เปิดตัว Nokia 3.4 ครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมขนทัพสมาร์ทโฟน อย่าง Nokia C3 และฟีเจอร์โฟน อีก 2 รุ่นที่วางจำหน่ายแล้ว อย่าง Nokia 215 4G และ Nokia 225 4G รุกตลาดสมาร์ทโฟนและฟีเจอร์โฟน ในประเทศไทย ซึ่งโทรศัพท์ทุกรุ่นของโนเกียล้วนได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบระดับพรีเมี่ยม สไตล์นอร์ดิก ที่มีสีสันและเอกลักษณ์ของตัวเอง
อีกทั้งยังมีความทนทานในการใช้งานตามแบบมาตรฐานของฟินแลนด์ ที่ทั่วโลกให้ความเชื่อถือ และได้รับรางวัลอันดับ 1 จาก Trust Ranking โดยมีเกณฑ์ให้คะแนนจาก 4 หัวข้อ ได้แก่ ความรวดเร็วในการอัปเดตเวอร์ชั่น Android , ปล่อยแพทช์รักษาความปลอดภัยให้ทุกเดือน, งานประกอบตัวเครื่อง และน่าใช้สำหรับงานในองค์กร
โดยสมาร์ทโฟน แอนดรอยด์ของโนเกียได้ผ่านเกณฑ์ต่างๆ และยังคงรักษาความเป็น 1 ในเรื่องนี้ต่อไปเพื่อประสิทธิภาพในการใช้งานและความคุ้มค่าคุ้มราคา ซึ่งทั้งหมดนี้พบได้ในสมาร์ทโฟนของโนเกียเท่านั้น
Nokia 3.4 เปิดตัวอย่างเป็นทางการในต่างประเทศเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา เจาะกลุ่มสมาร์ทโฟนราคาไม่เกิน 5 พันบาทแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพการใช้งาน และเป็น รุ่นแรกในซีรี่ส์ที่ใช้หน้าจอแบบ punch-hole ขนาด 6.39 นิ้ว เพิ่มพื้นที่หน้าจอให้ดูกว้างสบายตา ใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 2 วัน ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 4,000 มิลลิแอมป์
เพิ่มประสิทธิภาพด้วยกล้องหลังถึง 3 ตัวขนาด 13 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์ Ultra wide ขนาด 5 ล้านพิกเซล และ เลนซ์ Depth ขนาด 2 ล้านพิกเซล ด้วยระบบ AI อัจฉริยะ มาพร้อมโพรเซสเซอร์ Qualcomm® Snapdragon™ 460 ตัวใหม่ล่าสุด หน่วยความจำและการจัดเก็บข้อมูล 4 / 64GB รองรับไมโครเอสดีขนาด 512 GB พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 10
นอกจากนี้ Nokia 3.4 ยังเป็นส่วนหนึ่งของ Android One ที่มอบประสบการณ์ซอฟต์แวร์แอนดรอยด์แท้ที่มีความคล่องตัว โดยไม่มี Bloatware จึงรับประกันการอัพเดตระบบความปลอดภัยเป็นระยะเวลา 3 ปี และการอัพเกรดซอฟต์แวร์ต่อเนื่อง 2 ปี ทำให้โทรศัพท์ของคุณ “ยิ่งใช้ ยิ่งดีขึ้นทุกวัน”
นอกจากนี้ โนเกีย 3.4 ช่วยให้คุณเชื่อมโยงกับสมาชิกครอบครัว โดยการให้คุณตั้งค่าขีดจำกัดสำหรับการใช้เวลาอยู่หน้าจอ และช่วยให้คุณติดตามกิจกรรมการใช้แอป เพื่อสร้างความสมดุลและปลอดภัยสำหรับบุตรหลาน
ราคาเปิดตัว Nokia 3.4 ราคา 4,990 บาท มี 2 สีให้เลือกคือ สีฟ้าและสีดำ วางจำหน่ายผ่านทาง Lazada, Shopee และ JD Central ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป
