว์โครงสร้างด้านในสมาร์ทโฟนจะสามารถทำได้อย่างละเอียด ทำให้เห็นถึงดีไซน์ที่พิถีพิถันในผลิตภัณฑ์แม้อยู่ในไลฟ์สตรีม
อีกหนึ่งปัญหากวนใจระหว่างการไลฟ์ก็คือภาพค้าง ซึ่งจะหมดไปหากมีเทคโนโลยี 5G และ Wi-Fi จากหัวเว่ยที่ทำให้ค่าความหน่วงลดลง รวมไปถึงเพิ่มความเร็วการดาวน์โหลด ทั้งหมดนี้เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ชมจะสามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์ไลฟ์สตรีมที่รวดเร็วและเสถียร
การผสมผสานหลายเทคโนโลยีเข้าด้วยกันก็เพื่อทำให้ประสบการไลฟ์สตรีมในธุรกิจอีคอมเมิร์ซสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปสามารถทำได้จริง ดียิ่งขึ้น และทำได้อย่างมืออาชีพมากยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน
และจากงานสัมมนาออนไลน์ที่ผ่านมา หัวเว่ยได้เผยโฉม “Pilot Collaboration Program” ที่ออกแบบขึ้นเพื่อนักพัฒนาที่ต้องการสร้างสรรค์โซลูชันสำหรับสตรีมมิ่งที่ทันสมัยขึ้นไปอีก นอกจากนี้หัวเว่ยยังให้ทุนแก่พาร์ทเนอร์ระดับโลกจำนวน 5 แห่ง ในการช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจจากการใช้ไลฟ์สตรีมในธุรกิจอีคอมเมิร์ซด้วย HMS Core
งานสัมมนาออนไลน์ครั้งนี้นับเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของหัวเว่ยในการสร้างอีโคซิสเต็มสำหรับนักพัฒนาที่ต้องการสร้างโอกาสใหม่ๆ รวมไปถึงให้ผู้ใช้ดีไวซ์ของหัวเว่ยและผู้ใช้ AppGallery สามารถเข้าถึงประสบการณ์ที่เหนื่อกว่าและแตกต่างจากที่เคย โดยสามารถชมสัมมนาออนไลน์ฉบับเต็มได้ตามลิงค์นี้: https://www.youtube.com/playlist?list=PL0neYAtOrM68KQHOrcfLAIL7cQmFaYnZM