เอซุส (ประเทศไทย) เปิดตัวสินค้า ROG Ally X ภายใต้แบรนด์ รีพับบลิค ออฟ เกมเมอร์ส (ROG) ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ กับราคาเปิดตัว 29,990 บาท สานต่อความสำเร็จของ ROG Ally ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว
โดย ROG Ally X ได้อัปเกรดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลจาก 512GB เป็นขนาด 1TB M.2 ขนาด 2280 และอัป RAM มากขึ้นจาก 16GB เป็น 24GB แบบ LPDDR5X-7500 แบตเตอรี่อึดขึ้นขนาด 80Wh พร้อมการออกแบบดีไซน์ตัวเครื่องใหม่ ที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ทำให้จับถนัดมือยิ่งขึ้นกับน้ำหนักเพียง 678 กรัม
มีพอร์ต USB Type-C ถึง 2 จุด รองรับการชาร์จได้สูงสุด 100W การระบายความร้อนแบบรอบด้านที่รองรับทุกองศาการใช้งาน ด้วยตัวพัดลมใหม่ทำงานคู่กับช่องระบายความร้อนที่สาม ที่เพิ่มขึ้นมา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายอากาศถึง 24% ช่วยให้แผงจอ Touch screen สามารถเย็นลงได้ถึง 6 องศาเซลเซียส
อีกทั้ง Joysticks ได้ออกแบบบนมาตรฐาน XBOX และได้มีการใช้ Trigger แบบ Hall Effect Triggers เพื่อเพิ่มความแม่นยำและยืดอายุการใช้งาน
ทั้งนี้ ROG Ally X พร้อมแล้วที่จะมอบประสบการณ์อันล้ำค่าแก่ผู้เล่นผ่านเครื่องเล่นเกมพกพา ให้สนุกเพลิดเพลินได้กับทุกเกม ทุกที่ ไร้ขีดจำกัด #playALLYourgames
เพิ่มพื้นที่จัดเก็บ, RAM เร็วแรง, แบตอึดกว่าเดิม
ที่ผ่านมาทาง ROG ได้รวบรวมความคิดเห็นของผู้ใช้งาน รวมถึงข้อเสนอแนะที่มีต่อรุ่นที่แล้ว มาสานต่อเป็น ROG Ally X ซึ่งในภาพรวมตัว CPU จะยังคงใช้โปรเซสเซอร์ AMD Ryzen™ Z1 Extreme ที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ Zen 4 จำนวน 8 แกน มีความถี่สูงสุด 5.1 GHz บนระบบปฏิบัติการ Windows 11
ด้าน GPU ก็ยังคงใช้ RDNA 3 Radeon 780M พร้อม 12CU ที่ความถี่สูงสุด 2.7 GHz ซึ่งสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้พลังงานประมาณ 15W เท่านั้น
ทั้งนี้สิ่งสำคัญอย่างแรกคือการเพิ่มพื้นที่จัดเก็บ SSD จาก 512GB เป็น 1TB M.2 ขนาด 2280 ให้เพียงพอสำหรับจัดเก็บเกม และสามารถถอดอัปเกรดได้ง่ายในอนาคตหากต้องการขนาดความจุที่มากขึ้น
อย่างที่สอง ROG Ally X มีการเพิ่มขนาด RAM จาก 16GB เป็น 24GB แบบ LPDDR5X บนความเร็ว 7500 MHz โดยสามารถจัดสรรหน่วยความจำระหว่าง CPU และ GPU
โดยสำหรับ GPU สามารถแบ่งได้สูงสุด 16GB หรือจะตั้งค่าแบบ Auto เพื่อให้คุณสามารถใช้งาน ROG Ally X ได้เหมาะสมกับการใช้งาน
ตามด้วยอย่างที่สาม ROG เข้าใจว่าลูกค้าต้องการเครื่องเล่นเกมพกพาที่เล่นได้นานมากขึ้น สามารถสนุกกับการผจญภัยในโลกของเกมได้ทุกที่ จึงได้อัปเกรดแบตเตอรี่ให้มีความจุขนาดใหญ่ขึ้น จาก 40Wh เป็น 80Wh
โดยขนาดเครื่องมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย จาก 608 กรัม เป็น 678 กรัม ซึ่งจากการทดสอบสามารถเล่นเกมได้สูงสุด 2.7 ชั่วโมง หรือดู Netflix และ YouTube ได้สูงสุด 14.5 ชั่วโมง
การออกแบบที่คำนึงถึงผู้เล่น
ROG Ally X โดดเด่นด้วยตัวเครื่องสีดำใหม่ สุดเท่ ผ่านการออกแบบที่คำนึงถึงหลักสรีรศาสตร์มากที่สุด โดยมีการเปลี่ยนตรง Grip ที่จับให้มีความโค้งมนรับกับมือ ด้วยความสูงที่เพิ่มขึ้น 4.5 มม. และมีความลึกลงจากเดิมทำให้จับถือสะดวก
และยังปรับตำแหน่งของจอยสติ๊กให้สัมพันธ์กับ D-Pad และปุ่มอื่นๆ ทำให้การกดสามารถเคลื่อนไปมาระหว่างกันได้ง่ายขึ้น ในขณะที่ส่วนเอียง 2° และ 14° ที่ปรับแต่งพิเศษ ทำให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายมากที่สุด
ด้านหน้าจอมีขนาด 7 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080p และอัตราการรีเฟรช 120Hz พร้อมรองรับ FreeSync™ Premium ทำให้การเล่นเกมเป็นเรื่องที่สนุกสนานอย่างแท้จริง ในขณะที่หน้าจอ LCD ทั่วไปมีความสว่างสูงสุดประมาณ 200-300 nits
