คลังเก็บ

ฮิตาชิเปิดโฉม IOT แพลตฟอร์ม “Lumada” และโซลูชั่นดิจิทัล เพื่อตอบโจทย์ความท้าทายทางสังคมในไทย

ฮิตาชิเปิดตัวศูนย์ Lumada ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อนำเสนอ IoT แพลตฟอร์ม แก่ลูกค้าในประเทศไทย และส่งเสริมการเติบโตตามโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor – EEC)

ศูนย์นี้ถือเป็นศูนย์ Lumada แห่งแรกของฮิตาชิ ซึ่งเกิดขึ้นจากนำความสำเร็จในการพัฒนา IoT โซลูชั่นส์จากประเทศต่างๆทั่วโลก รวมทั้ง ญี่ปุ่น จีน และ สหรัฐอเมริกา มารวมกัน

Hitachi

ลักษณะเด่นของศูนย์ Lumada  คือ IoT แพลตฟอร์มของฮิตาชิ “Lumada” ซึ่งมุ่งถ่ายทอดเทคโนโลยีชั้นสูงของฮิตาชิ ผ่านการเชื่อมต่อและวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า สนับสนุนการสรรค์สร้างร่วมกัน

และสร้างสรรค์คุณค่าใหม่ผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเช่น กระบวนการวิเคราะห์ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ (big data analytics) ปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence – AI) รวมทั้งเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (information and communication technology – ICT)

ศูนย์ Lumada นำเสนอโซลูชั่นส์ Internet of Things (IoT) ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการสร้างโซลูชั่นส์ดิจิทัลจากการร่วมกันคิดสร้างสรรค์ (co-creatiing digital solutions) เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการทางธุรกิจที่แตกต่างกันไป และด้วยการใช้กระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลและเครื่องมือ

AI ของศูนย์ Lumada จะสามารถขับเคลื่อนการบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์และเชิงแก้ไขปรับปรุง (predictive and corrective maintenance) ซึ่งฮิตาชิตั้งเป้าที่จะเข้าถึงโรงงานทั่วประเทศไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตเชิงปฏิบัติการ โซลูชั่นส์ของศูนย์นี้ยังรวมถึงกระบวนการวิเคราะห์ AI และการสนับสนุนการใช้งาน ผ่านความสามารถด้าน IoT เช่น การตรวจสอบจากระยะไกล โดยเป็นส่วนหนึ่งของความตั้งใจของฮิตาชิที่จะร่วมมือกับหุ้นส่วนเพื่อสร้างโซลูชั่นส์ที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด

สิ่งนี้เน้นย้ำเจตนารมณ์ของฮิตาชิในการสนับสนุนประเทศไทยให้ก้าวไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมดิจิทัล ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนให้ค้นพบแนวทางแก้ไขความท้าทายทางธุรกิจและทางสังคม

นายโตชิอากิ ฮิกะชิฮาระ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮิตาชิ จำกัด กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญของฮิตาชิ เพราะเป็นพื้นที่การดำเนินธุรกิจของฮิตาชิที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน เราภูมิใจที่ได้เปิดตัวศูนย์ Lumada ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนวิสัยทัศน์ของประเทศไทยในการสร้างเศรษฐกิจเชิงมูลค่าแบบยั่งยืนที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์

เราจะสนับสนุนการเติบโตและการพัฒนาของประเทศไทยต่อไป โดยยกระดับเป้าหมายหลักของเราในการสรรค์สร้างร่วมกันกับหุ้นส่วน และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในฐานะกลไกหลักเพื่อให้เกิดผลลัพธ์เชิงบวกต่อสังคม ธุรกิจ และผู้คนทั่วประเทศ”

นายโคะสุเกะ โฮริอุจิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮิตาชิ เอเซีย จำกัด เสริมว่า “เราหวังว่า การเปิดศูนย์ Lumada จะช่วยนำเสนอเครื่องมือดิจิทัลที่จำเป็นเพื่อช่วยให้ประเทศไทยเดินหน้าพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน และยกระดับสู่ลำดับต่อไปในห่วงโซ่คุณค่า”