Nokia C3 ด้วยการดีไซน์การออกแบบที่เน้นความอึด ถึก ทน จุดเด่นด้วยหน้าจอ 5.99 นิ้ว ที่สามารถให้ความสว่างสดใสในทุกสภาพแสง พร้อมพลังงานเต็มเปี่ยมให้คุณใช้งานได้ตลอดวันด้วยแบตเตอรี่ขนาด 3040 มิลลิแอมป์ และกล้องคุณภาพสูงขนาด 8 ล้านพิกเซล ออโต้โฟกัส ความกว้างรูรับแสง F2.0 พร้อมแอลอีดีแฟลช กล้องหน้าขนาด 5 ล้านพิกเซล ความกว้างรูรับแสง F2.4 ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 10 พร้อมขุมพลังจากโพรเซสเซอร์ Octa-core 1.6 GHz ระบบสแกนลายนิ้วมือ พอร์ตเชื่อมต่อแบบไมโคร ยูเอสบี รองรับการใช้งานคลื่น 4G หลังตัวเครื่องทำจากวัสดุโพลีคาร์บอเนตที่ทนทานและแข็งแรงสมาร์ทโฟนรุ่นนี้จึงพร้อมรับการกระแทกที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน
นอกจากนี้ Nokia C3 มาพร้อมกับการรับประกันการเครื่องใน 1 ปี เปลี่ยนเครื่องใหม่แบบไม่ต้องรอซ่อม (ภายใต้เงื่อนไขการรับประกัน) มั่นใจได้จากเสียงตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทย หลังจากประสบความสำเร็จมาแล้วกับโนเกีย C1 และ C2
ราคาเปิดตัว Nokia C3 ราคา 2,290 บาท แถมฟรี microSD Card 32GB วางจำหน่ายผ่านทาง Lazada, Shopee และ JD Central ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป
น้องใหม่ของโนเกียอย่าง Nokia 215 4G และ Nokia 225 4G ฟีเจอร์โฟน ที่จะมาตอกย้ำการเป็นเบอร์หนึ่งมือถือปุ่มกด มอบคุณภาพการเชื่อมต่อระดับ 4G และการโทรผ่านเครือข่าย VoLTE ที่ให้คุณภาพเสียงคมชัดสมจริง หากคุณชื่นชอบการถ่ายภาพและความมีระดับที่มากขึ้น
Nokia 225 4G มาพร้อมกับกล้องหลังขนาด 0.5 ล้านพิกเซล เพื่อให้คุณสามารถบันทึกช่วงเวลาที่คุณชื่นชอบได้ตลอดเวลา พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของปุ่มกดและปุ่มฟังก์ชั่นที่ทำให้การพิมพ์มีความแม่นยำมากกว่า และทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับฟังก์ชั่นไลฟ์สไตล์ที่คุ้นเคย เช่น การฟังวิทยุ และการเล่นเกมอย่างเพลิดเพลิน
ราคาเปิดตัว Nokia 215 4G ราคา 1,190 บาท มี 2 สีให้เลือกคือ สีเขียวและสีดำ และ Nokia 225 4G ราคา 1,490. บาท มี 3 สีให้เลือกคือ สีน้ำเงิน สีทอง และสีดำ วางจำหน่ายแล้ววันนี้
ปิดท้ายด้วย Nokia Power Earbuds (BH-605) และ Nokia Power Earbuds Lite (BH-405) หูฟังไร้สายคุณภาพสูงที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงไปพร้อมๆ กับการอนุรักษ์ธรรมชาติด้วยการใช้วัสดุรีไซเคิล 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับเป็นอีกก้าวหนึ่งของโนเกียในการลดการใช้วัสดุที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของธุรกิจ และผลิตภัณฑ์ Nokia Power Earbuds (BH-605) มาพร้อมเคสแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 3,000 mAh ช่วยให้คุณใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 150 ชม. ในขณะที่ Nokia Power Earbuds Lite (BH-405) หูฟังไร้สายรุ่นใหม่ล่าสุดจากโนเกีย สามารถฟังเพลงต่อเนื่อง 5 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง มาพร้อมเคสแบตเตอรี่ 600 mAh สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นาน 35 ชม.
