เปรียบเทียบดีไซน์การออกแบบ

ต่อไปเรามาดูตัวเครื่องกันในด้านดีไซน์การออกแบบกันครับ โดยทั้งคู่ถือเป็นโทรศัพท์ที่มีดีไซน์สวยโดดเด่นด้วยกันทั้งคู่ ขึ้นอยู่กับผู้ใช้เลยครับว่าจะชอบเครื่องไหนมากกว่ากัน โดยเราไปดูรายละเอียดของตัวเครื่องกันครับ

ทางด้านดีไซน์ของ Samsung Galaxy A12 จะมาพร้อมการออกแบบสไตล์สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ปี 2021 ของซัมซุงเลยครับ โดยจะมาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ มีขอบที่บางทุกด้าน แต่ขอบด้านล่างจะหนากว่าเล็กน้อย และใช้กล้องหน้าสไตล์รอยบาก waterdrop 

ส่วนทางด้านสเปครุ่นนี้จะมีหน้าจอ PLS IPS ขนาด 6.5 นิ้ว มีสัดส่วนหน้าจอต่อบอดี้ที่ประมาณ 82.1% ความละเอียดหน้าจอ 1600 x 720 พิกเซล สัดส่วน 20:9 และมีความหนาแน่พิกเซลต่อตารางนิ้วที่ 270 ppi

ต่อมาเป็นทางด้าน OPPO A54 กันบ้างครับ ที่ด้านของรุ่นนี้ก็จะใกล้เคียงกับของทางซัมซุงครับ โดยจะมีขอบหน้าจอที่บางในทุกด้านยกเว้นด้านล่างที่หนากว่าเล็กน้อย และมีความแตกต่างอยู่ที่กล้องหน้าจะเป็นแบบเจาะรู punch-hole จุดนี้ถือว่าแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนเลยครับว่าชอบแบบไหน สวยทั้งคู่

ส่วนด้านสเปคหน้าจอของ OPPO A54 จะมาพร้อมหน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้วใกล้เคียงกัน มีสัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องที่ 82.6% ความละเอียดหน้าจอ 1600 x 720 พิกเซล สัดส่วน 20:9 และมีความหนาแน่พิกเซลต่อตารางนิ้วที่ 270 ppi 

โดยรวมแล้วด้านหน้าจอทั้งคู่ถือว่ามีสเปคที่ใกล้เคียงกันมาก แต่สำหรับการใช้งานจริงผู้รีวิวส่วนตัวจะชอบหน้าจอของ OPPO A54 มากกว่าครับ เนื่องจากเมื่อเทียบกันแล้วหน้าจอดูมีความสว่างมากกว่า แต่ก็ไม่ต่างกันมากจนเป็นประเด็นอะไร โดยรวมถือว่าดีทั้งคู่ครับ

ในขณะที่ทางด้านดีไซน์ด้านหลังของ Samsung Galaxy A12 จะมาในรูปแบบทูโทนครับ โดยด้านบนจะเป็นพื้นผิวมี texture จับแล้วไม่ลื่นมือ ช่วยให้จับแล้วรู้สึกมั่นใจว่าจะไม่ลื่นหลุดมือได้ง่ายๆ ในขณะที่ทางด้านล่างจะเป็นพื้นผิวแบบขัดมัน บริเวณด้านบนมีกรอบกล้องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีกล้อง 4 ตัว พร้อมไฟแฟลชที่ด้านล่าง ส่วนโลโก้ Samsung จะถูกวางที่บริเวณพื้นผิวด้านล่าง ดูแล้วก็สวยมีสไตล์ไปอีกแบบครับ 

ส่วนทางด้าน OPPO A54 ก็มีดีไซน์ด้านหลังที่สวยโดดเด่นไม่แพ้กันครับ โดยพื้นผิวทั้งหมดจะเป็นแบบมันเงา มีสีสันแบบไล่เฉดสี Gradient (สวยดี แต่รอยนิ้วมือติดง่ายมาก) มีกรอบกล้องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสำหรับวางกล้อง 3 ตัว และกล้องหลอกเขียน AI อีกหนึ่งช่อง ถัดลงมาเป็นไฟแฟลช และมีโลโก้ OPPO ที่ด้านล่างขวา

อย่างที่บอกไปครับว่าด้านการออกแบบถือว่ามาสวยทั้งคู่ ต่างแบบ ต่างสไตล์กันไป เอาเป็นว่าใครชอบแบบไหนก็ว่ากันไป ตามรสนิยมครับ

ส่วนการสแกนนิ้วตรงนี้ผู้รีวิวก็ให้เสมอกันครับ เพราะทั้งทางด้าน Samsung Galaxy A12 และ OPPO A54 มาพร้อมกับระบบยืนยันอัตลักษณ์บุคคล หรือการสแกนนิ้วที่เหมือนกัน คือ การสแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้าง ซึ่งเหมาะกับยุคโรคระบาดช่วงนี้มากครับ เพราะการสแกนใบหน้าจะค่อนข้างทำได้ลำบากในช่วงนี้นั่นเอง โดยการสแกนถือว่าทำได้รวดเร็วพอๆ กันครับ ดังนั้นจุดนี้เราให้เสมอกันไปจ้า

