HTC VIVE® เผยโฉม “VIVE COSMOS” อุปกรณ์ VR เสมือนจริงที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์พีซี อัดแน่นด้วยฟีเจอร์และคุณสมบัติการใช้งานครบครัน มอบประสบการณ์สุดยอดเทคโนโลยีเวอร์ชวลเรียลลิตี้ (Virtual Reality) ระดับพรีเมียมที่พัฒนาเพื่อตอบโจทย์ชาวดิจิทัลให้ใช้งานง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ด้
วยดีไซน์การออกแบบ Faceplate ที่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นรองรับการใช้งานหลากหลาย พร้อมทั้งเปิดตัวฟังก์ชั่น Vive Cosmos External Tracking Mod ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ผู้สนใจสามารถพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายนนี้เป็นต้นไป โดยมีกำหนดวางจำหน่ายจริงในวันที่ 4 ตุลาคมนี้ ในราคา 30,999 บาท
นายเรย์มอนด์ เปา รองประธานอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ บริษัท เอชทีซี คอร์ป เปิดเผยว่า “นับตั้งแต่ที่บริษัทก้าวเข้าสู่เส้นทางธุรกิจ VR ด้วยการเปิดตัว VIVE เราได้มุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะสร้างประสบการณ์และเพิ่มขีดศักยภาพฟีเจอร์การใช้งาน VR ระดับพรีเมี่ยมให้ใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
เราสร้างสรรค์ Vive Cosmos เพื่อมอบประสบการณ์เหนือชั้น ทั้งยังเป็นอุปกรณ์ VR ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานหลากหลายมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบระบบ Tracking ติดตามการเคลื่อนไหวแบบ inside-out ได้ทันท่วงที สามารถใช้ร่วมกับ faceplate ต่างๆ ในอนาคต มีคอนเทนต์รองรับจำนวนมาก และยูสเซอร์อินเตอร์เฟสใหม่ๆ
เพราะเราเล็งเห็นความเป็นไปได้ของการใช้งานอันไร้ขีดจำกัดสำหรับผู้ใช้ Extended Reality (XR หรือเทคโนโลยีความเป็นจริงขยาย)”
คุณสมบัติทางเทคนิค
Vive Cosmos ได้ถูกพัฒนาให้มีการใช้งานง่าย ฟีเจอร์หลากหลาย และมีประสิทธิภาพที่โดดเด่น ด้วยระบบ Tracking ติดตามการเคลื่อนไหวที่ตั้งค่าง่าย สามารถเข้าถึงคอนเทนต์ VR ได้รวดเร็วและง่ายยิ่งกว่า พร้อมเซ็นเซอร์จากกล้อง 6 ตัวช่วยติดตามการเคลื่อนไหวแบบ inside-out ได้ทันท่วงทีด้วยมุมมองที่กว้างและแม่นยำ
Vive Cosmos แสดงภาพด้วยความละเอียดหน้าจอ 2880 x 1700 พิกเซล (ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก Vive รุ่นเดิม 88%) ทำให้ข้อความและภาพกราฟิกคมชัดสมจริง ใช้หน้าจอ LCD ช่วยลดช่องว่างระหว่างพิกเซล และจอแสดงผล RGB ที่ช่วยลดปัญหาการเห็นเม็ดพิกเซลบนหน้าจอ Screen door effect ได้มาก
โดดเด่นด้วยดีไซน์ตัวแว่นแบบ Flip-up สามารถเปิดขึ้นได้ เมื่อผู้ใช้ต้องการสลับไปมาระหว่างภาพในโลกความจริงและภาพในโลก VR เสมือนจริงอย่างรวดเร็ว โดยไม่รบกวนการท่องโลก VR การออกแบบที่เน้นให้สวมใส่สบายตามหลักสรีรศาสตร์ช่วยให้ผู้ใช้เพลิดเพลินกับประสบการณ์ VR ได้ยาวนานมากขึ้น พร้อมลำโพงแบบ On Ear ที่ให้เสียงทรงพลังชัดเจนทุกจังหวะอย่างเต็มอรรถรส
Vive Cosmos ยังสามารถใช้งานร่วมกับ Vive Wireless Adapter ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการให้การเล่นการเคลื่อนไหวในโลก VR สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
Headset ตัวแว่นครอบศีรษะรูปลักษณ์โดดเด่นเป็นแบบ Faceplate ระดับพรีเมียมที่รองรับการปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นและเพิ่มความสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลายในอนาคต
สำหรับลูกค้าที่ยังคงใช้ Lighthouse Base Station ตัวเดิม แต่ต้องการสัมผัสประสิทธิภาพที่เหนือชั้นกว่าของ Vive Cosmos สามารถติดตั้ง “ฟังก์ชั่น Vive Cosmos External Tracking Mod” ที่รองรับอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ อย่าง Vive Tracker ระบบติดตามการเคลื่อนไหวที่มอบอิสระในการควบคุมได้อย่างเต็มที่
