คลังเก็บ

อีกขั้นของ AI ที่ทำให้ HUAWEI Mate 20 Series คือสมาร์ทโฟนอัจฉริยะที่ดีที่สุดแห่งปี

 

HUAWEI Mate 20 Series สมาร์ทโฟนเรือธงที่พัฒนาไปอีกขั้นด้วยการใช้ชิปเซ็ท Kirin 980 บนสถาปัตยกรรมการผลิตแบบ 7 นาโนเมตรรุุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล AI แบบคู่ (Dual-NPU) ภายในตัว ส่งผลให้ AI ในอุปกรณ์มือถือมีความฉลาดก้าวไปอีกขั้นมากขึ้นกว่าเดิม

Huawei Mate 20 Series

เชื่อว่าหลายคนคงอยากรู้ว่า อีกขั้นของเทคโนโลยี AI ที่ทำให้ HUAWEI Mate 20 Series ทั้ง 3 รุ่นคือ Huawei Mate 20, Mate 20 Pro และ Mate 20X ฉลาด มีประสิทธิภาพที่เหนือกว่า และเจ๋งกว่าสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นอื่นจนกลายเป็นสมาร์ทโฟนอัจฉริยะที่ดีที่สุดแห่งปีได้อย่างไร เราไปดูกันเลยดีกว่า

อีกขั้นของ AI บนชิปเซ็ทที่เร็ว แรง และประหยัดพลังงาน

HUAWEI Mate 20 Series ทั้ง 3 รุ่น ใช้ชิปเซ็ท Kirin 980 บนสถาปัตยกรรมการผลิตแบบ 7 นาโนเมตรที่ประกอบไปด้วยทรานซิสเตอร์ 6.9 พันล้านตัวอยู่บนชิปขนาดเท่าปลายเล็บมือ

ซึ่งเมื่อเทียบกับ Kirin 970 ชิปเซ็ต Kirin 980 ให้ประสิทธิภาพ CPU สูงขึ้น 75% GPU สูงขึ้น 46% และ NPU 226% ในขณะเดียวกัน CPU ใช้พลังงานน้อยลงถึง 58% GPU ใช้พลังงานน้อยลงถึง 178% และ NPU ใช้พลังงานน้อยลงถึง 182%

ทำให้ Kirin 980 มีความแรง และประหยัดพลังงานมากขึ้นกว่าชิป Kirin 970 ที่ใช้บน Huawei Mate 10 Series เป็นอย่างมาก

Kirin 980 ยังเป็นชิปเซ็ตรุ่นแรกที่ของโลกผลิตโดยใช้สถาปัตยกรรม CPU Cortex-A76 ชิปเซ็ตใหม่ล่าสุดนี้จัดเรียงหน่วยประมวลผลเป็น 3 ชั้น เพื่อผสานประสิทธิภาพการประมวลผลและการใช้พลังงานที่ต่ำเข้าด้วยกันให้เหมาะสมกับฟังก์ชั่นในการใช้งานและประหยัดพลังงาน โดยชั้นแรกจะเป็นหน่วยประมวลผลขนาดใหญ่พิเศษ 1 คู่ ถัดมาเป็นหน่วยประมวลผลขนาดใหญ่ 1 คู่ และสุดท้ายคือเป็นหน่วยประมวลผลขนาดเล็ก 2 คู่

อีกขั้นของ AI กับฟีเจอร์ HiVision แค่ใช้กล้องส่องก็รู้ไปหมด

ค้นข้อมูลต่างๆ ที่คุณอยากรู้ได้ง่ายๆ ไม่ต้องพิมพ์ให้เสียเวลา ด้วยฟีเจอร์ HiVision ที่ใช้ระบบ AI เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ และค้นหาข้อมูลต่างๆ จากการสแกนวัตถุนั้นๆ ผ่านทางกล้องของ Huawei Mate 20 Series ไม่ว่าจะเป็นจุดชมวิว, ภาพวาดที่มีชื่อเสียง และเช็คดูข้อมูลการขายสินค้านั้นๆ เช่น ราคาเท่าใด หาซื้อได้ที่ไหน เป็นต้น

นอกจากนี้ยังสามารถตรวจวัดปริมาณแคลอรี่ในอาหาร เพื่อให้คุณเลือกทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพได้ง่ายขึ้น เพียงแค่เอากล้องส่องไปที่อาหารก็สามารถคำนวณปริมาณแคลอรี่ให้แบบชาญฉลาดทันที

และแปลภาษาได้ เพียงยกกล้องส่องไปที่ข้อความที่ต้องการแปล ระบบจะตรวจจับข้อความ และแปลแบบเรียลไทม์ให้ทันที โดยในช่วงแรกมีภาษาให้เลือกใช้งาน 10 ภาษาด้วยกัน แต่ยังไม่รองรับภาษาไทย

อีกขั้นของกล้อง AI อัจฉริยะ ถ่ายสวยทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ

HUAWEI Mate 20 Series ทั้ง 3 รุ่นติดตั้งกล้องหลัง 3 เลนส์ พร้อมไฟแฟลช เรียงกันเป็นทรง 4 เหลี่ยม โดยได้แรงบันดาลจากไฟหน้าของรถ Porsche 919 และที่สำคัญมีการเปลี่ยนแปลง 3 เลนส์จาก Huawei P20 Series ซึ่งเดิมจะใช้เลนส์ RGB, Mono (เลนส์ขาวดำ) และ Telephoto

แต่ Huawei Mate 20 Series จะเปลี่ยนเลนส์ Mono ไปใช้เลนส์ Ultra Wide Angle ขนาด 16 mm แทน เพื่อให้การเก็บภาพในมุมกว้างได้อย่างสวยงาม

