คลังเก็บ

เปิดตัว ASUS ROG Phone 9 และ ROG Phone 9 Pro มาพร้อมจอ AMOLED 6.78″ FHD+ 185Hz, ชิป Snapdragon 8 Elite และ RAM สูงสุด 24GB

ปีที่แล้ว ASUS ได้เปิดตัว ROG Phone 8 Series ที่พัฒนาเพื่อให้ใช้งานได้จริงมากขึ้นสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันด้วยการกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 และกล้อง Telephoto แต่ ASUS ก็ไม่ได้ลืมไปว่านี่คือเกมมิ่งสมาร์ตโฟน ดังนั้น ROG Phone 9 Series รุ่นใหม่ในปีนี้จึงเพิ่มประสิทธิภาพในทุกด้าน

สเปก ROG Phone 9 และ ROG Phone 9 Pro

ตัวเครื่องทั้ง 2 รุ่นมีขนาด 163.8 x 76.8 x 8.9  มม. และน้ำหนัก 227 กรัม หน้าจอแสดงผลแบบ LTPO AMOLED 1 พันล้านสี ความละเอียด FHD+ 2400 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.78 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 แสดงผลแบบ 10-bit

โดยมีอัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 165Hz เพื่อการเล่นเกมที่ราบรื่น และ 185Hz ในบางเกม, รองรับ HDR10, ความสว่างสูงสุด 2500 nits, ช่วงสี DCI-P3 107%, รองรับ Always-On displayและครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass Victus 2

ด้านหลังยังมีหน้าจอแสดงผลที่สองบนบอร์ดด้วย โดยมี AniMe Vision ซึ่งเป็นกริดของหลอดไฟ LED ขนาดเล็กที่สามารถใช้เพื่อปรับแต่งรูปลักษณ์ของโทรศัพท์ได้

ROG Phone 9 มีไฟ LED 85 ดวง (รุ่นก่อนหน้ามีไฟ RGB LED เพียงสี่ดวง) ในขณะที่ ROG Phone 9 Pro มีไฟ LED 648 ดวง ซึ่งเกือบจะสองเท่าของ 8 Pro ที่มีไฟ LED 341 ดวง

ASUS มีวิธีบางอย่างในการทำให้ AniMe Vision บนรุ่น Pro มีความละเอียดเพียงพอที่จะแสดงข้อความเป็นภาษาจีนและภาษาญี่ปุ่น และสามารถอัปโหลด GIF เพื่อเพิ่มแอนิเมชันแทนได้ มีเคล็ดลับอีกอย่างหนึ่งบนหน้าจอ AniMe Vision นั่นก็คือเกม! มีเกมย้อนยุคสี่เกม (อิงจาก Breakout, Snake, Invaders และอีกหนึ่งเกม) ที่สามารถเล่นได้ที่ด้านหลังของโทรศัพท์โดยใช้ AirTriggers

ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 4.32GHz โดยใช้ชิปเซ็ท Qualcomm SM8750-AB Snapdragon 8 Elite (3 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 830

ROG Phone 9 มีหน่วยความจำให้เลือก 3 ความจุคือ RAM 12GB+256GB และ RAM 12GB+512GB

ส่วนรุ่น ROG Phone 9 Pro มีหน่วยความจำเดียวคือ RAM 16GB+512GB และรุ่น ROG Phone 9 Pro Edition มีหน่วยความจำเดียวคือ RAM 24GB+1TB

ทั้ง 3 รุ่นรันบนระบบปฎิบัติการ Android 15 ครอบทับด้วย ROG UI รองรับการอัปเดต 2 เวอร์ชัน และอัปเดตด้านความปลอดภัยเป็นเวลาทั้งหมด 4 ปี

ROG Phone 9 ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว Triple Camera พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย

  • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony LYTIA 700, รูรับแสง f/1.9, 24mm (wide), 1/1.56″, 1.0µm, ระบบPDAF และระบบกันสั่น gimbal OIS
  • กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2, 13mm และถ่ายมุมกว้างได้ 120 องศา
  • กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4

ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.5, 22mm (wide), 1/3.2″, 0.7µm

