Google ประกาศเปิดตัว Pixel 5 และ Pixel 4a 5G สองสมาร์ตโฟนรุ่นแรกของบริษัทที่รองรับ 5G พร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ OLED และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 11 มาตั้งแต่แกะกล่อง
สเปก Pixel 5
ตัวเครื่องมีขนาด 144.7 x 70.4 x 8 มม. และน้ำหนัก 151 กรัม หน้าจอแสดงผลแบบ OLED ความละเอียด FHD+ 1080 x 2340 พิกเซล ขนาด 6 นิ้ว ในสัดส่วน 19.5:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรทที่ 90Hz รองรับ HDR10+, Always-on display และครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 6
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.4GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 765G (7nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 620, RAM 8GB, หน่วยความจำภายใน 128GB และรันบระบบปฏิบัติการ Android 11
ติดตั้งกล้องหลังคู่ Dual Camera พร้อมไฟแฟลชคู่ LED โดยกล้องหลัก ความละเอียด 12.2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7, ระบบ Dual Pixel และระบบกันสั่น OIS กล้องรองเลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ถ่ายมุมกว้างได้ 107 องศา ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
โดยมาพร้อมโหมด HDR+ ที่ให้ความคมชัดและสว่างไสว แม้ถ่ายย้อนแสง, โหมดถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait Mode) ในสภาวะแสงน้อย ก็ยิ่งเพิ่มลูกเล่นให้กับภาพถ่ายตอนกลางคืนได้แบบงามๆ และดูเป็นธรรมชาติ, โหมด Portrait Light ที่ปรับแสงสีให้กับภาพถ่ายที่แม้ว่าแสงธรรมชาติจะไม่เป็นใจ แต่เราก็ยังสามารถจัดแสงได้เองแบบเนียนๆ และโหมดถ่ายวิดีโอส Cinematic Pan ซึ่งจะเพิ่มความนิ่งให้กับการถ่ายวิดีโอโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม
รวมทั้งรองรับการกันน้ำกันฝุ่น IP68, ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างเครื่อง, รองรับ 2 SIM (nano SIM + eSIM), รองรับ 4G/5G , Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 5.0, NFC, พอร์ต USB Type-C และใช้แบตเตอรี่ความจุ 4,080mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 18W, รองรับชาร์จไร้สาย และรองรับการชาร์จไร้สายให้อุปกรณ์อื่น (Battery Share)
ทั้งนี้ Pixel 5 มีให้เลือก 2 สีคือ Just Black และ Sorta sage ราคา 699 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 22,100 บาท โดยเปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้ในอเมริกา และจะเริ่มจัดส่งวันที่ 15 ตุลาคม 2020 เป็นต้นไป
สเปก Pixel 4a 5G
ตัวเครื่องมีขนาด 169.2 x 72.6 x 8.2 มม. และน้ำหนัก 168 กรัม หน้าจอแสดงผลแบบ OLED ความละเอียด FHD+ 1080 x 2340 พิกเซล ขนาด 6.2 นิ้ว ในสัดส่วน 19.5:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรทที่ 60Hz รองรับ HDR10, Always-on display และครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 3
ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.4GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Snapdragon 765G (7nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 620, RAM 6GB, หน่วยความจำภายใน 128GB และรันบระบบปฏิบัติการ Android 11
ติดตั้งกล้องหลังคู่ Dual Camera พร้อมไฟแฟลชคู่ LED โดยกล้องหลัก ความละเอียด 12.2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7, ระบบ Dual Pixel และระบบกันสั่น OIS กล้องรองเลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ถ่ายมุมกว้าง 107 องศา ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
รวมถึงมีโหมด Portrait Light ที่ช่วยปรับแต่งแสงในภาพที่ถ่ายจากโหมดบุคคลได้ตามใจชอบ, โหมด Night Sight สำหรับถ่าย Portrait Mode หน้าชัดหลังเบลอได้ชัดขึ้น แม้จะอยู่ในที่แสงน้อยก็ตาม และโหมด Cinematic Pan ที่จะทำให้ผู้ใช้งานถ่ายวิดีโอให้ได้ฟิลแบบถ่ายหนังภาพยนตร์
นอกจากนี้ Pixel 4a 5G ยังมาพร้อมชิปรักษาความปลอดถัย Titan M Chip ที่ทาง Google ได้รับประกันเอาไว้ว่า จะข้อมูลส่วนตัวต่างๆ อย่างแชท ไฟล์ รูปภาพ ฯลฯ จะไม่ถูกขโมยไปอย่างแน่นอน ทุกอย่างที่อยู่บน Pixel 4a 5G จะเซฟหมด
รวมถึงติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังเครื่อง, รองรับ 2 SIM (nano SIM + eSIM), รองรับ 4G/5G, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 5.0, NFC, พอร์ต USB Type-C, ช่องหูฟัง 3.5 มม. และใช้แบตเตอรี่ความจุ 3,885mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 18W และUSB Power Delivery 2.0
ทั้งนี้ Pixel 4a 5G มีให้เลือก 2 สีคือ Just Black และ Clearly White ราคา 499 ดอลล่าร์สหรัฐหรือประมาณ 15,800 บาท โดยจะวางจำหน่ายที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นที่แรกในวันที่ 15 ตุลาคม 2020 ส่วนประเทศอื่นๆ จะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป
ที่มา : Gsmarena