รวมทั้งมาพร้อมฟีเจอร์ Master AI ที่ใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์ฉาก และวัตถุต่างๆ ที่อยู่ภายในภาพ เพื่อนำไปปรับแต่งแก้ไขด้านสีสัน, คอนทราสต์ และความสว่างแบบอัตโนมัติเพื่อให้ภาพถ่ายมีความสวยงามในชัตเตอร์เดียว

โดย AI ของ HUAWEI Mate 20 Series สามารถตรวจจับซีนต่างๆ ได้ถึง 1,500 ซีนจากทั้งหมด 25 หมวดหมู่ นอกจากนี้ด้วยการใช้ชิปเซ็ท Kirin 980 ที่มี Dual NPU ทำให้การตรวจจับซีน, การวิเคราะห์วัตถุ รวมไปถึงการปรับแต่งภาพถ่ายทำได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี HUAWEI AIS (AI Image Stabilization) ระบบป้องกันภาพสั่นไหวที่ทาง Huawei พัฒนาขึ้นเอง ด้วยการนำใช้ระบบ AI เข้ามาช่วยล็อกเฟรมในภาพถ่าย ทำให้เราเปิดหน้าชัตเตอร์ค้างเพื่อถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยผ่านโหมด Night Mode ได้ด้วยมือโดยไม่จำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้องเลย

ส่วนกล้องหน้านั้นมีฟีเจอร์ AI HDR ที่ใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยเกลี่ยแสงให้เท่ากันของตัวแบบและฉากหลัง เพื่อให้สามารถถ่ายภาพแบบย้อนแสงได้ โดยที่ยังเก็บรายละเอียดบนตัวแบบ และวัตถุภายในภาพได้อย่างครบถ้วน

การถ่ายวิดีโอบน HUAWEI Mate 20 Series มาพร้อมกับฟีเจอร์ AI Cinema ที่เป็นการนำเอาระบบปัญญาประดิษฐ์ มาช่วยประมวลผลสำหรับปรับโทนสี หรือการเพิ่มเอฟเฟ็กต์ให้แก่การถ่ายวิดีโอแบบเรียลไทม์

โดย AI Cinema ประกอบไปด้วยลูกเล่นที่น่าสนใจมากมาย ได้แก่ AI Colour ปรับฉากหลังเป็นโทนสีขาว-ดำ ในขณะที่เก็บสีของตัวแบบไว้, Background Blur ถ่ายวิดีโอแบบหน้าชัดหลังเบลอ, Vintage ถ่ายวิดีโอในโทนสีแบบวินเทจ, Suspense ถ่ายวิดีโอในแบบคุมโทนสีน้ำเงิน และ Fresh ถ่ายวิดีโอโดยเน้นปรับสีสันให้มีความสว่างสดใส

อีกขั้นของแบตเตอรี่ความจุสูง และรองรับการชาร์จเร็ว SuperCharge

HUAWEI Mate 20 Series ทั้ง 3 รุ่นมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่รองรับการใช้งานได้ตลอดวัน โดย HUAWEI Mate 20 มีแบตเตอรี่ความจุ 4,000mAh ส่วน HUAWEI Mate 20 Pro มีแบตเตอรี่ความจุ 4,200mAh และ HUAWEI Mate 20 X มีแบตเตอรี่ความจุถึง 5,000mAh

ด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่มีความจุสูงนั้นทำให้หลายคนอาจกังวลว่าเวลาชาร์จจะใช้เวลานาน แต่หมดห่วงได้เพราะรองรับการเทคโนโลยีการชาร์จไวใหม่ล่าสุด SuperCharge ที่รองรับกำลังไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 40W สำหรับรุ่น Mate 20 Pro สามารถชาร์จได้ 70% ของความจุแบตเตอรี่ หรือประมาณ 2,940mAh ได้ภายในเวลาเพียง 30 นาที

นอกจากชาร์จได้อย่างรวดเร็วแล้ว ความปลอดภัยก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยเทคโนโลยี SuperCharge ได้รับการรับรองความปลอดภัยขั้นสูงสุดจากสถาบัน TÜV Rheinland ซึ่งเป็นผู้ให้บริการตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ระดับโลก จึงใช้งานได้อย่างสบายใจแน่นอน

และก้าวไปอีกขั้นกับความสามารถพิเศษที่มีเฉพาะใน HUAWEI Mate 20 Pro พกพานวัตกรรม Reverst Wireless Charge ที่สามารถเปลี่ยน Mate 20 Pro ของคุณให้กลายเป็นที่ชาร์จไร้สาย หมายความว่าเราสามารถเป็น Power Bank ให้กับเพื่อนๆ ได้ โดยนำอุปกรณ์ที่รองรับการชาร์จแบบไร้สายมาประกบด้านหลังเครื่องแล้วเปิดโหมดการชาร์จแบบย้อนกลับแบบไร้สาย

เรียกได้ว่าแต่ละฟีเจอร์นั้นช่วยให้การใช้งานต่างๆ ดีขึ้นมากทั้งในเรื่องประสิทธิภาพที่เร็ว แรง และไหลลื่น, ความอัจฉริยะของฟีเจอร์ HiVision, กล้องที่ถ่ายง่ายและมีลูกเล่นไม่เหมือนใคร และใช้งานได้อย่างยาวนาน

ทั้งหมดนี้ก็คือ อีกขั้นของเทคโนโลยี AI ที่ทำให้ HUAWEI Mate 20 Series ทั้ง 3 รุ่น Mate 20, Mate 20 Pro และ Mate 20X คือสมาร์ทโฟนอัจฉริยะที่ดีที่สุดแห่งปี