แต่ ROG Ally X สามารถปรับความสว่างได้ถึง 500 nits ด้วยความสว่างที่สูงขึ้นช่วยให้เครื่องแสดงภาพบนหน้าจอได้อย่างชัดเจนแม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงสว่าง พร้อมค่าขอบเขตของสีแบบ sRGB 100%
ตัวแชสซีได้ปรับแต่งใหม่ให้มีการยึดเกาะเป็นพิเศษ ป้องกันการลื่นของนิ้วมือ มีขนาดเบา ซึ่งช่วยชดเชยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของแบตเตอรี่ขนาด 80Wh ได้มาก ด้านตัว Analog หมุนบังคับของจอยสติ๊ก สามารถหมุนได้ถึง 5 ล้านรอบ เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากรุ่นก่อน ส่วนปุ่ม D-Pad ได้รับการออกแบบใหม่เพื่อลดความเหนียวเมื่อเคลื่อนที่เป็นวงกลม ในขณะที่ยังคงสั่งงานได้อย่างแม่นยำ
ขณะที่ปุ่มมาโคร 2 ปุ่ม (M1 และ M2) ตรงด้านหลังเครื่อง มีขนาดเล็กลงกว่ารุ่นก่อน มีความยืดหยุ่น ลดปัญหาการกดปุ่มแบบไม่ตั้งใจ
รวมทั้งปุ่มมาโครสามารถตั้งโปรแกรมให้ใช้งานฟังก์ชันเฉพาะ เพื่อใช้งานได้ในลักษณะเดียวกับการใช้ปุ่ม Fn บน PC พร้อมทั้งมีการใช้ Hall Effect Triggers ที่ช่วยให้ตัว Triggers เคลื่อนที่ได้แม่นยำ มีความทนทานสูงและจะไม่เสื่อมสภาพจากการใช้งานเป็นประจำ
ระบบระบายความร้อนได้ดีแบบรอบด้าน
ให้ตัวเครื่องเย็นลงด้วยระบบระบายความร้อน Zero Gravity แบบพัดลมคู่ ทำให้คงความเย็นและเสียงเงียบ รวมทั้งจำนวนใบพัดที่เพิ่มขึ้นและช่องระบายอากาศที่ 3 ตรงช่องด้านบนทำให้ ROG Ally X ระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยตัวพัดลมใน ROG Ally X ประกอบด้วยพัดลม 2 ตัว ที่มีขนาดเล็กลง 23% แต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายอากาศถึง 24% ช่วยให้หน้าจอ Touch screen มีอุณหภูมิเย็นลงถึง 6 องศาเซลเซียส อีกทั้งได้ออกแบบตัวใบพัดลมให้บางกว่าเดิม ทำให้มีพื้นที่ให้อากาศผ่านระหว่างใบพัดแต่ละใบได้มากขึ้น
ซึ่งตัวใบพัดลมที่หนาเพียง 0.1 มม. ช่วยให้ใส่แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 80Wh ได้ พร้อมยังติดตั้งตัวกรองฝุ่นที่ครอบคลุมช่องระบายอากาศทั้งสองช่อง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในพัดลม ทำให้ตัวเครื่องอยู่ได้นานหลายปี
อัปเดตพอร์ตเชื่อมต่อ
ROG Ally X มีพอร์ต USB Type-C จำนวน 2 พอร์ต เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อน ประกอบด้วยพอร์ต USB 3.2 Gen 2 Type-C หนึ่งพอร์ต และพอร์ต USB 4 Type-C หนึ่งพอร์ต
นอกจากนี้ พอร์ตทั้งสองยังรองรับ USB Power Delivery สูงสุด 100W เพื่อการชาร์จที่เร็วขึ้น เช่นเดียวกับ DisplayPort 1.4 สำหรับจอแสดงผลภายนอก
ทั้งนี้ตัวขนาด Adapter จะยังคงอยู่ที่ขนาด 65W เพื่อให้อุปกรณ์มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา แต่ยังคงประสิทธิภาพการชาร์จที่เร็วแรง
ระบบเสียงแบบจัดเต็ม
มีลำโพง Smart Amp แบบ front-facing แบบคู่ที่รองรับ Dolby Atmos ช่วยเพิ่มระดับเสียงที่เสมือนจริงและให้คุณดื่มด่ำไปกับเกมได้โดยตรง ในขณะที่ระบบตัดเสียงรบกวน AI แบบสองทางจะประมวลผลเสียงทั้งขาเข้าและขาออกเพื่อกรองเสียงรบกวนพื้นหลังที่รบกวนจากการแชทด้วยเสียงของคุณ
ทั้งนี้ ROG Ally X พร้อมแล้วที่จะให้คุณเป็นเจ้าของ ในราคาเปิดตัว 29,990 บาท โดยลูกค้าจะได้รับการรับประกันตัวเครื่อง Global Warranty 2 ปี เข้าศูนย์ได้กว่า 83 ประเทศทั่วโลก และ Carry-In Warranty 2 ปี
สามารถส่งตัวเครื่องเข้าศูนย์บริการใกล้บ้าน พร้อมฟรี! XBOX PC Game Pass ระยะเวลา 3 เดือน ให้คุณเล่นเกมได้มากกว่า 100 เกม
ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ https://th.rog.gg/om8i0t
ASUS Online Store: https://th.rog.gg/ekn4nh
ASUS Official Store บน Shopee: https://th.asus.click/q3yspf
ASUS Official Store บน Lazada: https://th.asus.click/iPUSWt