ROG Phone 9 Pro ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว Triple Camera พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย

  • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony LYTIA 700, รูรับแสง f/1.9, 24mm (wide), 1/1.56″, 1.0µm, ระบบPDAF และระบบกันสั่น gimbal OIS
  • กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2, 13mm และถ่ายมุมกว้างได้ 120 องศา
  • กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Telephoto ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4, 1/3.2″, 0.7µm, ระบบ PDAF, ระบบกันสั่น OIS และซูมออปติคอล 3x

ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.5, 22mm (wide), 1/3.2″, 0.7

ASUS ได้ปรับปรุงระบบระบายความร้อนให้ดีขึ้นอย่างมากด้วยการออกแบบระบบระบายความร้อน 360° SoC Gen 3 แผ่นกราไฟท์ที่ใหญ่ขึ้น 57% และ AeroActive Cooler X Pro ที่ออกแบบใหม่ ซึ่งรวมถึงใบพัดขนาดใหญ่ขึ้น 12.5% ​​และวัสดุระบายความร้อนที่ได้รับการปรับปรุง

นอกจากนี้ ตัวระบายความร้อนยังมีซับวูฟเฟอร์สำหรับเสียงสเตอริโอ 2.1 และเพิ่มปุ่มฮาร์ดแวร์ที่ไหล่เพื่อประสบการณ์การเล่นเกมที่ดื่มด่ำยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ROG Phone 9 Series ยังมาพร้อมกับ ROG Chill Case ซึ่งใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Composite Vapor Chamber (CVC) เพื่อลดอุณหภูมิได้มากถึง 17% ช่วยให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพสูงสุดที่สม่ำเสมอแม้ในระหว่างการเล่นเกม AAA ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง

รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังใต้หน้าจอ, ลำโพงสเตอริโอ พร้อมรองรับระบบเสียง Hi-Res & Hi-Res wireless audio, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G/5G, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6e/7, tri-band, Wi-Fi Direct, Bluetooth 5.4, NFC,

ช่องหูฟัง 3.5 มม. ซึ่งปรับแต่งโดย Dirac และรองรับเทคโนโลยี binaural ความละเอียดสูงที่เรียกว่า Dirac Virtuo ตัวเลือกไร้สายได้แก่ aptX Lossless, พอร์ต USB Type-C 3.1 (ด้านช้าง) พอร์ต USB Type-C 2.0 (ด้านท้าย), พอร์ต DisplayPort 1.4

และแบตเตอรี่ความจุ 5,800 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 65W ชาร์จ 100% ภายใน 46 นาที, รองรับ PD3.0, PPS, QC5 รวมทั้งรองรับการชาร์จไร้สาย 15W wireless (Qi) และชาร์จแบบย้อนกลับ 10W

ทั้งนี้ ASUS ROG Phone 9 มีให้เลือก 2 สีคือ Storm White และ Phantom Black ราคาเริ่มต้นที่ 999.99 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1,099 ยูโรหรือประมาณ 34,500 / 40,165 บาท สำหรับรุ่น RAM 12GB+256GB ในขณะที่รุ่น RAM 12GB+512GB มีราคา 1,149 ยูโรหรือประมาณ 41,990 บาท

ส่วน Asus ROG Phone 9 Pro มีจำหน่ายเฉพาะสี Phantom Black ในราคา 1,199.99 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1,300 ยูโร หรือประมาณ 41,450 / 47,510 บาท สำหรับรุ่น RAM 16GB +512GB

และ ROG Phone 9 Pro Edition ระดับพรีเมียม มาพร้อม RAM 24GB+1TB และ AeroActive Cooler X Pro ราคา 1,499.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 1,500 ยูโรหรือประมาณ 51,790 / 54,820บาท

ทั้งสองรุ่นเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าแล้ว และจะเริ่มจัดส่งในวันพรุ่งนี้ในไต้หวัน ฮ่องกง และจีน โดยจะจัดส่งในยุโรปในเดือนธันวาคม และวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาในเดือนมกราคม 2025

ที่มา : Gsmarena