เมื่อปีที่แล้วฮิตาชิได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสำนักงานโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Office – EECO) ในด้านการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล รวมทั้งเทคโนโลยี IoT และการสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมเชิงนวัตกรรม เพื่อส่งเสริมการพัฒนาของโครงการ EEC

นายโคจิ โทมิตะ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮิตาชิ เอเซีย จำกัด ผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาศูนย์  Lumada กล่าวว่า “ฮิตาชิจะใช้ IoT Lumada แพลตฟอร์ม เพื่อร่วมทำงานกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด ในการนำเสนอโซลูชั่นส์ IoT ที่มีความหลากหลาย ซึ่งได้มีการนำไปใช้งานและพิสูจน์ในหลายประเทศ รวมถึงญี่ปุ่น จีน และสหรัฐอเมริกา

การนำเทคโนโลยี Lumada มาปรับใช้ เช่นในสายการผลิตจะช่วยให้ลูกค้าสามารถเล็งเห็นได้ถึงโรงงานอัจฉริยะที่มีความสามารถในการผลิตเชิงปฏิบัติการและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหมายความว่าได้บรรลุประสิทธภาพทางธุรกิจที่ดียิ่งขึ้นเช่นกัน”

ศูนย์ Lumada มีห้องโซลูชั่นส์ IoT ที่แสดงให้เห็นว่า ฮิตาชิใช้เทคโนโลยีปฏิบัติการและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ที่ต้องการในกระบวนการผลิตได้อย่างไร  มีห้องสรรค์สร้างร่วมกัน (Co-creation room) ที่เป็นส่วนหลักที่น่าสนใจอีกส่วนหนึ่งภายในศูนย์ฯ โดยในส่วนนี้จะทำให้ฮิตาชิทราบความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าแต่ละรายได้ดียิ่ง และร่วมมือกันผ่านการวิเคราะห์ธุรกิจและการสร้างสรรค์ความคิดด้านบริการ เพื่อสร้างสรรค์โซลูชั่นส์ทางธุรกิจที่ตรงกับความต้องการและใช้ได้จริง

การตั้งศูนย์ Lumada ทำให้ฮิตาชิสามารถนำเสนอโซลูชั่นส์แบบที่ตรงกับความต้องการ แก่หุ้นส่วนทางธุรกิจในประเทศไทย อีกทั้ง ยังวางแผนที่จะนำโซลูชั่นส์ไปสู่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียนในอนาคต

ฮิตาชิเปิดโฉม IoT แพลตฟอร์ม “Lumada” และโซลูชั่นส์ดิจิทัล
เพื่อตอบโจทย์ความท้าทายทางสังคมในประเทศไทย

บริษัท ฮิตาชิ จำกัด และ บริษัท ฮิตาชิ เอเซีย จำกัด จัดแสดงนวัตกรรมอัจฉริยะ รวมถึง IoT แพลตฟอร์ม จากฮิตาชิ “Lumada”

ในงานประชุมนวัตกรรมเพื่อสังคมของฮิตาชิ (Hitachi Social Innovation Forum – HSIF) 2561 ซึ่งจัดเป็นครั้งที่ 3 ที่ กรุงเทพฯ โดยงานประชุมนี้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการสร้างโซลูชั่นส์ดิจิทัลให้แก่ลูกค้าในประเทศไทย

ภายใต้แนวคิดหลัก “Illuminating Thailand 4.0” งานประชุมยังมีการนำเสนอที่เจาะลึกของ โซลูชั่นจากศูนย์ Lumada ประจำภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้แห่งใหม่ (“ศูนย์ Lumada”) ซึ่งสามารถสนับสนุนโรงงานอัจฉริยะระบบลอจิสติกส์ และนวัตกรรมการดูแลสุขภาพ แก่ลูกค้าทั่วประเทศ งานประชุมที่มีระยะเวลาหนึ่งวันมีเวทีสัมมนาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับโซลูชั่นส์ที่ช่วยเสริมสร้างการเติบโตของเมืองอัจฉริยะอย่างยั่งยืน

