Apple ประกาศเปิดตัว iPad Pro (2018) รุ่นใหม่ล่าสุดพร้อมดีไซน์แบบหน้าจอทั้งหมดและสมรรถนะเจเนอเรชั่นถัดไป ซึ่งนับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดของ iPad เท่าที่เคยมีมา
ดีไซน์แบบใหม่หมดขยายจอภาพ Liquid Retina 11 นิ้วและ 12.9 นิ้วไปจนถึงขอบของ iPad Pro อีกทั้งยังมี Face ID สำหรับปลดล็อค iPad
ชิป A12X Bionic กับ Neural Engine เจเนอเรชั่นถัดไปใน iPad Pro มีสมรรถนะดีกว่าแล็ปท็อปส่วนบุคคลส่วนใหญ่ อีกทั้งยังมีช่อง USB-C, LTE ระดับกิกะบิต และพื้นที่จัดเก็บข้อมูล 1TB เพื่อรองรับขั้นตอนการทำงานบนมือถือที่หลากหลายยิ่งขึ้น
แอปฯหลายล้านตัวได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์จากจอภาพ Multi-Touch ขนาดใหญ่ รวมถึงแอปฯเจเนอเรชั่นถัดไปอย่างเช่น Photoshop CC บน iPad (พร้อมใช้ในปี 2019) iPad Pro รุ่นใหม่นี้จะขยายขอบเขตสิ่งที่ผู้ใช้สามารถทำได้บนคอมพิวเตอร์ให้กว้างขึ้นไปอีก
Apple Pencil รุ่นที่สองจะยึดติดกับ iPad Pro ด้วยพลังแม่เหล็กและชาร์จแบบไร้สายในเวลาเดียวกัน เซ็นเซอร์ระบบสัมผัสแบบใหม่ที่ติดตั้งไว้บน Apple Pencil จะตรวจจับการแตะ เพื่อนำเสนอวิธีการใหม่ในการโต้ตอบภายในแอปฯ Smart Keyboard Folio รุ่นใหม่มาพร้อมกับดีไซน์ที่เฉียบกว่าเดิมและปรับได้เพื่อให้ใช้งานได้หลากหลายยิ่งขึ้น
iPad Pro มาพร้อมกับจอภาพที่คุยว่าทันสมัยที่สุดในโลก ซึ่งก็คือจอภาพ Liquid Retina แบบจรดขอบอันงดงาม พร้อมทั้งมุมมนที่เข้ากับส่วนโค้งของตัวเครื่อง iPad Pro แบบ Unibody ด้วยแก้วขึ้นรูปความเที่ยงตรงสูง การมาส์กพิกเซลขั้นสูง การลดรอยหยักพิกเซลย่อย และดีไซน์ไฟแบ็คไลท์ใหม่
จอภาพ Liquid Retina แบบใหม่ใน iPad Pro จึงกลายเป็นจอภาพ iPad ที่สว่างที่สุดและมีสีสันถูกต้องแม่นยำที่สุดของ Apple พร้อมทั้งรองรับช่วงสีกว้าง, True Tone และเคลือบสารกันแสงสะท้อนเพื่อให้ประสบการณ์การรับชมถูกต้องเป็นธรรมชาติทั้งในร่มและกลางแจ้ง
เทคโนโลยี ProMotion ปรับอัตรารีเฟรชหน้าจอสูงสุด 120Hz อัตโนมัติเพื่อให้การเลื่อนไปมาลื่นไหลสุด ๆ และการตอบสนองรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อใน iPad Pro
iPad Pro 11 นิ้วรุ่นใหม่มีจอภาพขนาดใหญ่กว่าและมีพิกเซลมากกว่ารุ่น 10.5 นิ้วที่มีขนาดเดียวกัน แต่หนักเพียง 1 ปอนด์ iPad Pro 12.9 นิ้วรุ่นใหม่บรรจุจอภาพขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดา iPad ทุกรุ่นไว้ในตัวเครื่องที่พกพาง่ายขึ้น
เพราะปริมาตรลดลงถึง 25 เปอร์เซ็นต์ ทั้งสองรุ่นมีความบางเพียง 5.9 มม. ซึ่งเป็นดีไซน์ iPad ที่บางที่สุดเท่าที่เคยมีมา ที่ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับกล้องและเซ็นเซอร์ขั้นสูง ตลอดจนลำโพงทั้ง 4 ตัวที่ได้รับการปรับปรุงใหม่