และทางด้านความบาง สำหรับคนที่ชอบมือถือบางๆ โดยรวมทั้งคู่ถือว่าเป็นมือถือที่ไม่หนาจนเกินไปครับ ซึ่งถ้าวัดกันจริงๆ ก็จะเป็นทาง OPPO A54 ที่มีความบางน้อยกว่า (เฉือนกันในหลักมิลลิเมตร) เช่นเดียวกับน้ำหนักที่ออปโป้สามารถทำได้ดีกว่า แต่ใช้งานจริงต้องบอกว่าแทบไม่ต่างกันครับ ถือว่าพกพาง่ายทั้งคู่จ้า 

เปรียบเทียบประสิทธิภาพการทำงาน

อีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ทำให้ Samsung Galaxy A12 โดดเด่นกว่า OPPO A54 นอกจากเรื่องกล้องถ่ายภาพแล้ว ก็ด้านระบบประมวลผลนี่ล่ะครับ

โดย Samsung Galaxy A12 ใช้หน่วยประมวลผลใหม่ Exynos 850 แรม 4GB รอม 128GB ที่ช่วยให้เครื่องทำงานได้เร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 30%CPU Exynos 850 ที่ใหม่กว่า และใช้สถาปัตยกรรมที่ล้ำสมัยกว่า (8nm) ขณะที่ OPPO A54 มาพร้อมกับชิป Mediatek MT6765 Helio P35 ซึ่งเป็นชิปรุ่นเก่าที่ใช้สถาปัตยกรรม 12nm ที่ล้าสมัยกว่า

ดังนั้น ชิปที่ใหม่กว่า ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การใช้งานที่เร็วแรงมากกว่า โดยทางซัมซุงบอกว่าชิปรุ่นนี้สามารถทำงานได้เร็วกว่าชิปรุ่นก่อนถึง 30% ช่วยให้การทำงานลื่นไหลไม่สะดุด โดยเฉพาะการเล่นเกมที่เห็นชัดๆ ว่าลื่นไหลกว่าสมาร์ทโฟนในราคาระดับเดียวกัน 

นอกจากนี้แม้ว่า RAM และ ROM ของทั้งคู่จะเท่ากันที่ RAM 4GB และ ROM ความจำภายในจะอยู่ที่ 128GB เหมือนกัน แต่การเพิ่มหน่วยความจำเสริมได้สูงสุดของ Samsung Galaxy A12 สามารถทำได้เหนือกว่าหลายเท่าตัวครับ โดยของซัมซุงจะรองรับที่สูงสุด 1TB ในขณะที่ OPPO A54 จะรองรับแค่เพียง 256GB เท่านั้น ตรงนี้ใครชอบถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอ หรือเก็บหนัง เก็บซีรีย์ เก็บเพลง หรือความบันเทิงอื่นๆ แนะนำว่าเลือกที่รองรับความจำสูงกว่าดีกว่าครับ

และที่ขาดไม่ได้สำหรับสมาร์ทโฟนยุคนี้ คือด้านการเล่นเกมครับ ซึ่งถึงแม้คุณจะไม่ได้เล่นเกมอะไรมาก แต่เชื่อเถอะว่าหลายคนก็เลือกมือถือที่เล่นเกมดีแน่นอน เพราะมือถือเล่นเกมดีมันช่วยการันตีด้านการประมวลผลที่ดีกว่า โดยทั้งคู่แม้ว่าจะมาพร้อมกับชิปประมวลผลที่แรงระดับเริ่มต้นเหมือนกันก็ตาม แต่ทางด้าน Samsung Galaxy A12 มาพร้อมชิปที่ใช้สถาปัตยกรรม 8nm ที่ดีกว่า ช่วยให้การประมวลผลทำได้ลื่นไหลกว่า รวมไปถึงการใช้พลังงานที่ประหยัดกว่า แถมเล่นเกมนานๆ จากการทดลองก็ไม่ค่อยร้อนด้วยครับ

ในขณะที่ด้านความบันเทิงอื่นๆ ทั้งคู่ทั้ง Samsung Galaxy A12 และ OPPO 54 ถือว่าทำได้ใกล้เคียงกันครับ คือสามารถดูหนังฟังเพลงได้ดีพอๆ กัน แต่อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าหน้าจอของ OPPO A54 ดูจะมีความสว่างมากกว่าเล็กน้อย ทำให้สมาร์ทโฟนของออปโป้ดูจะดีกว่าเล็กน้อยครับ

แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าทาง Samsung Galaxy A12 จะแก้เกมตรงนี้ด้วยการเพิ่มสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า โดยให้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมมากมาย อาทิการเป็นสมาชิก YouTube Premium, Spotify Premium, Adobe Lightroom, และสิทธิประโยชน์มากมาย จากหลากหลายพาร์ทเนอร์ใน Galaxy Gift ตรงนี้ใครที่ชอบด้านความบันเทิง ก็ถือว่ายิ่งคุ้มค่าเข้าไปใหญ่ครับ

แบตเตอรี่และการใช้งาน

ด้านการใช้งานแบตเตอรี่ ทั้งคู่ถือว่าเป็นมือถือที่อึดระดับต้นๆ ของตลาดในราคาระดับนี้เลยครับ โดยทาง Samsung Galaxy A12 และ OPPO A54 ให้แบตเตอรี่มาความจุเท่ากันที่ 5000mAh แน่นอนว่าทั้งคู่สามารถใช้งานได้ข้ามวันสบายๆ สำหรับการใช้งานทั่วไปอยู่แล้วครับ แต่สำหรับการชาร์จไฟกลับทางด้าน OPPO A54 ดูเหมือนว่าจะเฉือนชนะไปได้แบบสูสีครับ โดยจะชาร์จเร็วกว่าที่ 18W ในขณะที่ Samsung Galaxy A12 ชาร์จเร็วที่ 15W ถือว่าต่างกันไม่มากครับ สูสีจริงๆ และดีอีกอย่างคือทั้งคู่ใช้ที่ชาร์จแบบ USB-C ที่ทันสมัยทั้งคู่ ตรงนี้ถือว่าดีมากครับ

Conclusion สรุป

โดยสรุปนะครับทั้งทางด้าน Samsung Galaxy A12 และ OPPO A54 ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่มีความน่าสนใจในระดับราคาเริ่มต้นทั้งคู่ครับ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ทั้งคู่ถือว่ามีจุดเด่นหรือจุดสังเกตที่แตกต่างกันไป

ทางด้าน Samsung Galaxy A12 แน่นอนว่าจะโดดเด่นในด้านความคุ้มค่าครับ เพราะมีราคาค่าตัวอยู่ที่ 5,299 บาทเท่านั้น แต่จะได้สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมชิปเทคโนโลยีใหม่กว่า กล้องหลังถ่ายภาพสนุกกว่าเพราะมีกล้องครบช่วงมากกว่า มีกล้อง Ultrawide รวมถึงคุณภาพของกล้องที่ชัดกว่า และสามารถเก็บหนังเก็บไฟล์ข้อมูลได้สูงสุดถึง 1TB เยอะกว่าเห็นๆ 

ในขณะที่ OPPO A54 ซึ่งมีราคาแพงกว่าที่ 5,990 บาท จะจุดเด่นชัดๆ คือด้านกล้องหน้าที่แจ่มกว่า เพราะมีความละเอียดสูงกว่า และคุณภาพของไฟล์ดูเนียนกว่า และอีกอย่างที่เหนือกว่าคือการชาร์จที่เร็วกว่าที่ 18W เท่านั้น

ส่วนที่เหลือก็ถือว่าพอๆ กันไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ครับ ไม่ว่าจะเป็นด้านดีไซน์การออกแบบที่ก็แล้วแต่ชอบเลยครับ 

และอย่าลืมว่าทาง Samsung ประเทศไทยยังมอบความคุ้มค่าให้ผู้ซื้อ Samsung Galaxy A12 ได้มากกว่านอกจากราคาที่ถูกกว่าแล้ว ลูกค้ายังจะได้รับ :

• รับสิทธิ์ YouTube Premium ดูวิดีโอแบบไม่มีโฆษณาคั่น ฟรี 2 เดือน
• รับสิทธิ์ Spotify Premium เพลิดเพลินกับเพลงโปรดแบบไม่มีโฆษณาคั่น ฟรี 3 เดือน
• ใช้งานแอปพลิเคชัน Adobe Lightroom แบบพรีเมียมฟรีถึง 2 เดือน เมื่อดาวน์โหลดจาก Galaxy Store
• และสิทธิประโยชน์มากมาย จากหลากหลายพาร์ทเนอร์ใน Galaxy Gift

จุดนี้ใครที่มองหาสมาร์ทโฟนโดยเน้นความคุ้มค่าเป็นหลัก ส่วนต่างราคาประมาณ 1 พันบาทก็ถือว่าเยอะไม่ใช่น้อยครับ ดูแล้วน่าจะเหมาะกับ Samsung Galaxy A12 มากกว่าครับ อย่างไรก็ตามต้องลองไปเล่นเครื่องจริงก่อนค่อยตัดสินใจก็ได้ครับ

สำหรับวันนี้ทีมงาน MobileOcta ก็ต้องขอลากันไปก่อน หากผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยไว้ด้วยครับ จนกว่าจะพบกันใหม่ สวัสดีครับ 🙂