ทั้งนี้ Vive Cosmos External Tracking Mod จะเริ่มวางจำหน่ายในไตรมาสแรกของปีหน้า
Vive Cosmos มาพร้อมคอนเทนต์ VR ชั้นนำจำนวนมาก และมอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่สั่งซื้อพรีออเดอร์ล่วงหน้าภายในวันที่ 2 ตุลาคมนี้จะได้รับสิทธิ์เป็นสมาชิก Viveport Infinity นานฟรี 12 เดือน
โดยสมาชิก Viveport Infinity สามารถเข้าใช้แอพพลิเคชั่น VR เกมส์และวิดีโอยอดนิยมหลายร้อยรายการแบบไม่อั้น อาทิเช่น Fisherman’s Tale, Fujii, Ninja Legends รวมถึงวิดีโอระดับพรีเมี่ยมจากหลากหลายแบรนด์สินค้าชั้นนำอย่าง GoPro, สารคดี Discovery Channel และ Animal Planet
เพื่อฉลองในโอกาสเปิดตัว Vive Cosmos ครั้งนี้ สมาชิก Viveport Infinity จะได้คอนเทนต์ใหม่ๆ เพิ่ม เช่น ซีรีส์เรื่อง Doctor Who: The Edge of Time (ซึ่งจัดทำโดยความร่วมมือของ Maze Theory, Playstack และ BBC) นิยายไซ–ไฟ Eleven Eleven (ซึ่งพัฒนาโดย SYFY), Battlewake (ซึ่งพัฒนาโดย Survios) Gloomy Eyes (ซึ่งจัดทำโดยความร่วมมือระหว่าง Atlas V และ 3dar), Swords of Gargantua (ซึ่งจัดทำโดย Yomuneco และ Gumi), MLB Home Run Derby (ซึ่งพัฒนาโดย MLB) และอีกมากมาย
Vive Cosmos จะเป็นอุปกรณ์ VR รุ่นแรกที่เปิดประสบการณ์สู่โลกเสมือนจริงโดยใช้ “ระบบซอฟต์แวร์ Vive Reality System” ที่ติดตั้งและใช้งานง่ายยิ่งขึ้น เป็นระบบซอฟต์แวร์หลักที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ เผยปรัชญาการออกแบบใหม่ทั้งหมดของ VR ให้ผู้ใช้ได้เพลิดเพลินดื่มด่ำประสบการณ์ VR อย่างเต็มรูปแบบ ใช้งานง่ายเหมือนเปิดแอพพลิเคชั่น
ทั้งยังสามารถสลับเปลี่ยนไปมาระหว่างโลกแห่งความจริงและโลกเสมือนจริงได้อย่างคล่องตัว นอกจากนี้ Vive Cosmos ยังจะมาพร้อมกับ “Lens” ยูสเซอร์อินเตอร์เฟซที่ถูกออกแบบใหม่เพื่อใช้ค้นหาคอนเทนต์และแอพพลิเคชั่น XR และ Viveport Infinity ได้อย่างง่ายดาย รวมถึงระบบ “Origin” ซึ่งเป็น Launchpad แบบไดนามิกที่ใช้เพื่อควบคุมและจัดเรียงคอนเทนต์และแอพพลิเคชัน VR ต่างๆ ที่อาจมีมากขึ้นในอนาคต
Vive Cosmos จะเปิดให้สั่งจองพรีออเดอร์ล่วงหน้าในประเทศไทยในวันที่ 18 กันยายนนี้ ที่เว็บไซต์ www.vive.com/th และ VIVE Online Store พร้อมรับสิทธิ์เป็นสมาชิกใช้บริการ Viveport Infinity นาน 12 เดือน และรับฟรีโค้ดเกมยิงสุดมันส์ AEON
สำหรับ Vive Cosmos มีกำหนดวางจำหน่ายจริงในวันที่ 4 ตุลาคมนี้ที่ร้านค้าไอทีชั้นนำ เช่น Beyond Godlike, JIB, IT City, COM7 และ Speed Computer สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่ https://www.vive.com/th/cosmos/ หรือติดต่อผู้จัดจำหน่ายหลัก Synnex Thailand ที่โทร 1251
สเปก Vive Cosmos
จอภาพ: หน้าจอ LED ขนาด 3.4 นิ้ว
ความละเอียด: 1440 x 1700 พิกเซล ต่อดวงตา 1 ข้าง (รวมกันได้ 2880 x 1700 พิกเซล)
อัตราการรีเฟรช: 90 Hz
มุมมอง: 110 องศา
ระบบเสียง: ลำโพงสเตอริโอแบบ On Ear ในตัว
การเชื่อมต่อ PC: USB-C 3.0, Display Port TM 1.2
พอร์ทสำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง: USB-C 3.0 การเชื่อมต่อเฉพาะทางผ่าน mods
ระบบ Tracking ติดตามการเคลื่อนไหว: ไม่มีกำหนดพื้นที่ขั้นต่ำสำหรับการยืนหรือนั่งเล่น สำหรับการเล่นแบบโหมด Room-scale พื้นที่ขั้นต่ำ 2 x 1.5 เมตร
Module Faceplates: Vive Motion Mod (มาพร้อม Cosmos) และ Vive Cosmos External Tracking Mod (แยกจำหน่ายไตรมาสแรกของปี 2020)
รองรับ Vive Wireless Adapter: มีแยกจำหน่ายพร้อมชุดติดตั้ง ผู้ใช้จำเป็นต้องมี PCIe slot ที่พร้อมใช้งาน