ชิป A12X Bionic ได้รับการผลิตขึ้นมาเพื่อ iPad Pro โดยเฉพาะและเป็นชิปที่ชาญฉลาดและทรงพลังมากที่สุดในแท็บเล็ต ทำให้แม้กระทั่งงานประมวลผลที่หนักที่สุดอย่างเช่นการตัดต่อรูปภาพหรือการสร้างโมเดล 3 มิติรวดเร็วและตอบสนองไวขึ้น ผลิตขึ้นจากเทคโนโลยี 7 นาโนเมตรชั้นนำของอุตสาหกรรม
ชิป A12X Bionic แปดคอร์อันทรงพลังมีคอร์ประมวลผลการ 4 ตัวและคอร์ประหยัดพลังงาน 4 ตัว เพื่อให้สมรรถนะการทำงานแบบคอร์เดียวเร็วขึ้นถึง 35% และตัวควบคุมสมรรถนะแบบใหม่สำหรับการใช้งานพร้อมกันทั้ง 8 คอร์
GPU เจ็ดคอร์ที่ Apple ออกแบบเองมอบสมรรถนะด้านกราฟิกสูงขึ้นเป็นสองเท่า เพื่อประสบการณ์ AR ที่ยอดเยี่ยมและดื่มด่ำและคุณภาพกราฟิกระดับคอนโซล iPad Pro รุ่นใหม่ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานถึง 10 ชั่วโมง
Neural Engine เจเนอเรชั่นถัดไปของ Apple ได้รับการสร้างขึ้นมาสำหรับการเรียนรู้ของเครื่องขั้นสูงทุกรูปแบบตั้งแต่การถ่ายภาพไปจนถึง AR เพราะมีความเร็วในการประมวล 5 ล้านล้านคำสั่งต่อวินาที
Neural Engine ทำให้ Face ID เร็วขึ้น การตรวจจับระนาบสำหรับแอปฯ AR เร็วขึ้น และคุณลักษณะใหม่อื่น ๆ ที่ใช้การเรียนรู้ด้วยเครื่องแบบเรียลไทม์เร็วขึ้น
Neural Engine ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบสมรรถนะที่ดีขึ้นสำหรับงาน Core ML ซึ่งช่วยเปิดทางให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปฯและขั้นตอนการทำงานใหม่ ๆ ของ iPad ที่ใช้เอนจิ้นการเรียนรู้ของเครื่องอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
iPad Pro รุ่นใหม่นี้ยังเป็นครั้งแรกของ iPad ที่มาพร้อมกับ Face ID ที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้ในขณะถือ iPad Pro ในตำแหน่งใดก็ตาม หรือในขณะนั่งโดยใช้ Smart Keyboard Folio ใหม่
นอกจากนี้ Face ID ยังใช้ประโยชน์จากระบบกล้อง TrueDepth เพื่อเชื่อมโยงและจดจำใบหน้าอย่างแม่นยำเพื่อปลดล็อค iPad Pro อย่างปลอดภัย เปิดใช้งาน Apple Pay ในแอปฯและทางออนไลน์
และช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงแอปฯที่ปลอดภัยได้อย่างง่ายดายเช่นกัน กล้อง TrueDepth บน iPad Pro ยังช่วยให้ใช้ Animoji และ Memoji ได้เช่นกัน
ช่องต่อ USB-C ใหม่มาแทนที่ช่องต่อ Lightning เพื่อรองรับรูปแบบการใช้งาน iPad Pro ที่หลากหลายยิ่งขึ้น ทั้งจ่ายไฟฟ้าสำหรับการชาร์จ รองรับ USB 3.1 รุ่นที่ 2 สำหรับการถ่ายโอนข้อมูลแบนด์วิธสูงถึงสองเท่าจากกล้องและเครื่องดนตรี และทำหน้าที่เชื่อมต่อจอภาพภายนอกสูงสุด 5K แม้กระทั่งการชาร์จ iPhone ด้วย iPad Pro ผ่าน USB-C ก็เป็นไปได้
iOS 12 นำคำสั่งนิ้วใหม่ ๆ มาสู่ iPad ที่ผู้ใช้ iPhone X และ iPhone XS คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ได้แก่การแตะเพื่อปลุกและการปัดนิ้วเพื่อไปหน้าจอโฮม เข้าถึงศูนย์ควบคุม และสำหรับการทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน
แอปฯคำสั่งลัดใหม่ช่วยผู้ใช้ iPad เชื่อมโยงขั้นตอนการทำงานอัตโนมัติเข้าด้วยกันได้อย่างเรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ ได้แก่ขั้นตอนการตัดต่อภาพ การตัดต่อวิดีโอ และการจัดการไฟล์และสินทรัพย์ การปรับปรุงการนำเข้ารูปภาพและการรองรับการตัดต่อภาพ RAW โดยตรง ช่วยให้ช่างภาพมีวิธีการทำงานที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและทำงานหลายอย่างบน iPad Pro ในเวลาเดียวกันได้
FaceTime แบบกลุ่มทำให้การติดต่อกลุ่มเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานในเวลาเดียวกันเป็นเรื่องง่าย คุณสามารถเพิ่มผู้เข้าร่วมได้ทุกเมื่อ เข้าร่วมในภายหลังหากการสนทนายังคงดำเนินอยู่ และเลือกที่จะเข้าร่วมโดยใช้วิดีโอหรือเฉพาะเสียงจาก iPhone, iPad หรือ Mac
ผู้ใช้สามารถใช้ประโยชน์จากหน้าจอขนาดใหญ่ร่วมกับ Animoji ใหม่และ Memoji แบบปรับแต่งเองได้บน iPad เพื่อเพิ่มความเฉพาะตัวให้กับภาพถ่ายและวิดีโอในแอปฯข้อความและ FaceTime
สำหรับการจัดจำหน่าย iPad Pro 11 นิ้วและ 12.9 นิ้วรุ่นใหม่จะวางจำหน่ายในสีเงินและสีสเปซเกรย์ และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาด 64GB, 256GB และ 512GB รวมทั้ง 1TB
iPad Pro 11 นิ้วและ iPad Pro 12.9 นิ้ว และอุปกรณ์เสริมอย่าง Apple Pencil และ Smart Keyboard Folio มีจำหน่ายผ่าน apple.com, ตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Apple และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์บางราย (ราคาอาจแตกต่างกันไป) พร้อมให้สั่งซื้อตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยจะวางจำหน่ายในร้านค้าตั้งแต่วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน ในสหรัฐอเมริกา และอีกกว่า 40 ประเทศและภูมิภาคต่างๆ
ราคา iPad Pro (2018) ในไทย
iPad Pro (2018) จอภาพขนาด 11 นิ้ว
- รุ่นความจุ 64 GB ราคา 28,900 บาท (Wi-Fi) และ 33,900 บาท (Wi-Fi + Cellular)
- รุ่นความจุ 256 GB ราคา 33,900 บาท (Wi-Fi) และ 38,900 บาท (Wi-Fi + Cellular)
- รุ่นความจุ 512 GB ราคา 40,900 บาท (Wi-Fi) และ 45,900 บาท (Wi-Fi + Cellular)
- รุ่นความจุ 1 TB ราคา 54,900 บาท (Wi-Fi) และ 59,900 บาท (Wi-Fi + Cellular)
iPad Pro (2018) จอภาพขนาด 12.9 นิ้ว
- รุ่นความจุ 64 GB ราคา 35,900 บาท (Wi-Fi) และ 40,900 บาท (Wi-Fi + Cellular)
- รุ่นความจุ 256 GB ราคา 40,900 บาท (Wi-Fi) และ 45,900 บาท (Wi-Fi + Cellular)
- รุ่นความจุ 512 GB ราคา 47,900 บาท (Wi-Fi) และ 52,900 บาท (Wi-Fi + Cellular)
- รุ่นความจุ 1 TB ราคา 61,900 บาท (Wi-Fi) และ 66,900 บาท (Wi-Fi + Cellular)
ส่วน Apple Pencil ใหม่ราคา 4,490 บาท และ Smart Keyboard Folio ใหม่ราคา 6,490 บาทสำหรับ iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว และราคา 7,290 บาทสำหรับ iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว
ที่มา : apple.com