ซึ่งทั้งสองรุ่นใช้ไดร์เวอร์ชับเสียงขนาด 6 mm. Graphene ที่มีจุดเด่นคือ น้ำหนักเบา ให้เสียงที่คมชัดใสเคลียร์ ขับเสียงเบสได้อย่างหนักแน่น พร้อมดีไซน์และการออกแบบที่สะดวกสบาย ระบบควบคุมแบบสัมผัสที่ใช้งานง่าย ควบคุมได้อย่างง่ายดายไม่ว่าจะเป็นการโทร หรือการข้ามเพลง รองรับการกันน้ำระดับ IPX7 ได้ในระดับน้ำ 1 เมตร นาน 30 นาที มาพร้อมกับเทคโนโลยีเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 พร้อมเข้าสู่โลกของเสียงดนตรีในทุกที่ ไม่ว่าเป็นฟิตเนส และกิจกรรมกลางแจ้ง หรือ ทำงานท่ามกลางสายฝน ด้วยความสามารถที่ไร้กังวล สนุกได้ทุกที่ ที่ต้องการ
ราคาเปิดตัว Nokia Power Earbuds (BH-605) ราคา 1,990 บาท และ Nokia Power Earbuds Lite (BH-405) ราคา 2,990 บาท วางจำหน่ายผ่านทาง Lazada, Shopee และ JD Central ในเดือนธันวาคมนี้
ยูโฮ ซาร์วิกาส ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์และรองประธานของอเมริกาเหนือ บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล จำกัด การเปิดตัวโนเกียทั้ง 4 รุ่นในครั้งนี้นอกจากจะแสดงให้เห็นถึง การยึดมั่นในสิ่งที่ทำให้โนเกีย รุ่นก่อนๆ ประสบความสำเร็จแล้ว ยังฉีกกฎเกณฑ์ของคุณสมบัติเดิมๆ ที่มีการนำมารวมไว้ในโทรศัพท์
โดย Nokia 3.4 ออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ ขุมพลังที่มากขึ้น หน้าจอที่ดีกว่า และเพิ่มความเป็นอิสระในด้านความคิดสร้างสรรค์ ด้วยเลนส์ Ultra wide การถ่ายภาพจาก AI อัจฉริยะ และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานถึง 2 วันจะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้เรายังนำเสนอสีใหม่ที่สดใสมีชีวิตชีวาซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากความงดงามในธรรมชาติของชาวนอร์ดิก ที่เป็นที่รู้จักและชื่นชอบของคนทั่วโลก
ในงานครั้งนี้ เรายังรักษาเป้าหมายด้วยการนำ Nokia C3 กลุ่ม Nokia C-Series ที่เพิ่มขีดความสามารถสู่ระดับท็อปฟอร์มของแอนดรอยด์ ด้วยระบบปฏิบัติการ Android 10 และหน้าจอขนาดใหญ่ HD+ จับคู่กับกล้องที่มีคุณภาพระดับ HDR ที่สวยงาม และวิดีโอแบบ Full HD นอกจากนี้ Nokia C3 ยังมีเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ชาญฉลาดและหน่วยประมวลผล octa-core processor ช่วยให้มีพลังในทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดทั้งวัน และในฐานะที่เป็นผู้นำในตลาดฟีเจอร์โฟน ประสบการณ์ของเราช่วยให้เราเข้าใจอย่างลึกซึ้งในสิ่งที่ผู้คนต้องการ
ในขณะที่เครือข่ายมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เราได้ผลักดันตัวเองให้ทำขีดสุดของหน้าที่ความรับผิดชอบ เพื่อจุดมุ่งหมายในการเชื่อมต่อทั่วโลก ด้วยการนำ 4G มาสู่ Nokia 215 4G และ Nokia 225 4G และออกมาในราคาที่จับต้องได้ เราสามารถสร้างสูตรแห่งชัยชนะ ด้วยข้อเสนอในด้านความทนทาน และ ความน่าเชื่อถือที่คุ้มค่าอย่างที่สุด โดยโทรศัพท์รุ่นใหม่ทั้งหมดของโนเกีย ได้รับการยอมรับแล้วว่า สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าเรา”