นอกจากการนำเสนอจากผู้นำทางความคิดชั้นนำทั้งจากภาครัฐและเอกชน งานประชุมนวัตกรรมทางสังคมของฮิตาชิ หรือ HSIF ครั้งนี้ ยังจัดแสดงโซลูชั่นส์จากศูนย์ Lumada ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งแรกรวมทั้งโซลูชั่นส์อัจฉริยะจากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นด้านการผลิต การพัฒนาเมือง การดูแลสุขภาพ  และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน

งาน HSIF เป็นงานสำคัญระดับโลกของฮิตาชิ โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างการตระหนักรู้ต่อธุรกิจด้านนวัตกรรมเพื่อสังคมทั่วทุกภูมิภาค

นายโตชิอากิ ฮิกะชิฮาระ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของฮิตาชิ กล่าวว่า “สำหรับฮิตาชิ ประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญ และเราได้วางเป้าหมายลงทุนด้านการผลิตสำหรับพื้นที่ภูมิภาคอาเซียน รวมถึงตลาดไทย

การเปิดตัวศูนย์ Lumada ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกอย่างเป็นทางการจะช่วยให้เราเร่งการสร้างสรรค์โซลูชั่นส์ดิจิทัลในฐานะเครื่องมือเสริมสร้างความสามารถในการผลิตนวัตกรรมในภาคการผลิต ลอจิสติกส์ พลังงานและการขนส่ง”

ศูนย์ Lumada ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ ถือเป็นศูนย์ Lumada แห่งแรกของฮิตาชิ ซึ่งเกิดขึ้นจากความสำเร็จในการนำการพัฒนา IoT โซลูชั่นส์มาจาก ญี่ปุ่น จีน และ สหรัฐอเมริกา ศูนย์นี้ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ซึ่งได้เปิดตัวเป็นทางการในวันที่ 17 กันยายน

ด้วยเทคโนโลยี Lumada ซึ่งเป็น IoT แพลตฟอร์มจากฮิตาชิ ศูนย์ดังกล่าวจะถ่ายทอดความรู้ที่ล้ำสมัย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเปลี่ยนแปลงข้อมูลให้เกิดการปฏิบัติงานอัจฉริยะ และสร้างความก้าวหน้าและส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศไทย

นายโยชิโตะ โคดะมะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮิตาชิ เอเซีย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เราได้สานต่อการสนับสนุนประเทศไทยสำหรับนโยบาย Thailand 4.0 ด้วยการจัดตั้งศูนย์ Lumada ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราตั้งใจที่จะส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี IoT เพื่อพัฒนาทักษะบุคลากรไทย ก่อให้เกิดกระบวนการเข้าสู่ยุคดิจิทัลของภาคอุตสาหกรรมการผลิต และยกสถานะของประเทศให้ก้าวขึ้นไปอยู่ในระดับแนวหน้าของห่วงโซ่คุณค่าด้านเศรษฐกิจ”

ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างแนวทางเชิงพัฒนาตามนโยบายของรัฐบาลไทยเพื่อนำไปสู่ความเป็นอัจฉริยะและเศรษฐกิจเชิงคุณค่า ฮิตาชิจะยังคงร่วมมือกับหุ้นส่วนเพื่อสร้างสรรค์โซลูชั่นส์ดิจิทัลที่ตรงกับความต้องการ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชนในประเทศต่อไป

ฮิตาชิ เปิดตัวระบบสร้างตารางการผลิต และขั้นตอนการทำงานแบบ 3 มิติ ซึ่งออพติไมซ์ได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นโซลูชั่นหลักของ IoTแพลทฟอร์ม “Lumada” (เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560)


ฮิตาชิกรุ๊ปและเอสซีจี ประสานความร่วมมือ เพื่อส่งเสริมการประหยัดพลังงานในโรงงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการด้านอื่นๆโดยใช้ IoT

