HMD ประกาศเปิดตัว HMD Skyline อย่างเป็นทางการ โดยเป็นสมาร์ตโฟนของแบรนด์ตัวเองที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมีการออกแบบที่ชวนให้นึกถึง Nokia N9 และบริษัทเรียกว่าความสามารถในการซ่อมแซม Gen 2 ทำให้คุณสามารถเปลี่ยนหน้าจอที่แตกหรือแบตเตอรี่ที่เสียได้ภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที
สเปก HMD Skyline
HMD Skyline ได้รับแรงบันดาลใจจากการออกแบบ Fabula ของ Nokia ซึ่งโดดเด่นด้วยด้านข้างที่โค้งมนและปลายสี่เหลี่ยม ฝาหลังของ Skyline สามารถเปิดออกได้อย่างง่ายดายด้วยการคลายเกลียวสกรูตัวเดียว ช่วยให้สามารถซ่อมแซมหน้าจอที่แตกร้าว พอร์ตชาร์จที่โค้งงอ หรือแบตเตอรี่ที่หมดได้อย่างรวดเร็วโดยใช้ชุด iFixit มาตรฐาน iFixit จะจัดหาอะไหล่ให้ด้วย
ด้านหน้ามาพร้อมหน้าจอแสดงผล Punch Hole Display แบบ OLED ความละเอียด Full HD+ 1080 x 2400 พิกเซล ขนาด 6.5 นิ้ว โดยมีอัตราการรีเฟรช 144Hz รองรับ HDR10 ความสว่างสูงสุด 1,000nits และครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 3
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.40GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Qualcomm SM7435-AB Snapdragon 7s Gen 2 (4 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 710, RAM 8GB/12GB, หน่วยความจำภายใน 128GB/256GB เพิ่มได้ด้วย microSD Card สูงสุด 1TB และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 14 รองรับการอัปเดต 2 เวอร์ชัน
ติดตั้งหล้องหลัง 3 ตัวพร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล (wide), ระบบ PDAF และระบบกันสั่น OIS
- กล้องเลนส์ Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ PDAF และซูมออปติคอล 2 เท่า
- กล้องเลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล และระบบ AF
และ HMD ยังนำเทคโนโลยี AI มาใช้ด้วย AI Capture Fusion ซึ่งเพิ่มรายละเอียดสูงสุดในภาพถ่ายที่ถ่ายด้วย
นอกจากนี้ยังมีโหมดดีท็อกซ์ซึ่งช่วยให้คุณจำกัดการแจ้งเตือนและการเข้าถึงโซเชียลเน็ตเวิร์กในกรณีที่สิ่งต่าง ๆ เริ่มล้นหลาม
รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลังเครื่อง, รองรับการกันน้ำ IP54, ลำโพงคู่สเตอริโอ, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G LTE/5G dual band (SA/NSA), Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6e, dual-band, Bluetooth 5.2, ช่องหูฟัง 3.5 มม., NFC, พอร์ต USB Type-C และใช้แบตเตอรี่ความจุ 4,600mAh รองรับการชาร์จเร็ว 33W, ชาร์จไร้สาย 15W และชาร์จแบบย้อนกลับ 5W
ทั้งนี้ HMD Skyline มีให้เลือก 2 สีคือ Neon Pink และTwisted Black โดยมีราคาอยู่ที่ 499 ยูโร/499 ดอลล่าร์สหรัฐ/399 ปอนด์หรือประมาณ 19,610/17,945/18,630 บาท
แต่ไม่มีอะแดปเตอร์มาให้ในกล่อง โดยทาง HMD ขายอะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 33W ในราคา 30 ปอนด์หรือประมาณ 1,400 บาท หรืออะแดปเตอร์แบบดูอัลพอร์ต 30W ในราคา 20 ปอนด์หรือประมาณ 930 บาทบนเว็บไซต์
เนื่องจากสามารถซ่อมแซมได้ง่าย ผู้ใช้จึงสามารถซื้อชิ้นส่วนจากผู้ผลิตได้โดยตรง โดยหน้าจอแสดงผลมีราคาอยู่ที่ 95 ดอลลาร์หรือประมาณ 3,420 บาท, ฝาครอบแบตเตอรี่ราคา 30 ดอลลาร์หรือประมาณ 1,080 บาท, แบตเตอรี่มีราคา 25 ดอลลาร์หรือประมาณ 900 บาท และพอร์ตชาร์จอยู่ที่ 20 ดอลลาร์หรือประมาณ 720 บาท
การซื้อครั้งแรกควรใช้ชุดซ่อมที่ iFixit เสนอให้ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 5 ดอลลาร์หรือประมาณ บาท
ที่มา : Gsmarena