บริษัท ฮิตาชิ จำกัด บริษัท ฮิตาชิ เอเซีย (ประเทศไทย) จำกัด (“Hitachi Asia (Thailand)”) และบริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด (“SCG-CBM”) ได้แถลงความสำเร็จในการลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ (“MOU”) เพื่อประสานความร่วมมือในการส่งเสริมการประหยัดพลังงานในโรงงานของ  SCG-CBM และเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการด้านอื่นๆ

นับจากนี้ ทั้งสามบริษัทจะดำเนินงานร่วมกันเพื่อพัฒนาดิจิทัลโซลูชั่นส์ โดยใช้Lumada ซึ่งเป็นIoT แพลทฟอร์ม หรืออินเทอร์เน็ตออฟธิงค์ของฮิตาชิ และระบบการตรวจสอบร่วมกัน นอกจากนี้จะส่งเสริมโครงการริเริ่มใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในห่วงโซ่คุณค่านับตั้งแต่ในโรงงานผลิตไปจนถึงกระบวนการจัดส่ง

ปัจจุบัน จำนวนประชากรวัยทำงานกำลังลดลงในญี่ปุ่น จีน และประเทศอื่นๆ ในทวีปเอเชีย ดังนั้นโรงงานผลิตและธรุกิจลอจิสติกส์จึงไม่เพียงต้องเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดจำนวนแรงงานลง แต่ยังต้องเสริมการผลิตที่เพิ่มมูลค่าได้ในระดับสูง และการปฏิบัติงานด้านการจัดส่งที่ออพติไมซ์หรือเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่คุณค่าได้ทั้งระบบ ทดแทนแบบเดิมที่เป็นการออพติไมซ์แยกเป็นแต่ละส่วน

ปัจจุบันมีโครงการต่างๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลกเพื่อมุ่งจัดการพัฒนาเศรษฐกิจและการแก้ไขประเด็นทางสังคมต่างๆ ด้วยการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยี เช่น เอไอ หรือ Artificial Intelligent, IoT และหุ่นยนต์ โดยเฉพาะโครงกาไทยแลนด์ 4.0 และ Society 5.0 ในญี่ปุ่น ที่มีรัฐบาลเป็นผู้ขับเคลื่อน

บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทผู้ผลิตที่มีกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ที่ประกอบธุรกิจผลิตปูนซีเมนต์ วัสดุก่อสร้าง ปิโตรเคมิคอล และผลิตบรรจุภัณฑ์ในระดับโลก โดยมี SCG-CBM ทำหน้าที่ผลิตและกระจายปูนซีเมนต์ และวัสดุก่อสร้างอื่นๆ เนื่องจากบริษัทดำเนินงานในหลายกลุ่มธุรกิจ จึงจำเป็นต้องเสริมขีดความสามารถด้านการผลิตด้วยดิจิทัลเทคโนโลยี

ฮิตาชิมีกลุ่มธุรกิจนวัตกรรมเพื่อสังคมโดยใช้ดิจิทัลเทคโนโลยี โดยมุ่งเน้นอุตสากรรมไฟฟ้า/พลังงาน, อุตสาหกรรม/การกระจายสินค้า/น้ำ, การพัฒนาเมือง และการเงิน/โครงสร้างทางสังคม/การดูแลสุขภาพ ซึ่งจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมาในอุตสาหกรรมต่างๆมาอย่างยาวนาน

ทำให้ฮิตาชิพัฒนาและนำเสนอดิจิทัลโซลูชั่นส์ได้อย่างหลากหลาย ผ่านการทำงานแบบประสานความร่วมมือ หรือ Collaborative Creation กับลูกค้า โดยใช้ Lumada ซึ่งเป็น IoT แพลทฟอร์ม ของฮิตาชิ เพื่อให้การสนับสนุน แก้ไขปัญหาของลูกค้า

โดยเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2561 ฮิตาชิได้เปิดตัว “ศูนย์ Lumada ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ในประเทศไทย เพื่อเร่งให้เกิดการพัฒนาที่ทั่วถึง จากเป้าหมายของ SCG-CBM ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ประกอบกับการนำเสนอดิจิทัลโซลูชั่นส์ของฮิตาชิ และฮิตาชิ เอเซีย (ประเทศไทย) สู่ทั่วโลก

ทั้งสามบริษัทจึงเห็นชอบในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MOU ครั้งนี้ เพื่อประสานความร่วมมือในการส่งเสริมการประหยัดพลังงานในโรงงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในงานด้านอื่นๆ

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือโรงงานปูนซีเมนต์ของ SCG-CBM ในอำเภอทุ่งสงทางภาคใต้ของประเทศไทย มีการใช้ Factory Simulator ซึ่งเป็นโซลูชั่นหลักของ Lumada ของฮิตาชิ ในการวิเคราะห์ฐานข้อมูล ซึ่งรวมถึงกำลังการผลิตและการควบคุมคุณภาพ รวมทั้งสามารถพัฒนาแผนการผลิตที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทั้งโรงงานได้โดยอัตโนมัติ จึงช่วยลดการใช้พลังงานลง ส่วนในการนำส่งปูนซีเมนต์ ก็เช่นกัน ฮิตาชิจะวิเคราะห์ข้อมูลการปฏิบัติการของรถขนส่งปูนซีเมนต์ และพัฒนาแผนการขนส่งที่ดีที่สุด เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านลอจิสติกส์และสินค้าคงคลังลง

บริษัททั้งสามจะดำเนินการตรวจสอบกระบวนการ รวมทั้งผลรับ เพื่อพิจารณาร่วมมือในการใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีของฮิตาชิ รวมทั้งพิจารณาขยายขอบเขตการใช้งานต่างๆ ทั้งนี้ ฮิตาชิ และฮิตาชิ เอเซีย (ประเทศไทย) จะสร้างบริการรูปแบบใหม่ผ่านการประสานความร่วมมือกับ SCG-CBM และมุ่งมั่นพัฒนาบริการบนโซลูชั่นหลักของ Lumada

ความเห็นจากนาย ชนะ ภูมี รองประธาน บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด

“ฮิตาชิ กับ SCG มีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนานแล้ว ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในการนำ ดิจิทัล เทคโนโลยี ในส่วนที่ ฮิตาชิ มีความชำนาญ มาร่วมกันพัฒนาต่อยอดในรูปแบบ Co-Creating เพื่อช่วยตอบโจทย์ทางธุรกิจของทั้ง 2 ฝ่าย

โดยความร่วมมือในครั้งนี้เริ่มจากการจัดการด้านพลังงาน และคงจะขยายความร่วมมือไปในด้านอื่น ตามแนวทางการพัฒนาองค์กรเพื่อมุ่งสู่ Industry 4.0 ของบริษัท”

ความเห็นจากนายจุน อาเบะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมและการกระจายสินค้า บริษัท ฮิตาชิ จำกัด

“ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เริ่มต้นการประสานความร่วมมือกับ SCG-CBM ซึ่งจะเป็นผู้นำให้กับภาคอุตสาหกรรมของไทยต่อไป ผมเชื่อว่าดิจิทัลเทคโนโลยีของฮิตาชิที่ครอบคลุมในหลากหลายอุตสาหกรรมรวมถึงการกระจายสินค้า ประสานความร่วมมือโดยใช้ Lumada จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เราจะทำงานร่วมกับ SCG-CBM เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรม โดยเป้าหมายที่จะทำให้นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ประสบความสำเร็จ”

ความเห็นจากนายโยชิโตะ โคดะมะ กรรมการผู้จัดการบริษัท ฮิตาชิ เอเซีย (ประเทศไทย) จำกัด

ผมรู้สึกยินดีที่กลุ่มฮิตาชิมีส่วนร่วมกับ SCG-CBM ในการยกระดับห่วงโซ่คุณค่าไปอีกขั้นโดยใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีของเรา ยิ่งไปกว่านั้น ด้วย “ศูนย์ Lumada ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้เปิดตัวเมื่อวานนี้ จะทำให้กลุ่มฮิตาชิสามารถสนับสนุนการเดินหน้าไปสู่ความเป็นดิจิทัลของอุตสาหกรรมทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในอาเซียนได้เป็นอย่างดี